-
วินทร์ เลียววาริณ9 เดือนที่ผ่านมา
ครูเพลงชั้นปรมาจารย์ท่านหนึ่งของไทย ไพบูลย์ บุตรขัน ผ่านชีวิตลำเค็ญมาแต่เล็ก
ที่หนักหนาที่สุดคือเขาป่วยเป็นโรคเรื้อน
ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ไพบูลย์ บุตรขัน ทำงานที่การไฟฟ้าฯ และเริ่มป่วยด้วยโรคเรื้อน เขามักพันผ้าพันแผลไว้รอบนิ้วเหมือนนักมวยพันผ้าก่อนสวมนวม และมักหลีกเลี่ยงให้ใครสังเกตเห็นมือของเขา
เนื่องจากในช่วงสงครามโลก หยูกยาหายาก ค่ายาแพงมาก เขาจึงต้องหารายได้จากการแต่งเพลงและแต่งหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แต่หาเท่าไรก็ไม่พอ ตอนนั้นแต่งเพลงมีรายได้เพลงละ 50 บาท
เขาทรมานจากโรคร้ายมากจนต้องพึ่งยาเสพติด ภายหลังก็ต้องไปฟื้นตัวจากยาเสพติดจนหาย
ช่วงที่เขาป่วย แม่ของเขาดูแลเขาใกล้ชิด ไม่รังเกียจหรือกลัวโรคติดต่อ ความรักที่ไร้ข้อแม้ของแม่เป็นแรงบันดาลให้ ไพบูลย์ บุตรขัน แต่งเพลงเกี่ยวกับแม่หลายเพลง เช่น ค่าน้ำนม อ้อมอกแม่ ชั่วดี ลูกแม่ ฯลฯ
ค่าน้ำนม เป็นเพลงเกี่ยวกับแม่ที่ดีที่สุดเพลงหนึ่ง
การอัดเสียงเพลง ค่าน้ำนม เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2492 ไพบูลย์ บุตรขัน ได้ครูประกิจ วาทยกร (บุตรชายพระเจนดุริยางค์) และนักแต่งเพลง สง่า อารัมภีร เรียบเรียงเสียงประสาน บรรเลงดนตรีโดยวงคณะละครศิวารมณ์ ผู้อัดแผ่นเสียงเป็นซาวด์แมนชาวอินเดีย ซึ่งบริษัทเทมาโฟนจ้างมาอัดบันทึกเสียง
วางตัวให้ บุญช่วย หิรัญสุนทร เป็นคนร้อง
ในวันอัดเสียง ครูสง่า อารัมภีร พาลูกศิษย์ชื่อ ชาญ เย็นแข ไปช่วยงานด้วย
เวลานั้น ชาญ เย็นแข เป็นนักร้องหัดใหม่สลับฉากคณะละครศิวารมณ์ที่โรงภาพยนตร์เฉลิมนคร
ชาญ เย็นแข เป็นชาวกรุงเทพฯ จบชั้นมัธยมจากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ชอบร้องเพลง ตั้งแต่วัยรุ่นก็เข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด ในชื่อ เอี่ยวพญา ร้องเพลงครั้งแรกในปี 2484 ในการประกวดงานวัดจอมสุดาราม (วัดไพรงาม) สถานีรถไฟสามเสน ได้รางวัลที่ 3 จากเพลง กลางสายลม
ต่อมาร้องเพลงประกวดชนะเลิศในงานภูเขาทอง วัดสระเกศวรวิหาร คือเพลง รำพันรัก ในปี พ.ศ. 2488 นอกจากนี้ยังทำงานเป็นนักพากย์หนังและนักจัดรายการวิทยุ หลังจากนั้นก็สมัครเป็นศิษย์ของนักแต่งเพลง สง่า อารัมภีร
ผลจากการเป็นศิษย์ของครูสง่า ทำให้เขาไปห้องอัดเสียงในวันนั้น และผลของการไปห้องอัดเสียงในวันนั้น ทำให้ชีวิตเขาพลิกผัน
สถานที่อัดเสียงเพลง ค่าน้ำนม คือห้องอัดเสียงกมลสุโกสล ชั้นบนโรงภาพยนตร์เฉลิมไทย การอัดแผ่นเสียงในสมัยนั้น ต้องอัดเสียงร้องและเสียงดนตรีพร้อมกัน บันทึกลงแผ่นเสียงครั่ง ระบบ 78 รอบต่อนาที
