• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    สองคำนี้ไม่น่าจะผิดเลย แต่ก็เห็นคนเขียนผิดเสมอ

    รังเกียจ แปลว่า เกลียดเพราะขยะแขยง

    ส่วน รังเกลียด มาจาก รัง = สิ่งที่สัตว์บางชนิดสร้างเป็นที่อยู่ + เกลียด = ไม่ชอบ

    รังเกลียด (hate nest) จึงน่าจะแปลว่า ที่อยู่ที่ไม่ชอบ เช่น "อยู่บ้านนี้แล้วอึดอัด โดนแม่สามีรังแก"

    ดังนั้นอาการเกลียดเพราะขยะแขยง จึงใช้ว่า รังเกียจ

    .....................

    ก็มาถึงคู่ ขี้เกียจ กับ ขี้เกลียด

    ขี้เกียจ = นิสัยไม่ชอบทำงาน (lazy)

    ขี้เกลียด = ไม่ชอบขี้ (hate shit)

    ใช้ให้ถูกนะ อย่าใช้ผิดๆ ดังประโยคต่อไปนี้

    "หนูรังเกลียดผู้ชายคนนั้นมากค่ะ เพราะเขาขี้เกลียดมาก"

    สองประโยคนี้แปลว่า หนู (rat) ไปทำรังบนตัวผู้ชายคนนั้น เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ชอบขี้ หนู (rat) จึงเกลียดเขา

    อืม! ฟังดูแปลกๆ นะ

    แต่หากหมายถึงคน ที่ถูกก็ต้องเขียนว่า

    "หนูเคยรังเกียจผู้ชายคนนี้ค่ะ เพราะเขาขี้เกียจซักผ้า แต่หนูไม่เกลียดเขานะคะ เพราะในเรื่องการทำงานหาเงิน เขาไม่ขี้เกียจค่ะ ขยันทำงานหาเงินมาซื้อเครื่องซักผ้าจนได้"

    วินทร์ เลียววาริณ
    19-3-2567

    0
    • 0 แชร์
    • 0
  • วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    เด็ก’ถาปัดจำนวนมากเรียนจบแล้วไปประกอบอาชีพอื่น ทำให้มีคำถามหนึ่งที่หลายคนอยากถามคือ เราควรทำงานในสายวิชาที่เราเรียนมาหรือไม่

    การเปลี่ยนสายเท่ากับรัฐเสียเงินค่าสร้างบุคลากรไปเปล่าๆ เสียของ จริงไหม?

    ในมุมมองและความเห็นของผม - ไม่จริง

    เวลาทำเค้กหรือขนมปัง ก็มีเศษแป้งที่ไม่ได้ใช้ ผัดกะเพรา ก็อาจมีวัตถุดิบบางส่วนที่ต้องทิ้งไป

    เช่นกัน ทุกๆ การลงทุนในการศึกษามีโอกาสที่จะเสียของทั้งสิ้น แน่นอน ถ้าเสียน้อยกว่าก็ดี เพราะสังคมต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสร้างบุคลากร

    ลองมองอีกมุมหนึ่ง คนที่ทำงานตามสายวิชาที่เรียนมา แต่คดโกง หรือใช้วิชาชีพไปคอร์รัปชั่น หรือไปเอาเปรียบคนอื่น อย่างนี้ก็เสียของ

    เสียของหรือไม่เสียของจึงขึ้นกับท้ายที่สุด บุคคลนั้นสร้างประโยชน์หรือเป็นโทษต่อสังคมมากกว่า

    แต่เราต้องเข้าใจว่า เด็กวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่เลือกเรียนคณะวิชาหนึ่งๆ นั้น อาจมีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่รู้แน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไปทางไหน

    บางคนเลือกคณะวิชาตามเพื่อน บางคนเลือกตามที่พ่อแม่บอก แล้ววัดดวงเอาว่า จบออกมาแล้วชีวิตจะดีมั้ง

