-
วินทร์ เลียววาริณ8 เดือนที่ผ่านมา
ในบรรดาแนวคิดของการทำตนแบบสันโดษโดยไม่โดดเด่นนั้น แนวคิดยันเต (Jante) เป็นหนึ่งในนั้น
ชื่อเต็มคือ กฎของยันเต (The Law of Jante)
คำว่ายันเตเป็นชื่อเมือง ไม่ใช่เมืองจริงที่ไหนในโลก แต่เป็นเมืองสมมุติในนวนิยายเรื่อง A Fugitive Crosses His Tracks หรือ En Flyktning Krysser Sitt Spor (1933) โดย Aksel Sandemose นักเขียนชาวเดนมาร์ก-นอร์เวย์
มันเป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตคนอ่านจำนวนมาก
ผู้เขียนเสนอความคิดผ่านเมืองในนวนิยายว่า เมืองนี้มีกฎสิบข้อที่เป็นค่านิยมของชาวเมือง
1 อย่าคิดว่าคุณพิเศษกว่าคนอื่น
2 อย่าคิดว่าคุณเก่งเท่าเรา
3 อย่าคิดว่าคุณฉลาดกว่าเรา
4 อย่าคิดว่าคุณดีกว่าเรา
5 อย่าคิดว่าคุณรู้มากกว่าเรา
6 อย่าคิดว่าคุณสำคัญกว่าเรา
7 อย่าคิดว่าคุณเก่งทุกอย่าง
8 อย่าหัวเราะเยาะเรา
9 อย่าคิดว่าทุกคนจะแคร์คุณ
10 อย่าคิดว่าคุณสามารถสอนเราได้ทุกอย่าง
ผู้เขียนบอกว่า แนวคิดเรื่องกฎของยันเตไม่ใช่เรื่องใหม่ เขาไม่ได้แต่งขึ้นเองทั้งหมด เพราะมันเป็นวิถีชีวิตของชาวนอร์ดิก (Nordic) มาแต่อดีตกาล ชาวนอร์ดิกคือชนกลุ่มยุโรปทางเหนือ เช่น เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เป็นต้น เป็นพวกที่มีอารยธรรมสูง วิถีชีวิตแห่งความเสมอภาค แม้ไม่ได้จารึกเป็นกฎหมาย แต่มันแทรกอยู่ในวิถีชีวิตและหนังสือ บทเพลง ฯลฯ
มันเป็นค่านิยมที่สังคมทำมานาน
ชาวนอร์ดิกเป็นสัตว์สังคมที่มีคุณภาพ มีสำนึกทางสังคมสูง หลักฐานคือถนนหนทางสะอาด มีการรีไซเคิลขวดพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม
กฎของยันเตแม้เกิดจากนวนิยาย แต่มันก็มีประโยชน์ในชีวิตจริง มันช่วยทำให้คนประพฤติตัวในสังคมดีขึ้น สร้างความคิดว่าการพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่อย่างเรียบง่ายก็คือความสุข เมื่อปัจเจกปฏิบัติตนตามแนวทางนี้ สังคมโดยรวมก็ดีขึ้น
ขอให้ผู้อ่านทุกคนมีความสุขในสัปดาห์ใหม่นี้ครับ
จาก หิน 15 ก้อนของ สตีฟ จ๊อบส์ / วินทร์ เลียววาริณ
โปรโมชั่น Shopee คลิกลิงก์ https://shope.ee/1LIFbnHXOK?share_channel_code=6
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/238/%28S10%29%20%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%20+%20%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%2015%20%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%20%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%9F%20%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B9%8C%20%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%20%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A2
0- แชร์
- 71
-
พระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 ที่ว่า "แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์" เป็นความจริงมาตลอดประวัติศาสตร์โลก แต่ในศตวรรษที่ 21 วลี 'เตรียมรบ' อาจต้องรวมอาวุธนิวเคลียร์เข้าไปด้วย
ครับ อิสราเอลถล่มอิหร่านตามคาด กระเหี้ยนกระหือรือมานานแล้ว เชื่อว่าเป็นปฏิบัติการร่วมกับสหรัฐฯ แม้สหรัฐฯจะพยายามปฏิเสธ
ข้ออ้างคือทำลายล้างฐานอาวุธนิวเคลียร์ที่อิหร่านกำลังพัฒนา และ "ข่าวกรองบอกว่าอีกไม่กี่อาทิตย์อิหร่านก็จะทำสำเร็จแล้ว"
ปฏิบัติการครั้งนี้สังหารนักวิทยาศาสตร์ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ด้วย
นักวิเคราะห์การเมืองโลกเชื่อว่าอิหร่านไม่ทันตั้งตัวครั้งนี้ เพราะการเจรจากับสหรัฐฯรอบที่ 6 จะเกิดขึ้นในอีกสองสามวัน นี่อาจเป็นแผนลวงของสหรัฐฯทำให้อิหร่านคาดไม่ถึงว่าจะถูกโจมตี
วันต่อมา อิหร่านก็ยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ข้อนี้อิสราเอลก็รู้ แต่จะหาทำแล้วทำไม
นักวิเคราะห์การเมืองโลกหลายคนไม่เชื่อว่าเป้าหมายของงานนี้คือการทำลายอาวุธนิวเคลียร์ มันน่าจะเป็นความพยายามโค่นรัฐบาลอิหร่านมากกว่า
ไม่ว่าจะไปทางไหน เชื่อว่าปฏิบัติการนี้จะยิ่งตอกย้ำให้อิหร่านเดินหน้าสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เหตุผลง่ายนิดเดียว เพราะมีแต่ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในมือเท่านั้น จึงจะไม่ถูกการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าได้
หากมองไปทั่วโลก ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์มักไม่ถูกใครถล่มแบบนี้ง่ายๆ ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือเกาหลีเหนือ
สหรัฐฯอยากถล่มเกาหลีเหนือมานานแล้ว แต่ไม่ทำ เพราะเกาหลีเหนือมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างน้อย 50 ลูก และสร้างเพิ่มทุกปี หากเกาหลีเหนือถูกโจมตีจนกลายเป็นหมาจนตรอก อาจส่งขีปนาวุธนิวเคลียร์ลูกสองลูกไปกำนัลสหรัฐฯ ก็ไม่คุ้มแล้ว
อาวุธนิวเคลียร์คืออำนาจต่อรองอย่างหนึ่ง
สำหรับพฤติกรรม 'นักบู๊สู้สิบทิศ' ของอิสราเอล ชาวโลกก็คงได้แต่ส่ายหน้า ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะ backup เขาแข็งแกร่งที่สุดในปฐพีจริงๆ
ตั้งแต่ผมเป็นเด็กจนแก่ เห็นสหรัฐฯสร้างภาพมาตลอดว่า อาวุธนิวเคลียร์ควรมีอยู่เฉพาะในประเทศฝ่ายธัมมะเท่านั้น ประเทศมารทั้งหลายไม่ควรมีอาวุธนิวเคลียร์ในมือ เพราะอันตรายมาก สหรัฐฯจึงทำทุกวิถีทางไม่ให้ใครสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อ "สันติภาพโลก"
แต่มาถึงวันนี้ เราก็แยกไม่ออกแล้วว่า ใครคือฝ่ายธัมมะ ใครคือฝ่ายมาร
วินทร์ เลียววาริณ
14-6-250 วันที่ผ่านมา -
สิ่งหนึ่งที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับยอดนักเขียนไซไฟชาวอเมริกัน ไอแซค อสิมอฟ คือ เขาเขียนเรื่องการเดินทางไปในดาราจักรด้วยยานอวกาศพิสดาร แต่เขากลัวความสูงและการบิน!
