-
วินทร์ เลียววาริณ2 วันที่ผ่านมา
นักฟิสิกส์บางคนเสนอทฤษฎีว่า เวลาในจักรวาลเป็นภาพลวงตา แต่ละเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นเอกเทศ เหมือนเฟรมหนัง แต่ละเฟรมเป็นอิสระจากกัน แต่สามัญสำนึกของมนุษย์ไปโยงเฟรมทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นภาพยนตร์ต่อเนื่อง กลายเป็นภาพลวงตาของลูกศรแห่งเวลา (arrow of time)
ไม่ว่านี่เป็นทฤษฎีหลุดโลก หรืออาจเป็นจริง เราก็ใช้ชีวิตอยู่ในเวลา
แต่เราสามารถอยู่ในเวลาได้เฉพาะขณะจิตนี้ หรือปัจจุบัน
เราอยู่ในขณะจิตนี้ ไม่ใช่ขณะจิตก่อน ไม่ใช่ขณะจิตหน้า
ที่เหลือเป็นภาพไม่จริง อดีตไม่มีตัวตนแล้ว อนาคตก็ไม่มี
ดังนั้นการคิดเรื่องฟุ้งซ่านในอดีตและการวิตกเรื่องอนาคต ก็เป็นแค่การฝันไปเอง
และการใช้ชีวิต ณ ปัจจุบันขณะไปกับอดีตและอนาคต จึงเป็นการทำลายเวลาปัจจุบันไปเปล่าๆ เหมือนมีไอติมอยู่ในมือ ปล่อยให้มันละลายไปโดยไม่กิน
เสียดายจัง
วินทร์ เลียววาริณ
11-6-25(ภาพวาดโดย วินทร์ เลียววาริณ)
0- แชร์
- 16
-
เมื่อวานนี้ผมอยู่ข้างนอกทั้งวัน ตอนบ่ายๆ ได้ยินข่าวแพทยสภาลงมติ วูบหนึ่งก็นึกว่าจะเขียนเรื่องนี้ผ่านคอลัมน์ The Bartender Series แต่ไม่รู้จะกลับบ้านทันไหม
งานชุดนี้เขียนสะท้อนปัญหาบ้านเมือง คล้ายบันทึกเหตุการณ์ร่วมสมัยต่างๆ ด้วยอารมณ์ขัน ในงานตระกูลเสียดสี (satire) จุดสำคัญคือต้องเขียนทันที และเร็ว
แปลว่ามีเวลาไม่มากที่จะต้องคิดคอนเส็ปต์ และลงมือทำจริง (execution)
ใช่ครับ จะเสียดสีเรื่องอะไร ด่าใครอย่างสร้างสรรค์ ก็ต้องคิดคอนเส็ปต์เสมอ
ผมทำงานในลักษณะบรี๊ฟเช้า-ขายงานลูกค้าบ่ายหรือเย็นมาตลอดชีวิตคนโฆษณา จึงไม่ลนลานเวลาเจองานด่วน ตรงกันข้าม สมองที่กำลังง่วงพลันตื่นขึ้นมาทันทีเหมือนได้รับยาบ้าห้าเม็ด
เพื่อประโยชน์ของการศึกษา ต่อไปนี้ก็คือบันทึกวิธีทำงานของผม
......................