    คนเราต้องใช้เวลาในการเข้าใจและรู้จริงๆ ว่าตัวเองชอบอะไร จำนวนมากกว่าจะรู้ก็เรียนจบสายวิชาที่ไม่ชอบแล้ว

    ใน 10 เปอร์เซ็นต์ที่รู้แน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไปทางไหน ก็อาจต้องเปลี่ยนสาย เพราะไปไม่รอดในเชิงรายได้

    ดังนั้นไม่มีอะไรแน่นอน

    ชีวิตคือการก้าวเคลื่อนไป ปรับตัวไปตามสถานการณ์ ผ่านไปช่วงหนึ่ง เราอาจเพิ่งรู้ว่าเราต้องการอะไรจริงๆ ในชีวิต

    บางคนเรียนจบหลายปริญญา แต่ท้ายที่สุดพบว่าอยากเป็นพระ

    ดังนั้นไม่ใช่เรื่องผิดที่เรียนจบสายหนึ่งแล้วไปทำงานอีกสายหนึ่ง

    โดยเฉพาะผู้ชายที่แต่งงานแล้ว มักต้องทำงานสายที่ไม่ได้เรียนมาเสมอ

    ซักผ้า

    สวัสดีวันอังคาร

    19-3-2024

    0
    • 0 แชร์
    • 11
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    ในเรื่องสั้น หมึกหยดสุดท้าย ที่ผมเขียนเมื่อปี 2535 เปิดเรื่องด้วยงานประกาศผลรางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยม กรรมการประกาศว่า "นวนิยายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ได้แก่เรื่อง ฝนหยดเดียว ของ เวทย์ วาทิน"

    นักเขียน เวทย์ วาทิน ก็ขึ้นไปรับรางวัล กล่าวว่า "ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมรู้สึกดีใจและเสียใจในโอกาสที่นวนิยายเรื่อง ฝนหยดเดียว ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ผมไม่เคยนึกว่าในชีวิตนี้ผมจะมีโอกาสก้าวขึ้นมาบนเวทีแห่งนี้ แต่ผมจำเป็นที่จะต้องแจ้งแก่ท่านว่า ผมไม่ใช่เป็นคนเขียนหนังสือเรื่องนี้"

    (มีสปอยเลอร์พล็อตเล็กน้อย)

    ในอีกมุมหนึ่งของโลกวรรณกรรม ตัวละครนักเขียน 'Thelonious (Monk) Ellison' ก้าวขึ้นไปบนเวทีประกาศผลรางวัล และกล่าวว่า "ผมมีเรื่องจะสารภาพ"

    นี่คือ American Fiction หนังที่ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม โค่น Oppenheimer

    เรื่องของนักเขียนนวนิยายผิวสีคนหนึ่ง (Jeffrey Wright) ผู้เบื่อหน่ายงานเขียนที่สะท้อนภาพคนผิวดำในสหรัฐฯอย่างผิดๆ (Black stereotype)

    งานของเขาได้รับคำชม แต่ขายไม่ดี ครั้งหนึ่งเขาเดินเข้าร้านหนังสือ ถามหาหนังสือของเขาเอง พนักงานพาเขาไปที่มุมหนึ่ง เขาบอกว่า งานของเขาถูกวางผิดหมวด งานของเขาเป็นนวนิยาย ไม่ใช่สารคดี

    (นอกเรื่อง : ผมมีประสบการณ์ตรงเป๊ะเลย ครั้งหนึ่งผมพบหนังสือนวนิยาย ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ในหมวดสารคดีประวัติศาสตร์ นับว่ายังโชคดีไม่เอาไปวางในหมวดเรขาคณิต!)