นี่ทำให้ตลอดชีวิต อสิมอฟเดินทางไกลด้วยรถไฟและเรือ และขับรถเอง
อ่านเกร็ดนี้ต่อ คลิกลิงก์ https://www.blockdit.com/posts/67fbd686efe2dd58bc469d34
0 วันที่ผ่านมา -
เมื่อวานนี้ผมอยู่ข้างนอกทั้งวัน ตอนบ่ายๆ ได้ยินข่าวแพทยสภาลงมติ วูบหนึ่งก็นึกว่าจะเขียนเรื่องนี้ผ่านคอลัมน์ The Bartender Series แต่ไม่รู้จะกลับบ้านทันไหม
งานชุดนี้เขียนสะท้อนปัญหาบ้านเมือง คล้ายบันทึกเหตุการณ์ร่วมสมัยต่างๆ ด้วยอารมณ์ขัน ในงานตระกูลเสียดสี (satire) จุดสำคัญคือต้องเขียนทันที และเร็ว
แปลว่ามีเวลาไม่มากที่จะต้องคิดคอนเส็ปต์ และลงมือทำจริง (execution)
ใช่ครับ จะเสียดสีเรื่องอะไร ด่าใครอย่างสร้างสรรค์ ก็ต้องคิดคอนเส็ปต์เสมอ
ผมทำงานในลักษณะบรี๊ฟเช้า-ขายงานลูกค้าบ่ายหรือเย็นมาตลอดชีวิตคนโฆษณา จึงไม่ลนลานเวลาเจองานด่วน ตรงกันข้าม สมองที่กำลังง่วงพลันตื่นขึ้นมาทันทีเหมือนได้รับยาบ้าห้าเม็ด
เพื่อประโยชน์ของการศึกษา ต่อไปนี้ก็คือบันทึกวิธีทำงานของผม
......................
ผมกลับถึงบ้านตอนเย็นหกโมงกว่า เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ อ่านข่าวอีกรอบเพื่อให้เข้าใจ แล้วเริ่มคิดคอนเส็ปต์
ผมไม่อยากใช้คนจริงเป็นตัวละคร เพื่อเลี่ยงปัญหาการถูกฟ้องร้อง จึงต้องสร้างตัวละครมาคุยกับบาร์เทนเดอร์
ในเมื่อเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับพวกหมอ ผมก็ต้องรีเสิร์ชค็อคเทลที่เกี่ยวกับหมอ ได้มาสองสูตร ที่คิดว่าใช้ได้คือ The Good Doctor และ Penicillin cocktail
ขั้นต่อไปคือคิดเรื่องเสียบให้เข้ากันอย่างไร้รอยตะเข็บ
ผมนึกว่าตัวละครลูกค้าที่มาคุยกับบาร์เทนเดอร์ควรเป็นใคร คิดว่าน่าจะเป็นหมอ
หลังจากนั้นก็ลงมือเขียนบทสนทนา หักมุมที่ลูกค้าเป็นหมอดู เพื่อที่จะเล่นแก๊กสุดท้ายได้อีกดอก แต่สร้าง deccoy (ตัวหลอก) คือสวมชุดขาว
การเขียนเรื่องแนวเสียดสีจะเร็วและสนุกหากคนเขียนสนุกกับมันด้วย ผมใช้เวลาไม่มากนักในงานส่วนนี้ ผมจะเขียนแบบร่างหยาบๆ ก่อน เพื่ออ่านให้เห็นภาพรวม โทนของเรื่องว่าใช้ได้ก่อนที่จะมาเกลา
หลังจากเขียนร่างบทสนทนาจบแล้ว ก็หยุดก่อน ไปทำภาพประกอบ ผมมีคลังภาพเหล้าชนิดต่างๆ ที่เช่ามา จึงทำส่วนนี้ได้เร็ว
เสร็จแล้วก็กลับมาเกลาเรื่อง ตัดทอนส่วนรุ่มร่ามทิ้ง แล้วเติมมุขเข้าไป ก็จบแค่นั้น
ทุกอย่างจบภายในเวลา 31 นาที
ถ้าเป็น 20 ปีก่อน ผมคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงทำงานชิ้นเดียวกันนี้ แต่ผ่านการฝึกฝนเคี่ยวกรำมานาน ก็สามารถจบงานได้ในเวลาราวครึ่งชั่วโมง
นี่ก็คือการทำงานแบบเร่งด่วน แต่ไม่เร่งรีบ มันเร็ว แต่ไม่รีบ
ผมชอบทำงานแบบนี้เพราะมันท้าทายสมองให้คิดเร็ว สนุกดี
ราตรีสวัสดิ์วันศุกร์
วินทร์ เลียววาริณ
13-6-25งานชุดนี้รวมเล่มแล้ว 1 เล่ม เล่ม 2 ก็มีมากพอขาย แต่ขี้เกียจทำ
เล่ม 1 = พับผ่า! บาร์เทนเดอร์ มีจำหน่ายแล้วในรูปอีบุ๊ค สนใจดูได้ในเว็บ winbookclub.com หรือ The Meb
1 วันที่ผ่านมา -
(เรื่องนี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก นี่เป็นเวอร์ชั่นของเรา ตัวแสดงนำคือท่านรัฐมนตรีรักชาติตามเคย)
ค่ำนี้ข้าพเจ้าขับรถไปตามถนนเจ็ดชั่วโคตร รถติดมาก ได้ยินเสียงไซเรนดังเป็นระยะ ข้าพเจ้ารู้ว่าต้องเกิดเหตุร้ายบางอย่างแน่ๆ
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งผ่านมา ข้าพเจ้าเลื่อนกระจกรถลง ถามเขาว่า "เกิดอะไรขึ้น คานหล่นทับรถใครอีกหรือ?"
