-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
ในงานหนังสือรอบนี้ มีผู้อ่านไม่น้อยไม่รู้ว่า สี่ภพ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ทำไมอยู่ดีๆ นึกเขียนเรื่องแนวนี้
ก็ขอเล่าซ้ำหน่อย ท่านที่รู้แล้ว ก็ข้ามไปได้
ราวปี พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๔๖ ผมเขียนคอลัมน์ชื่อ ำ (อำ) ที่มติชนสุดสัปดาห์ คอนเส็ปต์ของคอลัมน์นี้คือหาเรื่องมาอำผู้อ่าน ในรูปสารคดีผสมเกม
นั่นคือนานก่อนยุคเฟกนิวส์ระบาด
เกมคือให้ผู้อ่านคาดเดาว่าเรื่องที่ผมเขียนเป็นเรื่องจริงหรืออำ
ใน ำ ตอนแรกผมอำว่ามีนวนิยายกำลังภายในเรื่องหนึ่ง เป็นซีรีส์สี่เล่ม ชื่อ เป่ย หนาน ตง ซี เป็นงานนิยายกำลังภายในผสมไซไฟ โด่งดังมากที่ฮ่องกง และ น. นพรัตน์ กำลังแปลเป็นไทย จบเรื่องว่า นี่เป็นการอำเล่นสนุก ๆ ผลคือหลายคนหงุดหงิด
อำหนักไปหน่อย!
วันหนึ่ง น. นพรัตน์ บอกผมว่ามีคนถามเขาเสมอว่า เมื่อไรจะแปล เป่ย หนาน ตง ซี เสร็จ ตลอดหลายปีหลังจากนั้น มีผู้อ่านมาคาดคั้นผมให้ผมลงมือเขียนจริง ๆ
“เพื่อชดใช้บาปที่ไปอำคนไว้”
จนถึงวันหนึ่งผมก็ตกลงใจ
เขียนก็เขียน
เป็นที่มาของนวนิยาย สี่ภพ
นวนิยายเรื่องนี้มิใช่เกิดขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองเขียนงานตระกูลนี้ได้ แต่มันเป็น ‘love letter’ หรืองานแสดงความรักความลุ่มหลงต่องานนิยายกำลังภายในสมัยเก่า กิมย้ง โก้วเล้ง รวมทั้งสำนวนแปลของนักแปลรุ่นนั้น เช่น ว. ณ เมืองลุง น. นพรัตน์ มันเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงความหลังอันสวยงาม
โจทย์เรื่องนี้ยากมาก การทำงานแบบนี้ตามสไตล์ของผมคือทำไปตามขั้นตอนการคิดงานสร้างสรรค์
สิ่งแรกที่ทำคือคิดคอนเส็ปต์
ผมเริ่มงานเขียนในลักษณะการทำงานโฆษณา เริ่มที่การ ‘เบรนสตอร์ม’ หาไอเดีย
สิ่งแรกสุดที่ต้องทำคือหาคอนเส็ปต์หลักหรือกระดูกสันหลังของเรื่อง คอนเส็ปต์หลักนี้จะกำหนดลักษณะการเล่าเรื่อง องค์ประกอบเรื่อง โทน อารมณ์ เพราะถ้าไม่มีคอนเส็ปต์ เรื่องจะสะเปะสะปะ ไร้ทิศทาง
หลังจากได้คอนเส็ปต์แล้ว จึงคิดพล็อตย่อย (subplots) จำนวนหลายร้อยพล็อต เพื่อประกอบกันเป็นเรื่องรวม
โจทย์เรื่องนี้คือนิยายไซไฟ + กำลังภายใน ผมตั้งใจให้เป็นไซไฟจริง ๆ ไม่ใช่แฟนตาซี ต่อให้จินตนาการหลุดโลกแค่ไหน ก็อธิบายหลักวิทยาศาสตร์ได้ และมันควรใช้ประโยชน์จากความเป็นไซไฟ เพื่อสื่อสารบางอย่าง
หากฟังดูไม่ใช่นิยายกำลังภายในเท่าไร ก็เพราะคนส่วนมากตกอยู่ในกรอบว่านิยายกำลังภายในคือเรื่องการชิงอำนาจ การล้างแค้น ไปจนถึงเรื่องคุณธรรมน้ำมิตรของโก้วเล้ง
สิ่งที่ผมทำคือใช้นิยายกำลังภายในเป็นหลักหรือฉากหน้า แต่ฉากหลังเสียบไซไฟเข้าไปแบบ - พูดด้วยภาษาคนในวงการนี้คือ - ‘ไร้รอยตะเข็บ’
