-
วินทร์ เลียววาริณ2 เดือนที่ผ่านมา
ชีวิตทั้งหลายในโลกมีธาตุคาร์บอนเป็นฐาน ประสานกับธาตุอื่น ๆ เรียงร้อยประกอบเป็นชีวิตต่าง ๆ ขึ้นมา ทั้งนี้เพราะธาตุคาร์บอนซึ่งมีมากมายบนโลกสามารถเกาะเกี่ยวร้อยรัดกับธาตุอื่น ๆ ได้ง่าย เราจึงเรียกชีวิตบนโลกว่า Carbon-based Life
เมื่อสิ่งมีชีวิตตายไป ซากร่างสลายตัว คาร์บอนก็หวนกลับสู่แผ่นดิน ผ่านระยะเวลานานหลายพันหลายหมื่นปีด้วยพลังความร้อนและแรงอัดใต้พิภพ มันก็กลายเป็นถ่านหินดำและน้ำมันฝังใต้ดิน รอคนขุดขึ้นมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
การเผาถ่านหินและน้ำมันจึงคืนคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ เป็นที่มาของภาวะโลกร้อน เพราะคาร์บอนในชั้นบรรยากาศมากเกินไป
คุณค่าของสสารต่าง ๆ ในโลกมักถูกกำหนดโดยปริมาณของมัน กรวดทรายไร้ค่าเพราะมีมากเกินไป ถ่านหินราคาถูกกว่าเพชรเพราะมันมีปริมาณมหาศาล แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือค่านิยมความงาม เรามีค่านิยมว่าสิ่งที่ดำสกปรก แตกร่วนง่าย ย่อมมีค่าน้อยกว่าผลึกวัตถุที่ส่งประกายแวววาว
นักปราชญ์อุปมาคนชั่วกับถ่านหิน เพราะถูกมันตอนร้อนจะลวกมือ จับต้องตอนเย็นมือก็สกปรก
แม้ว่าคุณค่าของสสารเป็นสิ่งสมมุติและมายาที่เราสร้างขึ้นมา แต่เรามักเปรียบคุณสมบัติของสสารสองสิ่งนี้กับคุณสมบัติของคน คนที่แข็งแกร่งย่อมถูกเทียบกับเพชรเพราะมันเป็นสสารที่แกร่งที่สุดในโลก ส่วนคนที่มีลักษณะอย่างถ่านดำอ่อนด้อยกว่า
เราทุกคนโดยพื้นฐานเป็นถ่านดำไร้ค่า แต่เราสามารถเพิ่มคุณค่าเป็นเพชร ผ่านการศึกษา การเรียนรู้ การทำงานหนัก การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ย่อมมีคนแย้งว่า เราไม่อาจเปรียบมนุษย์เป็นเพชรกับถ่านหิน เพราะมันเป็นคนละชาติตระกูลกัน เสมือนลูกมหาเศรษฐีพันล้านกับลูกคนยากจน โอกาสไม่เท่ากัน อนาคตก็ย่อมต่างกันราวฟ้ากับเหว
การมองแบบนี้เท่ากับยอมรับชะตากรรมแห่งชีวิตโดยไม่โต้แย้ง เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองแบบนี้ จึงยากอย่างยิ่งที่จะขจัดวงจรอุบาทว์ต่าง ๆ ออกไปจากสังคม เพราะหลายคนเชื่อไว้ก่อนแล้วว่า “ทำไม่ได้”
แล้วผิดหรือที่คิดอย่างนี้? ถ่านก็คือถ่าน เพชรก็คือเพชร ถ่านจะกลายเป็นเพชรได้อย่างไร?
