• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    รู้ไหมว่าดวงดาวต่างจากดาวเคราะห์อย่างไร แม้ภาษาไทยใช้คำว่า 'ดาว' เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน

    ดวงดาวคือพระอาทิตย์ เป็นแหล่งพลังงาน เป็นจุดที่ระเบิดตูมตาม เรียก fusion อย่าไปสนใจเลยว่า fusion เป็นยังไง เดี๋ยวจะเกิด confusion เปล่าๆ

    ดวงอาทิตย์ของเรา (Sun) มีแรงโน้มถ่วงสูงกว่าโลกเรา 28 เท่า ร้อนประมาณ 15 ล้านองศาเซลเซียส พอใช้ปิ้งหมูย่างได้ทั้งโลกนานหลายศตวรรษ

    ส่วนดาวเคราะห์คือก้อนกลมๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์อีกที ดวงที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ก็ร้อนหน่อย ไกลออกไปก็หนาว บ้างก็เป็นน้ำแข็ง

    โลกเราอยู่ตรงเขตสบายๆ ที่เรียกว่า Goldilock Zone เขาว่าเอื้อต่อการมีชีวิต แต่โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อ เพราะเราตั้งชื่อนี้ขึ้นเอาเอง และใช้มาตรฐานของเราเป็นตัวกำหนด

    เราเชื่อมานานแล้วว่าดาวเคราะห์ดวงไหนก็ตามที่ไม่ใช่อยู่ใน Goldilock Zone จะไม่มีสิ่งมีชีวิต ดาวเคราะห์ที่ร้อนไปหรือเย็นไป หรือไม่มีแสงอาทิตย์ จะไม่เกิดสิ่งมีชีวิต

    แต่ความเชื่อนี้ก็มีข้อขัดแย้งในโลกเรานี่เอง มีบางจุดในโลกเราใต้มหาสมุทรที่มืดสนิท ไม่มีแสงอาทิตย์ มีแต่ความร้อนจากใจกลางโลก และร้อนจัดเกินกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรารู้จักจะอยู่ได้ ก็ปรากฏว่ามีสิ่งมีชีวิตยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ทั้งที่ไม่มีแสงอาทิตย์และร้อนจัด

    นี่บอกเราว่าสิ่งมีชีวิตอาจถือกำเนิดได้ในพื้นที่ที่ไม่มีแสงอาทิตย์ และร้อนสุดทนทาน

    ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือดวงจันทร์ยูโรปาซึ่งโคจรรอบดาวพฤหัส เป็นดวงจันทร์น้ำแข็ง สีขาวโพลนทั้งดวง ถ้าใช้กรอบคิดเดิมๆ ยูโรปาก็ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิต

    เอาละ ก่อนไปคุยเรื่องยูโรปาที่ไม่ใช่ขนมและทีมฟุตบอล เรามาโม้เรื่องดาวพฤหัสก่อนดีกว่า ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่แปลก ขนาดของมันใหญ่กว่าดวงดาวหลายดวงในทางช้างเผือก แต่มันก็เป็นได้แค่ดาวเคราะห์ เพราะมวลของมันไม่มากพอให้เป็นดวงอาทิตย์

    ด้วยขนาดใหญ่ยักษ์ของมัน (ขนาดของมันใหญ่พอบรรจุโลกของเราได้ถึง 1,300 ดวง) ดาวพฤหัสถือว่ามีบุญคุณต่อชาวโลกมหาศาล ควรกราบไว้วันละสามเวลา เพราะมันช่วงดูดสิ่งแปลกปลอมในระบบสุริยะ เช่น อุกกาบาต ลงไปในในดาว ทำให้โลกเราปลอดภัยจากสิ่งอันตรายเหล่านี้มานานเป็นหลายพันล้านปี