เนื่องจากนิยายกำลังภายในมักเกิดขึ้นในเมืองจีนยุคโบราณ สมัยที่ยังใช้ดาบเป็นอาวุธ การใส่ไซไฟเข้าไปจึงทำได้ยาก เพราะมิอาจอธิบายองค์ประกอบวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ตรง ๆ ใช้ศัพท์ฟิสิกส์ตรง ๆ ไม่ได้ ยกตัวอย่าง เช่น มิติ หลุมดำ โลกคู่ขนาน สสารมืด พลังงานมืด จะเล่าในนิยายกำลังภายในอย่างไร
นี่เป็นปัญหาใหญ่
แต่นี่เป็นเพียงองค์ประกอบเรื่อง สิ่งที่ต้องการลำดับแรกคือคอนเส็ปต์
และต้องเป็นคอนเส็ปต์ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในโลกนิยายกำลังภายใน
ผมคิดคอนเส็ปต์ไว้มากมาย หลังจากคิดอย่างหนักนานหลายปี มองแทบทุกจุดที่เป็นไปได้ ในที่สุดผมก็สรุปได้ และพอใจกับทิศทางนี้
วินทร์ เลียววาริณ
๑๗-๑๐-๒๕๖๘...............
สี่ภพ เป็นนิยายจีนกำลังภายใน+ไซไฟ ผลงาน 5 ปีของ วินทร์ เลียววาริณ
จำหน่ายในงานหนังสือและทางออนไลน์
งานหนังสือบูธ F-21 (ราคา 2,300.- ถ้ารับกลับเอง)ซื้อผ่าน Shopee กดลิงก์ https://s.shopee.co.th/2LPBgEyqPg?share_channel_code=6
ซื้อผ่านเว็บไซต์ วินทร์ เลียววาริณ กดลิงก์
https://www.winbookclub.com/store/detail/255/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%9Eอีบุ๊ค จัดจำหน่ายโดยบริษัท The Meb ทั้งแยกเล่มและรวมชุด (สำนักพิมพ์ 113 ไม่ได้จำหน่าย) https://www.theonebook.com/index.php?action=search_book&page_no=1
0- แชร์
- 2
-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ช่วงนี้กำลังมีงานหนังสือ ผมใช้เวลาหลายชั่วโมงต่อวันที่นั่น
ช่วงงานหนังสือ ไม่ได้อยู่ติดเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงไม่สามารถเขียนงานอะไรได้ ต้องรอกลับบ้านก่อน ถ้าไม่ง่วง ก็เขียนงานตอนนั้น
ตารางเวลาทำงานรวนหมด
แต่งานหนังสือกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีนักเขียนไปแล้ว ตามระบบเขียนเอง-ทำเอง-ขายเอง
ออกแบบปกเอง ทำอาร์ตเวิร์กเอง
นอกจากงานพวกนี้แล้วยังต้องซักผ้าเองอีก
นักเขียนสายวรรณกรรมหลายคนก็ทำโมเดลนี้ และค่อยๆ หายไปทีละคน ตอนนี้นอกจากผมแล้ว ก็เห็นแต่คุณพงศกร คุณกิ่งฉัตร กับนักเขียนค่ายนาครอีกไม่กี่คน
ไม่รู้จะยืนหยัดได้อีกนานเท่าไร
ก็ทำใจได้ครับ ถ้าโมเดลนี้ไปไม่รอด ตามสัจธรรม "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป"
เอาละ ระหว่างที่ยังมาเปิดบูธในงานหนังสือ ใครอยากแวะมาเยี่ยม ก็เชิญที่ F-21 ผมประจำการตอนเที่ยงกับตอนเย็น (งานมีถึงวันอาทิตย์ที่ 19)
เวลาที่เหลือก็ดื่มเหล้า เอ๊ย! คิดงานเรื่องต่อไป
วินทร์ เลียววาริณ
17-10-250- แชร์
- 9