คนที่ถามอาจจะประหลาดใจอย่างสูงถ้ารู้ว่าถ่านหินกับเพชรก็คือสิ่งเดียวกัน มีกำเนิดมาเหมือนกัน ทั้งสองเป็นธาตุคาร์บอนเดียวกันทุกประการ เกิดมาจากเศษซากชีวิตที่ตายไปแล้วทับถมกันในดินเหมือนกัน ข้อแตกต่างที่ทำให้คาร์บอนก้อนหนึ่งเป็นถ่าน อีกก้อนหนึ่งกลายเป็นเพชรอยู่ที่ทั้งสองผ่านความลำบากในชีวิตต่างกัน
ถ่านเกิดจากการทับถมของซาก Carbon-based Life ใต้ผิวโลกนาน แต่เพชรคือถ่านที่อยู่นานกว่า ถูกพลังความร้อนและแรงอัดหนักหน่วงกว่า มันต้องทนรับแรงอัดของโลกนานต่อเนื่องนับพันนับหมื่นปี จนในที่สุดมันก็เรียงอะตอมต่างออกไป กลายเป็นรูปลักษณ์ของเพชร
และเมื่อผ่านการเจียระไนครั้งสุดท้าย มันก็ก้าวถึงขีดสูงสุดของชีวิตมัน
ดังฉะนี้ถ่านสกปรกก็สามารถเปลี่ยนรูปเป็นเพชรได้ หากมันทนความร้อนและแรงอัดต่อไปไม่ย่อท้อ
คนเราก็สามารถเปลี่ยนตัวเองจากถ่านดำเป็นเพชรด้วยความร้อนและแรงอัด
ความร้อนคือไฟความคิด ไฟสร้างสรรค์
แรงอัดคือการฝึกฝน การทำงานหนัก ความอุตสาหะ ความอดทน การชนปัญหา
สองสิ่งนี้รวมกันสามารถเปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งจากถ่านดำเป็นเพชรวาว เป็นสิ่งแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
ใช่ เราทุกคนกำเนิดเป็นถ่านดำ เปราะบาง เกลื่อนกลาดแผ่นดิน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเพชรหายาก
น่าเสียดายที่บางคนพบความลำบากแล้วท้อถอย โดยไม่รู้ว่าหากอดทนอีกนิดเดียว อะตอมแห่งชีวิตก็จะเรียงตัวเป็นเพชร!
เราจะเลือกเป็นถ่านดำต่อไปหรือพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นเพชร หากถ่านดำที่ไม่มีสมอง คิดไม่ได้ สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นเพชรแท้ได้ ทำไมเราซึ่งมีสมอง สองมือ สองแขน สองขา จะทำเช่นนั้นไม่ได้
ความแตกต่างอยู่เพียงที่เราจะรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตได้เพียงไร และเราจะยอมทนรับความร้อนและแรงอัดแห่งชีวิตหรือไม่
เพราะในการเปลี่ยนถ่านเป็นเพชรไม่มีทางลัดและมนตร์วิเศษ ต้องใช้ความร้อนและแรงอัดมหาศาลทางเดียวเท่านั้น
...
จากหนังสือ #รอยยิ้มใต้สายฝน ซื้อตรงจากนักเขียนได้ที่
https://www.winbookclub.com/store/detail/139/รอยยิ้มใต้สายฝน0- แชร์
- 33
-
คอมพิวเตอร์บอกผมว่า วันนี้ผมอยู่ในโลกนี้เป็นวันที่ 25,296
ตามแนวเซน เมื่อคืนนี้เป็น 'การตาย' ครั้งที่ 25,295
และวันนี้เป็นวันเกิดครั้งที่ 25,296
โชคดีที่ได้มองดูโลกอีกครั้ง
สำหรับคนทั่วไป ใช้ชีวิตมาสองหมื่นกว่าวัน ถือว่าไม่น้อย
สองหมื่นกว่าวันทำอะไรได้มากมาย
นานๆ ทีเราก็ควรถามตัวเองว่าเราอยู่มานานเท่าไร เรามีความสุขไหม ถ้าไม่ ทำไมจึงไม่มีความสุข
นานๆ ทีเราก็ควรถามตัวเองว่าเราอยู่มานานเท่าไร ทำอะไรมาบ้าง และจะทำอะไร ถ้าไม่เคยทำอะไรดีๆ เลย ก็น่าจะใช้โอกาสนี้บอกตัวเองว่า ทำอะไรสักหน่อยดีไหม
Today is the first day of the rest of your life.