"เปล่าครับ"
"แล้วเกิดอะไรขึ้น?"
"ท่านรัฐมนตรีรักชาติถูกผู้ก่อการร้ายจับตัวเป็นตัวประกัน อยู่ในรถบรรทุกข้างหน้า"
"จับเป็นตัวประกันทำไม?"
"เพื่อเรียกค่าไถ่น่ะซี ขอเงิน 100 ล้าน"
"ถ้าไม่จ่ายแล้วจะทำไม?"
"ผู้ก่อการร้ายประกาศว่าถ้าไม่เอาเงิน 100 ล้านมาไถ่ตัวท่านรัฐมนตรี จะราดน้ำมันใส่ท่านรัฐมนตรี แล้วจุดไฟเผาสด"
"น่ากลัวมาก แล้วทำยังไง?"
"ตอนนี้ประชาชนก็เลยรีบระดมกำลังขอเรี่ยไร เพราะเห็นท่าว่าผู้ก่อการร้ายเอาจริง"
"ต้องเรี่ยไรคนละเท่าไหร่จึงจะพอ?"
"อ๋อ! คนละลิตรก็พอครับ"
วินทร์ เลียววาริณ
เล่าใหม่จากขำขันที่ได้ยินมา
13-6-251 วันที่ผ่านมา -
ดาวหางมรณะจะพุ่งชนโลกเราในอาทิตย์หน้า ด้วยขนาดและความเร็วของมัน โลกจะถล่มทลาย เผ่าพันธุ์มนุษยชาติจะสูญสิ้น คุณจะทำอะไรในช่วงเจ็ดวันนี้? บ่นหรือเที่ยว? สาปแช่งหรือกินของอร่อย? ไปหาหมอดูหรืออยู่กับคนรัก?
ถ้าเรารู้ว่าจะมีชีวิตเหลืออีกไม่กี่วัน ในไม่กี่วันนั้นเราคงเลือกทำแต่เรื่องสำคัญและเรื่องจำเป็น บอกรักคนที่รัก มองดูโลกด้านที่งดงาม มองท้องฟ้า ชมเมฆ ดูนก ดูใบไม้ ดอกไม้ รักษาจิตให้สงบก่อนจากโลกไป
เป็นการทำ ‘เรื่องดี ๆ’ และเรื่องที่อยากทำก่อนจากโลกนี้ไป
ถ้าในเวลาเจ็ดวัน เราสามารถทำเรื่องดี ๆ ที่อยากทำได้ ทำไมจำกัดเรื่องดี ๆ ไว้แค่เจ็ดวันเล่า?