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
ผู้อ่านท่านหนึ่งส่งรูปบ้านของเขามาให้ดู ติดโปสเตอร์ สี่ภพ ความยาวเกือบเมตรบนผนัง
เขาบอกว่ามันเข้ากับสไตล์จีนของบ้านดี ก็จริงอย่างนั้น
แปลกดีครับ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนเอาโปสเตอร์ไปติดจริง และติดแบบนี้
ถ้าติดในบ้านสมัยใหม่ อาจไม่เข้ากันก็ได้ (ไม่รู้มีใครลองติดหรือเปล่า)
โปสเตอร์นี้มีขนาดราว 24.5 x 90 ซม. กว้างประมาณบานประตู ม้วนใส่ในหลอดกระดาษแข็ง ผู้ที่สั่งซื้อตอนนี้ได้รับทุกคน
สี่ภพ boxset ยังมีจำหน่าย ขายไปช้าๆ เหตุผลหนึ่งเพราะไม่ทุกคนอ่านนิยายกำลังภายใน อีกเหตุผลหนึ่งอาจเพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ราคานี้เกิดจากจำนวนพิมพ์น้อยและต้นทุนสูงมากๆ จัดเป็น rare item หรือ collection
รูปเล่มของหนังสือจำลองแบบมาจากหนังสือจีนกำลังภายในยุคห้าสิบปีก่อนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้อ่านที่ทันยุคนั้นต่างร้องว่าจำได้
ท่านที่สนใจอยากเก็บ ก็สามารถซื้อได้หลายทาง รวมทั้งในงานหนังสือที่จะมีถึงวันที่ 19 ตุลาคม
สำหรับคนที่ไม่ขอเป็นเจ้าของ ก็สามารถอ่านได้จากห้องสมุด เพราะเราก็ยังอุตส่าห์เข็นออกมาจำนวนหนึ่งเข้าห้องสมุด จำนวนอาจไม่มากเท่าเล่มอื่นๆ แต่ก็ทำเท่าที่ทุนบริจาคพาไปได้
ไม่ว่าจะอ่านทางไหน นี่ก็เป็นบทหนึ่งของการหวนระลึกถึงความสวยงามของบรรยากาศการอ่านในอดีตเมื่อห้าสิบปีก่อน ซึ่งไม่มีวันกลับมาแล้ว
วินทร์ เลียววาริณ
16-10-25...............
สี่ภพ เป็นนิยายจีนกำลังภายใน+ไซไฟ ผลงาน 5 ปีของ วินทร์ เลียววาริณ
จำหน่ายในงานหนังสือและทางออนไลน์
งานหนังสือบูธ F-21 (ราคา 2,300.- ถ้ารับกลับเอง)ซื้อผ่าน Shopee กดลิงก์ https://s.shopee.co.th/2LPBgEyqPg?share_channel_code=6
ซื้อผ่านเว็บไซต์ วินทร์ เลียววาริณ กดลิงก์
https://www.winbookclub.com/store/detail/255/%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%9Eอีบุ๊ค จัดจำหน่ายโดยบริษัท The Meb ทั้งแยกเล่มและรวมชุด (สำนักพิมพ์ 113 ไม่ได้จำหน่าย) https://www.theonebook.com/index.php?action=search_book&page_no=1
1- แชร์
- 31
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
พ่อบอกให้เดชาเรียนแพทย์ แม่อยากให้เขาเรียนกฎหมาย แต่เขาอยากเรียนศิลปะ เดชาบอกพ่อแม่ว่าเขาโตแล้ว เลือกทางเดินตัวเองได้ แต่เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของพ่อแม่ และยิ่งรู้สึกแย่กว่าเมื่อต้องทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ ท้ายที่สุดเขาก็ตามใจแม่ เขาทำตามบทบาทของ ‘ลูกกตัญญู’ เขาไม่มีความสุขในอาชีพของเขาเลย