สุขสันต์วันเกิดครับ
เริ่มต้นวันเกิดใหม่ด้วยรอยยิ้มดีไหม?
วินทร์ เลียววาริณ
วันเกิดครั้งที่ 25,296.......................
เว็บไซต์ที่คำนวณอายุเป็นจำนวนวัน
https://jalu.ch/coding/days/en0 วันที่ผ่านมา -
ข่าวที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ค่อยเผยแพร่ในวงกว้างเท่าไร คือข่าวอิหร่านโจมตีฐานทัพอเมริกันในกาตาร์
หลังจากทรัมป์ทิ้งระเบิดหลายลูกใส่ 'ฐานนิวเคลียร์' ที่อิหร่าน อิหร่านก็ยิงขีปนาวุธหกลูกใส่ฐานทัพอเมริกันที่ Al-Udeid กาตาร์เพื่อสั่งสอน ให้รู้ว่าไผเป็นไผ
ก่อนยิงก็แจ้งฝ่ายสหรัฐฯว่า "กูจะยิงแล้วนะ"
ดังนั้นสหรัฐฯก็ถอนคนออกไปทัน
จึงถือว่านี่เป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์
ที่ตลกก็คือทรัมป์ยังออกมาขอบคุณอิหร่านที่เตือนก่อน!
หลังจากนั้นก็ประกาศว่าสองฝ่ายตกลงยุติการตบตีกันแล้ว
ชาวโลกก็มีอาการงงว่าเกิดอะไรขึ้น นี่มันละครหรือเปล่า เพราะพล็อตเรื่องนี้มันแปลกๆ
ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวจะไปถามท่านรัฐมนตรีรักชาติ เชื่อมั่นว่าท่านน่าจะรู้ เพราะผลตรวจ MRI สมองท่านน่าจะผิด
ราตรีสวัสดิ์
วินทร์ เลียววาริณ
24-6-251 วันที่ผ่านมา -
(ความจริงดูหนังและรีวิวเรื่องนี้มาตั้งแต่วันแรกที่ฉาย แต่มัวติดพันเรื่องการเมืองโลกอยู่หลายวัน ค่อยมานำลงวันนี้)
28 Years Later เป็นเรื่องที่สามต่อจาก 28 Days Later และ 28 Weeks Later
และเป็นภาคต้นของ 28 Years Later ตอนต่อไป (ฉายต้นปีหน้า)
นี่เป็นงานเขียนบทของ Alex Garland คนทำหนังไซไฟดีๆ หลายเรื่อง เช่น Ex Machina, Annihilation ไปจนถึงเรื่องล่าสุดที่เราดูคือ Civil War
ทั้งสามเรื่องนี้ดี ดังนั้นคอหนังจึงมีความคาดหวังพอสมควรสำหรับ 28 Years Later
และจะว่าไปแล้ว ก็ไม่ผิดหวัง
ไม่ผิดหวังกับความแปลกใหม่นะครับ ไม่ได้บอกว่านี่เป็นหนังดีเลิศเมื่อเทียบกับ 28 Days Later หรือ Ex Machina
เหตุที่ว่าแปลกใหม่ก็เพราะ 28 Years Later ตอน 1 พาหนังซอมบี้เข้าไปในพื้นที่ของปรัชญา และเสนอมุมมองอื่นที่น่าขบคิด เช่น การเกิดและการตาย ฯลฯ ทำให้มันดูเหมือนหลุดจากหนังซอมบี้ทั่วไป
แกนของเรื่องมีส่วนคล้ายการเดินเรื่อง Civil War คือเป็นการเดินทางของตัวละครหลัก พบเหตุการณ์ต่างๆ
หนังมีความตื่นเต้นเป็นระยะ ภาพน่าสนใจ (ความแปลกใหม่อีกอย่างหนึ่งคือเป็นหนังที่ถ่ายด้วย iPhone) แต่จุดเด่นที่สุดน่าจะเป็นการเปลี่ยนหนังซอมบี้เป็นหนังกึ่งปรัชญา
หนังมีความ morbid (สยดสยอง ชวนแหวะ) มากกว่าหนังซอมบี้ทุกเรื่องที่ดูมา หนังรุนแรงมาก ใครไม่ชอบจุดนี้ ก็คงต้องหลับตา หรือข้ามเรื่องนี้ไป แต่ถ้าเคยชินกับภาพการเกาะตำแหน่งของรัฐมนตรีบ้านเราซึ่งชวนแหวะมากกว่าหลายเท่า ก็คงดูหนังเรื่องนี้ได้สบาย
8/10
ฉายในโรงภาพยนตร์วินทร์ เลียววาริณ