เวลานัดคือ 10 โมงเช้า แต่ถึงเวลาแล้ว นักร้อง บุญช่วย หิรัญสุนทร ยังไม่โผล่มา จนบ่ายนักร้องก็ยังไม่ปรากฏตัว เชื่อว่ายังไม่กลับมาจากเชียงใหม่
ทุกคนในห้องอัดเสียงกระวนกระวายใจ ต้องตัดสินใจว่าจะยกเลิกการอัดเสียง หรือหานักร้องคนใหม่ ครูสง่าจึงเสนอให้ ชาญ เย็นแข เป็นคนร้องเพลงนี้แทน คนลงทุนแย้ง เพราะยังไม่มีใครรู้จัก ชาญ เย็นแข แต่ครูสง่าเชื่อมือลูกศิษย์คนนี้ ถกกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดที่ประชุมก็ตกลงตามนั้น
ชาญ เย็นแข จึงได้ร้องเพลงด้วยเสียงสั่นเพราะความประหม่า จนหลายคนชักสงสัยว่าจะไหวหรือ ผ่านไป 4-5 รอบ ก็ร้องสำเร็จจนได้
นักร้องได้ค่าตอบแทน 50 บาท แต่ผลที่ตามมาสูงกว่านั้นมาก เพราะเมื่อแผ่นเสียงวางจำหน่าย ทำให้ ไพบูลย์ บุตรขัน เป็นนักแต่งเพลงชั้นนำ และ ชาญ เย็นแข ผู้ร้อง กลายเป็นนักร้องดัง
ในวันแม่ปีนี้ ขอเราจงระลึกถึงพระคุณของแม่ ความรักที่ไร้ข้อแม้
วินทร์ เลียววาริณ
12 สิงหาคม 25671- แชร์
- 128
-
นายเฉยถูกคนด่า ไม่รู้สึกอะไร นายยุทธถูกคนด่าเรื่องเดียวกัน โกรธจัด นอนไม่หลับไปหลายคืน หรือชักปืนไปยิงคนด่า
ความแตกต่างอยู่ที่นายเฉยรับคำด่าแล้ววางลงตรงนั้น นายยุทธรับคำด่าแล้วยัดใส่หัว แล้วปรุงแต่งเป็นอารมณ์โกรธ
ภาษาธรรมว่า ปฏิจจสมุปบาท คือกระบวนการปรุงวัตถุดิบที่เห็นมาเป็นอารมณ์
คนชอบปรุงแต่งก็เป็นพวกชอบทำร้ายตัวเอง ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นอารมณ์ เพื่อทำลายสุขภาพใจและกายของตนเอง
ทีหลังเจออะไรที่ไม่ชอบ ก็วางมันลง อย่าไปปรุงแต่ง
ดังนั้นผู้อ่านอยู่ดีๆ ไม่ต้องหาเรื่องเป็นพ่อครัวอารมณ์ เข้าใจไหม ไอ้โง่ (ถ้าอ่านถึงจุดนี้แล้วโกรธวูบ แสดงว่าจิตเริ่มปรุงแต่งแล้ว)
วินทร์ เลียววาริณ
10-6-25(ภาพวาดโดย วินทร์ เลียววาริณ)
0 วันที่ผ่านมา -
สินค้าและบริการจำนวนมากในโลกมีข้อความ ‘ข้อแม้’ แปะมาด้วย ถ้าเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุ ก็อ่านเร็วมาก ฟังแทบไม่รู้เรื่อง พูดรัว ๆ เหมือนภาษามนุษย์ต่างดาว เช่น “การลงทุนมีความเสี่ยง...” ถ้าเป็นสิ่งพิมพ์ก็มักเป็นข้อความใช้ตัวอักษรเล็กจนต้องใช้แว่นขยาย จึงเรียกว่า fine print แปลว่า อักขระจ้อย
fine print นี้มีเนื้อหาครอบคลุมกว้างมาก เพื่อให้เจ้าของสินค้าและบริการปลอดภัยจากการถูกฟ้องร้อง
fine print มักบอกเป็นเนื้อความทางกฎหมาย อ่านไม่รู้เรื่อง แต่อ่านระหว่างบรรทัดได้ว่า อะไรที่เจ้าของสินค้าและบริการทำถูกต้องเสมอ
เวลาไปทำธุรกรรมกับสถาบันเอกชน เช่น ธนาคาร ประกันภัย บริการโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เอกสารที่เซ็นนั้นเต็มไปด้วยอักขระจ้อย ถ้าจะอ่านก็คงต้องพึ่งทนายความ แทบไม่มีใครอ่าน ถูกมัดมือให้เซ็นโดยอัตโนมัติ
.....................