แม้ชีวิตเราจะยืนยาวอีกหลายสิบปี ก็สามารถทำเรื่องดี ๆ และเรื่องที่อยากทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอโอกาสที่ดาวหางมรณะมาเยือน
เวลาเจ็ดวันสั้นเกินกว่าจะทำเรื่องไม่สำคัญ เช่น ทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จักในโลกโชเชียล นินทาชาวบ้าน แต่เวลาทั้งชีวิตก็สั้นเกินไปเช่นกัน
คนที่ทำงานหนักและนอนน้อยชอบพูดเล่นว่า “เอาไว้นอนหลังตายก็แล้วกัน” ความหมายคือมีเรื่องสำคัญต้องทำตอนนี้ ส่วนเรื่องไม่สำคัญให้ทำทีหลังหรือ ‘ทำหลังตาย’
เราอาจใช้หลักคิดนี้ในการจัดการอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ
ลองเปลี่ยนวิธีมองโลกและการใช้ชีวิตอีกมุมหนึ่งว่า เรื่องไม่สำคัญ ทำหลังตายก็ได้ เพราะมันทำให้เราเสียเวลาใช้ชีวิตที่ดีขณะที่เรายังมีลมหายใจ
คิดง่าย ๆ เราจะโง่เสียเวลาฟรี ๆ ทำเรื่องไร้สาระตอนยังมีชีวิตทำไม ทำหลังตายก็แล้วกัน
สรรพสิ่งย่อมมีอายุขัยของมัน นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าอายุโลกเราน่าจะรองรับชีวิตได้อยู่อีกประมาณ 7.5 พันล้านปี เวลานั้นทุกชีวิตบนโลกจะดับสูญ เพราะดวงอาทิตย์ของเราเริ่มหมดสิ้นพลังงาน กลายเป็นดาวยักษ์แดง มันจะขยายตัวมาเฉียดหรือชนโลกเรา เผาผลาญทุกชีวิตบนโลก
ตีเป็นตัวเลขกลม ๆ คือเจ็ดพันล้านปี
ดังนั้นถ้าจะนอนหลังตาย ก็มีเวลานอนนานถึงเจ็ดพันล้านปี
ถ้าอยากกลุ้มใจ ไปกลุ้มใจหลังตายดีกว่า เพราะจะมีเวลากลุ้มได้เต็มที่ นานอีกเจ็ดพันล้านปีกว่าโลกจะเลิกกิจการ
โกรธใคร ก็ไปโกรธหลังตาย โกรธให้พอใจ มีเวลาโกรธตั้งเจ็ดพันล้านปี
เกลียดใคร ก็เกลียดให้เต็มที่ไปเลยอีกเจ็ดพันล้านปีจนถึงวันโลกแตกจริง ๆ
อยากอิจฉานินทาใคร ก็ทำตอนหลังตาย มีเวลาเยอะ
อย่าละลายเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีขณะที่เรายังหายใจได้ อย่าเสียเวลาคิด-ทำเรื่องไม่ดี อีกเจ็ดพันล้านปีค่อยทำ
ชีวิตบนโลกนั้นสั้น ใช้เวลากับเรื่องดี ๆ เรื่องที่เป็นมงคลดีกว่า
รักใครก็รักให้เต็มที่ตอนยังมีชีวิต
รักพ่อแม่ ก็ไปเยี่ยมตอนที่ยังมีชีวิต รักลูก ก็ใช้ชีวิตกับลูกให้เต็มที่ตอนยังมีลมหายใจ
อยากจะบอกรักใคร ก็บอกตอนยังมีลมหายใจ
อยากทำงานในฝัน ก็ทำตอนที่ยังอยู่บนโลก ไม่เสียเวลาไปกับการคิดว่านี่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็เป็นไปไม่ได้
เพราะเวลาหนึ่งชีวิตของเราแม้ไม่ยาว แต่ถ้าใช้เป็น มันก็มีค่ากว่าคนที่ทำเรื่องไม่สำคัญโดยเสียเวลาทั้งชีวิตของเขา บวกอีกเจ็ดพันล้านปี
ประการสุดท้ายคือ เรามักไม่ตายเพราะดาวหางถล่มโลก
วินทร์ เลียววาริณ
13-6-25...................
จากเหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
Shopee https://s.shopee.co.th/60Bx1VKarmShopee โปรโมชั่นคู่กับยุทธจักรวาลกิมย้ง https://s.shopee.co.th/6pl417244u
1 วันที่ผ่านมา