24-6-25วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
1 วันที่ผ่านมา -
จากโพสต์ก่อน บางคนถามว่า สหรัฐฯเคยก่อรัฐประหารในไทยบ้างไหม
คำตอบคือ โดยตรงๆ ยังไม่ชัด ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดน่าจะเป็นกรณีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่ติดเรื่องสุขภาพและภาพลักษณ์ จึงให้คนอื่นเป็นนายกฯขัดตาทัพก่อน
เช้าตรู่ ๐๗.๓๕ น. ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๐๑ จอมพลสฤษดิ์บินจากประเทศไทยไปสหรัฐอเมริกา
หัวหน้าคณะปฏิวัติเดินทางไปถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วันที่ ๒๗ มกราคม เป็นการเยือนอย่างไม่เป็นทางการ เหตุผลเพื่อเข้ารับการผ่าตัดม้ามที่โรงพยาบาล Walter Reed Army Medical Center
การเดินทางเที่ยวนี้ นอกจากการรักษาสุขภาพ ยังเป็นการเข้าพบผู้นำและรัฐมนตรีสหรัฐฯหลายคน เช่น ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ (Dwight D. Eisenhower) นีล แมคเอลรอย (Neil H. McElroy) รัฐมนตรีกลาโหม จอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลส (John Foster Dulles) รัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายสหรัฐฯคุยเรื่องความช่วยเหลือด้านการทหาร การพัฒนาเศรษฐกิจแก่ไทยและแผนต่อต้านคอมมิวนิสต์
สหรัฐฯจ่ายค่ารักษาจอมพลสฤษดิ์ทั้งหมด และยังมอบเงินช่วยเหลือไทยจำนวนมาก
มีทฤษฎีว่าสหรัฐฯไม่ปลื้มกับจอมพล ป. และหนุนหลังจอมพลสฤษดิ์ แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าสหรัฐฯเกี่ยวข้องโดยตรง
แต่การที่จอมพลสฤษดิ์สามารถเข้าพบประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้ ก็บอกอะไรหลายอย่าง ชิมิ?
วินทร์ เลียววาริณ
24-6-25....................
อ่านรายละเอียดการยึดอำนาจของจอมพลสฤษดิ์ได้จากชุด ประวัติศาสตร์ที่เราลืม
1 วันที่ผ่านมา -
เช้านี้ตื่นขึ้นมาเห็นข่าวทรัมป์ประกาศว่า สงครามอิสราเอล-อิหร่านจบแล้วนะ ก็คอยดูกันต่อไป เพราะที่ถูกน่าจะเรียกว่าสงครามสหรัฐฯ-อิหร่าน
สิ่งหนึ่งที่ชาวโลกจำนวนมากไม่รู้คือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านเริ่มมานานก่อนเหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันในปี 1979 (ถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง Argo)
หลายคนไม่รู้ว่าเหตุการณ์ปี 1979 มีรากมาจากเหตุการณ์ปี 1953 คือรัฐประหารในอิหร่านในปี 1953 โดยสหรัฐฯและอังกฤษ
ฟังไม่ผิดหรอกครับ คนทำรัฐประหารคือ CIA + MI6
เหตุการณ์นี้ก็ถูกสร้างเป็นหนังสารคดีชื่อ Coup 53
แม้เป็นหนังสารคดี แต่มีการแสดงบางส่วน เล่นโดย Ralph Fiennes หนังได้รับรางวัลมากมาย และเช่นเคย หนังแบบนี้ไม่เข้าบ้านเรา
เอาละ คำถามคือเกิดอะไรขึ้น?