    งานล่าสุดของเขาถูกปฏิเสธ "เพราะมันดำไม่พอ"

    เขาจึงเลือกทำการบางอย่างเพื่อประชดประชันขำๆ เขียนนวนิยายโดยใช้นามปากกาอื่นคือ Stagg R. Leigh หนังสือได้รับการตีพิมพ์ แต่ผลที่ออกมา กลับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเจตนาของเขา

    American Fiction เป็นหนังแนวเสียดสี ผสม black comedy (black ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนผิวสี) มันเป็นหนังดรามาผสมสะท้อนสังคม ผสมกลมกลืนกัน หากตัดส่วนที่เป็น melodrama ออก มันก็คือเรื่องเสียดสีแบบจุกๆ เจ็บๆ คันๆ ดูแล้วหัวเราะหึๆ เป็นระยะ

    ที่แปลกก็คือ มันก็สะท้อนสังคมวรรณกรรมบ้านเราไปด้วย

    ไม่ว่าอเมริกาหรือเมืองไทย เราต่างตกอยู่ในสภาวะที่เต็มไปด้วยคนอ่านที่อ่านไม่แตก และไม่คิดจะอ่านให้แตก อ่านเพื่อสนองความอยาก (urge) ของการเสพเรื่องเซมๆ ตั้งแต่ฉากแรกที่นักศึกษาไม่สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะว่าอะไรคือเปลือก อะไรคือแก่น แล้วเดินออกจากห้องเรียน

    เป็นหนังฉลาดเรื่องหนึ่ง ถ้าดูแค่ดรามาชีวิต ก็ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าดูเอาจุกๆ เจ็บๆ คันๆ ก็ต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะไปด้วย

    9.5/10
    ฉายทางช่อง Prime

    วินทร์ เลียววาริณ 18-3-24

    ......................
    วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)

    0
    • 0 แชร์
    • 23
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เป็นพระสำคัญมากรูปหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์  เป็นศิษย์รุ่นแรกของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต มีวัตรปฏิบัติน่าเคารพ ใช้ชีวิตแบบธรรมดา ไม่เคยกระทำตนเป็นผู้วิเศษ

    เมื่อใครมาถามเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจอภินิหารทั้งหลาย ท่านจะพูดตัดบท เป็นสัญญาณว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรสนใจ

    บางครั้งชาวบ้านชาวเมืองมาขอให้ท่านเลือกวันดี ฤกษ์ยามที่เหมาะสำหรับทำกิจต่าง ๆ ท่านจะบอกว่า “วันไหนก็ได้ วันไหนก็ดี”

    วันดีก็คือทุกวัน

    ทุกวันก็เป็นวันดีได้ ไม่ต้องรอเทพองค์ไหนมาเสกสร้าง

    ในภาพยนตร์เรื่อง Sideways (2004) ตัวละคร ‘ไมล์ส’ เป็นนักเขียนวัยกลางคนผู้ไม่ประสบความสำเร็จ ผ่านการหย่าร้าง มองโลกหม่นหมอง ชีวิตไม่มีอะไรสวยงาม

    วันหนึ่งเขาเดินทางไปกับแจ็ค เพื่อนนักแสดงที่กำลังจะแต่งงาน และไปเที่ยวตามประสาชายโสดเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งสองขับรถไปเที่ยวไร่ไวน์แถบ Santa Ynez Valley

    ไมล์สต้องการแค่หาที่พักผ่อนสมอง กินอาหารอร่อย และไวน์ดี ๆ ก่อนกลับไปเผชิญโลกแห่งความจริง

    ไมล์สพบสาวเสิร์ฟชื่อมายา ทั้งสองคุยกันถูกคอในเรื่องไวน์ เขาเล่าว่าเขาเป็นนักเขียน และยังมอบต้นฉบับให้เธออ่าน

    ไมล์สบอกมายาว่า เขามีไวน์แดง 1961 Chateau Cheval Blanc ขวดหนึ่ง

    Chateau Cheval Blanc ถือว่าเป็นไวน์ดีที่สุดและแพงที่สุดชนิดหนึ่ง และ 1961 เป็นปีผลิตที่ดีที่สุดปีหนึ่งในศตวรรษที่ 20