    หากลองสังเกตดาวพฤหัส จะเห็น 'ดวงตา' ของมัน เป็นจุดสีแดง เรียกว่า Great Red Spot แต่หากวันหนึ่งเมืองไทยไปดวงจันทร์สำเร็จและโครงการอวกาศรุ่งเรือง จัดทัวร์ไปเที่ยวดาวพฤหัส ก็ไม่ต้องแวะชม Great Red Spot หรอกนะ เพราะลูกแดงนี่เป็นพายุ

    ขนาดของพายุนี้เคยใหญ่พอบรรจุโลกเราได้ 3 ดวง แต่ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ขนาดก็หดลงมา ใหญ่เท่าโลกเราหนึ่งดวง

    เอาละ เรารู้ใช่ไหมว่าน้ำขึ้นน้ำลงในโลกเป็นผลมาจากดวงจันทร์ส่งแรง 'ดูด' น้ำ ดาวพฤหัสก็เหมือนกัน ผลของแรงดึงดูดมหาศาลของดาวพฤหัสที่ดึงดวงจันทร์ต่างๆ ไว้ ทำให้แกนกลางของดวงจันทร์ร้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

    ดังนั้นแม้ดวงจันทร์ยูโรปาเป็นน้ำแข็งทั้งดวง ใจกลางของมันก็ร้อนเพราะแรงจากดาวพฤหัส เดาซิว่าผลที่ตามมาคืออะไร?

    ผลก็คือน้ำแข็งใต้ผิวดวงจันทร์ละลาย

    แม่นแล้วเด้อ! ใต้ผิวน้ำแข็งหนาราว 25 กิโลเมตรของยูโรปาคือน้ำ และที่ใดมีน้ำ ก็เชื่อว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิต ดังตัวอย่างใต้สมุทรของเรา

    .

    ในนิยายวิทยาศาสตร์ภาคต่อของนวนิยายคลาสสิก 2001: A Space Odyssey คือเรื่อง 2010: Odyssey Two อาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก จินตนาการแบบล้ำลึกมาก (ตรงนี้มีสปอยเลอร์นะจ๊ะ) เขาจินตนาการให้สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวเปลี่ยนดาวพฤหัสเป็นดวงอาทิตย์

    ดังที่เกริ่นแล้วว่า ดาวพฤหัสเกือบได้เป็นดวงอาทิตย์ แต่มวลไม่ถึง สิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวก็ส่งแท่งหินสีดำปริศนา (ทาง Kerry หรือ FedEx ก็จำไม่ได้แล้ว) ไปที่ดาวพฤหัส แล้วใช้หลักเครื่องจักรสร้างเครื่องจักร ขยายจำนวนแท่งหินดำจำนวนมหาศาลขึ้นมาปิดดาวพฤหัส เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง ดาวพฤหัสก็เปล่งแสงสว่าง มันกลายเป็นดวงอาทิตย์ดวงที่สองในระบบสุริยะ!

    ผลที่ตามมาคือ ดวงจันทร์ที่โคจรรอบดาวพฤหัสก็ร้อนขึ้น น้ำแข็งบนผิวยูโรปาละลายเป็นน้ำ ยูโรปากลายเป็นดาวเคราะห์มหาสมุทรเหมือนโลก เปิดโอกาสให้เกิดสิ่งมีชีวิตบนยูโรปา หรือให้สิ่งมีชีวิตเดิมใต้สมุทรวิวัฒนาการต่อไปเป็นสิ่งทรงภูมิปัญญา

    ส่วนโลกเราก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน นั่นคือเรามีดวงอาทิตย์สองดวง ไม่มีกลางคืนอีกต่อไป

    เรื่องนี้ต้องขอบคุณสิ่งทรงภูมิปัญญามากๆ จ้ะ เพราะประหยัดค่าไฟฟ้าตอนค่ำไปได้เยอะ และที่ดีที่สุดคือซักผ้าตอนกลางคืนก็ตากแดดได้

    วินทร์ เลียววาริณ
    21-5-25

    0
    • 0 แชร์
    • 3

บทความล่าสุด