ถาวรทำงานออกแบบโฆษณา เขาใส่รูปสินค้าเล็ก ๆ แต่เจ้านายบอกว่าอยากให้รูปสินค้าใหญ่ ๆ เขารู้สึกแย่หากไม่ทำตามคำแนะนำของเจ้านาย แต่รู้สึกแย่กว่าหากทำตามคำแนะนำที่เขาไม่ชอบ ท้ายที่สุดเพื่อรักษาบรรยากาศของการทำงาน เขาตามใจเจ้านาย
เขาไม่เคยประสบความสำเร็จในสายงานของเขาเลย
นารีไปซื้อกระเป๋าสะพายกับเพื่อนสาวสองคน เธอชอบใบสีเหลือง เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าใบสีแดงเหมาะกับเธอมากกว่า เพื่อนอีกคนว่าน่าจะเป็นกระเป๋าหนังมากกว่า เธอไม่ชอบทั้งสองแบบที่เพื่อนแนะนำ นารีรู้ว่าเพื่อนของเธอมีรสนิยมดี เธออยากเอาใจเพื่อน แต่เธอรู้สึกว่าทำแล้วไม่มีความสุข
ฯลฯ
มนุษย์เรามีสัญชาตญาณกลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ เราอยากรู้ว่าคนอื่นจะมีปฏิกิริยาอะไรเมื่อเราทำเรื่องหนึ่ง ๆ คนอื่นจะคิดอะไรเมื่อเราสวมเสื้อไม่เหมือนคนอื่น สีไม่ตรงใจพวกเขา กินไม่เหมือนพวกเขา เราอยากให้คนอื่นชอบเรา
เรารู้สึกว่าเราเป็นคนมีค่าก็เมื่อคนอื่นชอบเรา ยิ่งมากคน ยิ่งดี
ถ้าเราไม่ทำสิ่งที่ขัดกับความชอบของคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ เพราะกลัวจะได้ยินคำติเตียนของคนอื่น
ปัญหาคือถ้าเราทำตามใจคนอื่น เราก็ไม่สบายใจ
มนุษย์แต่ละคนมีความฝัน ความคิด ความต้องการ และวิถีทางของตัวเอง แต่ละคนเชื่อว่าตนเองถูกต้อง คนส่วนใหญ่ชอบหาคำตอบสุดท้ายคำตอบเดียวในทุกเรื่อง
พวกเขาเห็นว่าคนที่แตกต่างจากตนคือคนประหลาด ทั้งนี้เพราะคนส่วนใหญ่กลัวความแตกต่างจากความเคยชินของพวกเขา พวกเขาคิดว่าอะไรที่ไม่เคยเห็นหรือไม่เคยทำเป็นเรื่องไม่ถูกไม่ดี
ประสบการณ์ชีวิตต่างกันปรับหลอมโลกทัศน์และมุมมอง และเมื่อใช้มุมมองแบบหนึ่งไปมองอีกคนหนึ่ง ย่อมเห็นความแตกต่าง และหากใจไม่กว้างพอ ก็จะวิพากษ์และตัดสินคนอื่นด้วยมุมมองและกรอบคิดแคบ ๆ ของตัวเอง
ดังนั้นเราจึงมักถูกคนที่เห็นต่างจากเราตัดสิน และพยายามชี้ทางที่เขาเชื่อว่าถูกต้องหรือดีที่สุดให้เราเดิน
หากเราทำตามใจเขา ก็เท่ากับเราพยายามเอาใจเขาคนนั้น
แต่ความจริงคือ ไม่ใช่ทุกเรื่องในชีวิตที่ต้องมีคำตอบเดียว หรือต้องมีคำตอบ
ความจริงคือ มีคนนับล้าน ๆ ที่เห็นต่างกัน ความเห็นหรือคำแนะนำนับล้านที่ขัดแย้งกัน ไม่อาจถูกต้องพร้อมกัน
นี่แปลว่าความเห็นเป็นความคิดส่วนตัว ไม่ใช่สัจธรรม
เรื่องหลายเรื่องในโลกเป็นรสนิยมส่วนตัว เป็นนานาจิตตัง ดังนั้นไม่มีวิถีทางใดที่ถูกต้องสูงสุด
จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาใจทุกคน
และเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราไม่ทำตามใจคนอื่น เราจะถูกวิพากษ์
วินทร์ เลียววาริณ
16-10-25.........