    เขาบอกว่าเขาจะดื่มไวน์ขวดนี้เมื่อถึงโอกาสพิเศษจริง ๆ

    มายาบอกเขาว่า “วันไหนที่คุณเปิด 1961 Chateau Cheval Blanc วันนั้นก็คือโอกาสพิเศษ”

    นี่คือการมองมุมกลับได้ หากไวน์อร่อยทำให้เรามีความสุข ทุกครั้งที่เราเปิดไวน์ขวดนั้น มันก็เป็นวันพิเศษ

    ไมล์สพบว่าสำนักพิมพ์ปฏิเสธงานของเขา ก็หงุดหงิดใส่ทุกคน

    เขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการต่าง ๆ ของเขาเอง

    วันหนึ่งไมล์สพบภรรยาเก่ากับสามีใหม่ของเธอโดยบังเอิญ เธอตั้งท้อง เขาจึงยอมรับความจริงว่าเขาไม่มีทางได้เธอคืนมาแล้ว คืนนั้นในร้านฟาสต์ฟูด เขาเปิดขวดไวน์ 1961 Chateau Cheval Blanc เทใส่ถ้วยกระดาษ แล้วเริ่มดื่ม

    มันเป็นวันพิเศษ

    วันพิเศษของคนทั่วไปคือวันคล้ายวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน

    เมื่อถึงวันนั้น ก็ไปฉลอง ดื่มไวน์ กินเค้ก ไปร้านอาหารดี ๆ

    น้อยคนจะฉลองในวันธรรมดา เพราะมันเป็นวันธรรมดา จึงไม่ต้องฉลอง เราแบ่งแยกวันพิเศษกับวันธรรมดาออกจากกัน แต่เนื่องจากวันพิเศษแบบนี้มีน้อย ดังนั้นเราจึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวันที่เราไม่เห็นความพิเศษ

    หากการกินอาหารอร่อยทำให้เรามีความสุข วันที่กินอาหารจานนั้นก็คือวันดี ดังนั้นทุกวันก็สามารถเป็นวันพิเศษได้

    เราทำให้วันของคนอื่นเป็นวันพิศษได้เช่นกัน หากเราเอ่ยกับคนรักตอนเช้าว่า “รัก” วันนั้นก็กลายเป็นวันพิเศษสำหรับเขาและเธอ

    จริงอย่างที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ว่า “วันไหนก็ได้ วันไหนก็ดี”

    ขอให้วันนี้เป็นวันพิเศษอีกวันของผู้อ่านครับ

    ........

    จาก กอดหนาม หนังสือกำลังใจเล่มใหม่ / วินทร์ เลียววาริณ

    ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ แถม Mini Tao ฉบับ Limited Edition
    ซื้อทางเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%20+%20%E0%B8%9B%E0%B8%8E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C%20%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%20Mini%20Tao

    ซื้อทาง Shopee https://shope.ee/1qEAFwkFjK?share_channel_code=6 

    0
    • 0 แชร์
    • 27
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    สองวันนี้มีผู้อ่านเขียนมาถามว่า เรื่อง 2475 รวมเล่มแล้วยัง

    ก็แจ้งไปว่ามันอยู่เล่ม ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 3 เล่าที่มาของเหตุการณ์ 2475 ผลต่อเนื่อง เกร็ดอื่นๆ เช่น สมุดปกเหลือง กบฏบวรเดช และอีกหลายๆ รัฐประหาร เป็นเรื่องที่คนไทยควรรู้

    เรื่องที่ลงให้อ่านย่อมาแล้ว ต้นฉบับยาวกว่านี้

    ก็ถือโอกาสนี้แจ้งให้ทราบว่า ตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นคุ้มมาก คือ ชุด ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม) + วีรบุรุษที่เราลืม (ชุด H1) ราคาปก 1,605.- เหลือเพียง 1,000 บาท ทุกเล่มมีลายเซ็นนักเขียน

    สั่งจาก Shopee คลิก https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6

    สั่งจากเว็บ คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9  

    0
    • 0 แชร์
    • 22