ชีวิตก็มีอักขระจ้อย...
อักขระจ้อยแห่งชีวิตพิมพ์ในทุกอย่างที่เราทำ มันบอกเราทุกอย่าง เตือนเราทุกเรื่อง และสั้นกว่า อักขระจ้อยในโลกธุรกิจ ไม่ต้องใช้แว่นขยายส่องดู แค่ใช้ความสังเกตเล็กน้อย
‘ตัวหนังสือ’ อักขระจ้อยแห่งชีวิตอาจจะจ้อย อาจจะเล็ก แต่มันก็อยู่ที่ใดที่หนึ่งเสมอ อยู่ที่เรามองเห็นหรือไม่ และอยู่ที่เราจะมองหรือไม่
บ่อยครั้งมันซ่อนอยู่ต่อหน้าต่อตา เราอาจไม่สนใจไปอ่านมัน เพราะ fine print ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เราอยากฟัง
กินเหล้า fine print บอกว่าตับอาจพัง
กินอาหารขยะ fine print บอกว่าอาจเป็นสารพัดโรค
ไม่ออกกำลังกาย fine print บอกว่าอาจทำให้ตายเร็ว
ไม่เรียนหนังสือ fine print บอกว่าอาจลดทางเลือกในชีวิต
ไม่อ่านหนังสือ fine print บอกว่าอาจเสียโอกาสก้าวหน้า
ไม่วิเคราะห์สิ่งที่พบเห็น fine print บอกว่าอาจถูกหลอกได้ง่าย
ไม่รู้จักพอ fine print บอกว่าอาจยากจนลง
ไม่หาความรู้เพิ่ม fine print บอกว่าอาจตามโลกไม่ทัน
ไม่อัพเกรดตัวเอง fine print บอกว่าอาจตกงาน
ไม่ให้เวลาลูก fine print บอกว่าลูกอาจเสียเด็ก
ไม่ปรับตัวเข้าหากัน fine print บอกว่าชีวิตคู่อาจอับปาง
ฯลฯ
ความรู้ วิทยาการยุคใหม่ และการสื่อสารที่ดีขึ้นทำให้เราพบ fine print ที่ซ่อนอยู่ชัดเจนขึ้น มีคำเตือนแทบทุกเรื่อง มีตัวอย่างให้เห็นแทบทุกเรื่อง คนฉลาดคือคนที่ยอมเสียเวลาก้มลงอ่าน fine print แห่งชีวิต แล้วเดินตามทางของตัวเองไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
เพราะการลงทุนชีวิตมีความเสี่ยง
วินทร์ เลียววาริณ
10-6-25จากหนังสือ ความสุขเล็ก ๆ ก็คือความสุข
57 บทความกำลังใจสั้นและยาว ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 3.3 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/165/ความสุขเล็ก%2520ๆ%20ก็คือความสุข
0 วันที่ผ่านมา -
หากถามผมว่า คำไหนในวิถีพุทธที่มีประโยชน์ต่อชีวิตที่สุด ผมเชื่อว่าน่าจะคือ 'ปล่อยวาง'
ทุกข์ทางใจล้วนมาจากการยึดมั่นถือมั่น ปล่อยได้วางได้เมื่อไร ก็หาย
ของมันหนัก ถ้าถือไว้แบกไว้ ก็เมื่อย เหนื่อย
วางไว้ก็ไม่เมื่อย
รู้ว่าปล่อยยาก แต่ถ้าเราเชื่อว่ามันช่วยได้จริง ก็ต้องฝึก
ไม่มีอะไรในโลกได้มาฟรีๆ