ท่อนหนึ่งจาก ตัวสุขอยู่ในหัวใจ
หนังสือเสริมกำลังใจ
260 บาท 49 บทความ เรื่องละ 5.3 บาท
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/211/ตัวสุขอยู่ในหัวใจ1- แชร์
- 29
-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
สองวันนี้ สถานการณ์ในกาซาซาลงนิดหน่อย หลังจากท่านทรัมป์บังคับให้ทุกฝ่ายเซ็นสัญญาสันติภาพ
ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายปล่อยตัวประกันทั้งหมด
คำถามคือศึกกาซาจบแค่นี้หรือ?
นักวิเคราะห์การเมืองโลกส่วนใหญ่บอกว่า "โน! เดี๋ยวก็รบกันต่อ"
คำถามต่อมาคือ งั้นทำไมฮามาสยอมปล่อยตัวประกัน ในเมื่อมันเป็นอำนาจต่อรอง
คำตอบน่าจะเป็นเพราะคนที่ร่วมเซ็นสัญญาสันติภาพมีหลายประเทศในอาหรับ และคำรับรองของสหรัฐฯ
และฮามาสอาจรู้ว่า ปล่อยหรือไม่ปล่อยตัวประกัน ก็โดนถล่มเหมือนเดิม เพราะนายกฯอิสราเอล เนทันยาฮู โนสนโนแคร์ใดๆ ทั้งสิ้น
ผลงานของท่านทรัมป์ชิ้นนี้ทำให้นิตยสาร Time นำท่านไปขึ้นปก
ท่านทรัมป์บอกว่า นิตยสารเขียนถึงท่านในแง่ดี แต่เลือกรูปได้ห่วยมาก
ไม่ชอบ ขอบอก
วันก่อนท่านทรัมป์ไปปรากฏตัวที่รัฐสภาอิสราเอล (เรียกว่า Knesset) ท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับอย่างล้นหลาม
ท่านทรัมป์พูดทีเล่นทีจริงกลางที่ประชุมว่า ท่านประธานาธิบดีอิสราเอลควรให้อภัยโทษนายกฯ เนทันยาฮูนะ ทำเอาเนทันยาฮูหน้าเจื่อน เพราะเท่ากับท่านทรัมป์ยอมรับว่าเนทันยาฮูเป็นอาชญากรสงคราม!
ชาวอิสราเอลถือว่าท่านทรัมป์เป็นสุดยอดวีรบุรุษประชาธิปไตย มีคนทำรูปท่านบนพื้นดิน
อืม! ดีไซน์นี้ค่อยยังชั่ว
วันนี้เห็นข่าวท่านทรัมป์จะมาร่วมเซ็นสัญญาสันติภาพระหว่างไทยกับเขมร
ท่าทางรางวัลโนเบลสันติภาพปีหน้าจะหนีไม่พ้นมือท่านทรัมป์เสียแล้ว
เอาละ ไหนๆ ท่านทรัมป์ก็จะมาเยือนแถวนี้ น่าจะชวนท่านไปกินไข่เจียวปูเจ๊ไฝ แล้วพาท่านและพวกซีไอเอ เพนตากอน ไบกอน ไปดูการสาธิตการใช้เสียงเป็นอาวุธ ทรงพลังกว่าอาวุธจรวด supersonic ของมหาอำนาจอีก
เพราะมันคือเสียงผีผ่านลำโพง
คราวนี้ถ้าไม่ได้โนเบิ้ล เอ๊ย! โนเบลสันติภาพ จะเปิดเสียงผีให้คณะกรรมการโนเบลฟังทุกคืน เดี๋ยวก็ยอมเอง
เฮ้อ! โลกเรานี่อยู่ยากเข้าไปทุกที แม้แต่ผียังถูกลากเข้ามาสู่การเมืองโลก
วินทร์ เลียววาริณ
15-10-251- แชร์
- 26