ตอบสั้นๆ คือน้ำมัน
ความวุ่นวายในตะวันออกกลางมาจากน้ำมัน ถ้าตะวันออกกลางไม่มีน้ำมัน อเมริกัน อังกฤษก็ไม่เข้าไปให้เมื่อย
ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 อังกฤษไปกอบโกยน้ำมันจากอิหร่านจำนวนมหาศาล ก่อตั้งบริษัท BP Oil หรือ British Petroleum
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อนายกฯอิหร่าน Mohammad Mosaddegh ต้องการให้น้ำมันเป็นผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ (nationalist policies)
อังกฤษเห็นว่าหาก Mohammad Mosaddegh ทำให้น้ำมันเป็นของชาติอย่างเดียวได้สำเร็จ จะเป็นตัวอย่างที่ทำให้ชาติที่มีน้ำมันอื่นๆ ทำตาม เช่น คูเวต ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย ฯลฯ จะคุมประเทศอื่นได้ยาก ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ยอมไม่ได้ก็ต้องล้มรัฐบาล
อังกฤษเข้าหาสหรัฐฯ ขอให้ช่วยที ตอนนั้นเป็นยุคของทรูแมน (คนสั่งทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ) ทรูแมนลังเล พอนายพล ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ก็ตกลง อนุญาตให้ดำเนินการ ส่งซีไอเอไปทำงานร่วมกับ MI6 ชื่อปฏิบัติการ Operation Ajax
ซีไอเอที่ส่งไปเป็นหลานประธานาธิบดีรูสเวลต์ ชื่อ Kermit Roosevelt Jr.
Kermit Roosevelt ไม่รู้เรื่องอิหร่านใดๆ ทั้งสิ้น แต่รับเครดิตไปเต็มๆ ส่วนคนทำงานจริงๆ คือ MI6 เป็นคนอังกฤษที่โตที่ตะวันออกกลาง ชื่อ Norman Darbyshire (ในหนังสารคดีเรื่อง Coup 53 แสดงโดย Ralph Fiennes)
การก่อรัฐประหารครั้งนี้ สหรัฐและอังกฤษว่าจ้างนักเดินขบวน ใช้ลูกเล่น กลอุบายทุกชนิด สร้างสถานการณ์ว่าพวกคอมมิวนิสต์กำลังจะมา เกิดความรุนแรง มีคนตาย
รัฐประหารสำเร็จ สหรัฐฯให้ชาห์ขึ้นมามีอำนาจ
จะเห็นว่าประชาธิปไตยในอิหร่านหายไปได้อย่างไร เพราะใคร และเพราะอะไร
หลังจากปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จ อเมริกันก็ช่วยก่อรัฐประหารอีกหลายประเทศ เช่น กัวเตมาลา (1954) ชิลี (1973) เวียดนาม (นายพลเวียดนามใต้ทุกคนที่จะก่อรัฐประหารต้องขออนุญาตวอชิงตันก่อน) ฯลฯ บางครั้งก็ไม่สำเร็จ เช่น ปฏิบัติการ Bay of Pigs โดย จอห์น เอฟ เคนเนดี
ใช่ เจ้าพ่อรัฐประหารตัวจริงก็คือพี่เบิ้มของเรานี่เอง
อุดมคติทางการเมืองเป็นแค่ภาพมายา ทุกอย่างอยู่ที่ผลประโยชน์ ทุกอย่างเป็นธุรกิจการเมือง
วินทร์ เลียววาริณ
24-6-251 วันที่ผ่านมา