วินทร์ เลียววาริณ
9-6-25(ภาพวาดโดย วินทร์ เลียววาริณ)
1 วันที่ผ่านมา -
ข้าพเจ้าเป็นตำรวจในพื้นที่ของท่านรัฐมนตรีรักชาติ เช้านี้ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้ดูแลคดีนี้เป็นพิเศษ ข้าพเจ้ารีบรุดไปที่เกิดเหตุ
เหตุการณ์ทำร้ายท่านรัฐมนตรีเช้าวันนี้ สืบเนื่องมาจากวันที่ท่านรัฐมนตรีรักชาติเดินไปบนพื้นคอนเกรีตริมรั้ว เห็นใบไม้ใบหนึ่งหล่นมาจากเพื่อนบ้าน ก็โยนมันกลับไป ท่านบอกสาวใช้ว่า "อย่างนี้ใช้ไม่ได้ รุกล้ำอธิปไตยบ้านผม"
เช้านี้เสียงกริ่งรั้วดังขึ้น เนื่องจากสาวใช้ลาหยุด ท่านรัฐมนตรีจึงเดินไปที่ประตูรั้วเอง แลเห็นเพื่อนบ้านของท่าน
เพื่อนบ้านเอ่ย "สวัสดีครับ ขอเข้าไปได้ไหมครับ?"
ท่านรัฐมนตรีเปิดประตูรั้วให้เพื่อนบ้านเข้ามา
เพื่อนบ้านบอก "วันก่อนคุณโยนใบไม้ข้ามรั้วมาที่บ้านผม"
"ใช่ครับ เพราะคุณรุกล้ำ..."
"มันน่าเกลียดนะ ผมเป็นเจ้าของต้นไม้ จะล้ำที่คุณก็เป็นเรื่องของผมกับต้นไม้ คุณไม่เกี่ยว"
"แล้วคุณต้องการอะไรครับ?"
"ต้องการสั่งสอน"
ว่าแล้วเพื่อนบ้านก็ตรงเข้ามา อัดกำปั้นเข้าที่หน้าท้องท่านรัฐมนตรีรักชาติ ท่านตัวงอเหมือนกุ้งเผา กำปั้นที่สองก็ตามมาอีกที่ชายโครง ท่านรัฐมนตรีรักชาติเซไปชิดรั้ว
ท่านสีหน้าตกใจ "นี่คุณทำร้ายผมทำไม ผมเป็นรัฐมนตรีนะ"
พูดไม่ทันจบ เท้าขวาเพื่อนบ้านก็เตะเข้าที่ชายโครงท่านรัฐมนตรี ท่านเซไปติดต้นไม้ เพื่อนบ้านระดมกำปั้นใส่หน้าท่านจนตาเขียวผสมดำ ในสัดส่วน 40 : 60
"นี่ผมเป็นรัฐมนตรีนะ"
เพื่อนบ้านอัดอีกที
ในที่สุดเพื่อนบ้านก็หยุด เอ่ยว่า "แค่นี้ก็แล้วกันนะ ผมไปละ"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติร้อง "เดี๋ยวก่อน"
เพื่อนบ้านหันกลับมา "มีอะไรหรือ?"
ท่านรัฐมนตรียกมือไหว้เพื่อนบ้านอย่างอ่อนน้อม "ขอบคุณครับ"
..................
ข้าพเจ้าถามท่านรัฐมนตรี "ท่านจะดำเนินคดีไหมครับ?"
"ไม่ต้อง"
"ท่านบาดเจ็บนะ"
"โอ๊ย! นิดหน่อยเท่านั้น"
"มีคนอยู่ในเหตุการณ์บอกว่าท่านขอบคุณคนที่ทำร้ายท่าน"
"ผมเป็นคนอ่อนน้อมน่ะ"
"ที่บ้านผมเรียกว่าอ่อนปวกเปียก" ข้าพเจ้าพูดในใจ แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
วินทร์ เลียววาริณ
9-6-251 วันที่ผ่านมา -
1 วันที่ผ่านมา