ผมกลับถึงบ้านตอนเย็นหกโมงกว่า เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ อ่านข่าวอีกรอบเพื่อให้เข้าใจ แล้วเริ่มคิดคอนเส็ปต์
ผมไม่อยากใช้คนจริงเป็นตัวละคร เพื่อเลี่ยงปัญหาการถูกฟ้องร้อง จึงต้องสร้างตัวละครมาคุยกับบาร์เทนเดอร์
ในเมื่อเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับพวกหมอ ผมก็ต้องรีเสิร์ชค็อคเทลที่เกี่ยวกับหมอ ได้มาสองสูตร ที่คิดว่าใช้ได้คือ The Good Doctor และ Penicillin cocktail
ขั้นต่อไปคือคิดเรื่องเสียบให้เข้ากันอย่างไร้รอยตะเข็บ
ผมนึกว่าตัวละครลูกค้าที่มาคุยกับบาร์เทนเดอร์ควรเป็นใคร คิดว่าน่าจะเป็นหมอ
หลังจากนั้นก็ลงมือเขียนบทสนทนา หักมุมที่ลูกค้าเป็นหมอดู เพื่อที่จะเล่นแก๊กสุดท้ายได้อีกดอก แต่สร้าง deccoy (ตัวหลอก) คือสวมชุดขาว
การเขียนเรื่องแนวเสียดสีจะเร็วและสนุกหากคนเขียนสนุกกับมันด้วย ผมใช้เวลาไม่มากนักในงานส่วนนี้ ผมจะเขียนแบบร่างหยาบๆ ก่อน เพื่ออ่านให้เห็นภาพรวม โทนของเรื่องว่าใช้ได้ก่อนที่จะมาเกลา
หลังจากเขียนร่างบทสนทนาจบแล้ว ก็หยุดก่อน ไปทำภาพประกอบ ผมมีคลังภาพเหล้าชนิดต่างๆ ที่เช่ามา จึงทำส่วนนี้ได้เร็ว
เสร็จแล้วก็กลับมาเกลาเรื่อง ตัดทอนส่วนรุ่มร่ามทิ้ง แล้วเติมมุขเข้าไป ก็จบแค่นั้น
ทุกอย่างจบภายในเวลา 31 นาที
ถ้าเป็น 20 ปีก่อน ผมคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงทำงานชิ้นเดียวกันนี้ แต่ผ่านการฝึกฝนเคี่ยวกรำมานาน ก็สามารถจบงานได้ในเวลาราวครึ่งชั่วโมง
นี่ก็คือการทำงานแบบเร่งด่วน แต่ไม่เร่งรีบ มันเร็ว แต่ไม่รีบ
ผมชอบทำงานแบบนี้เพราะมันท้าทายสมองให้คิดเร็ว สนุกดี
ราตรีสวัสดิ์วันศุกร์
วินทร์ เลียววาริณ
13-6-25งานชุดนี้รวมเล่มแล้ว 1 เล่ม เล่ม 2 ก็มีมากพอขาย แต่ขี้เกียจทำ
เล่ม 1 = พับผ่า! บาร์เทนเดอร์ มีจำหน่ายแล้วในรูปอีบุ๊ค สนใจดูได้ในเว็บ winbookclub.com หรือ The Meb
0 วันที่ผ่านมา -
(เรื่องนี้มีหลายเวอร์ชั่นมาก นี่เป็นเวอร์ชั่นของเรา ตัวแสดงนำคือท่านรัฐมนตรีรักชาติตามเคย)
ค่ำนี้ข้าพเจ้าขับรถไปตามถนนเจ็ดชั่วโคตร รถติดมาก ได้ยินเสียงไซเรนดังเป็นระยะ ข้าพเจ้ารู้ว่าต้องเกิดเหตุร้ายบางอย่างแน่ๆ
มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งผ่านมา ข้าพเจ้าเลื่อนกระจกรถลง ถามเขาว่า "เกิดอะไรขึ้น คานหล่นทับรถใครอีกหรือ?"
"เปล่าครับ"
"แล้วเกิดอะไรขึ้น?"
"ท่านรัฐมนตรีรักชาติถูกผู้ก่อการร้ายจับตัวเป็นตัวประกัน อยู่ในรถบรรทุกข้างหน้า"
"จับเป็นตัวประกันทำไม?"
"เพื่อเรียกค่าไถ่น่ะซี ขอเงิน 100 ล้าน"
"ถ้าไม่จ่ายแล้วจะทำไม?"
"ผู้ก่อการร้ายประกาศว่าถ้าไม่เอาเงิน 100 ล้านมาไถ่ตัวท่านรัฐมนตรี จะราดน้ำมันใส่ท่านรัฐมนตรี แล้วจุดไฟเผาสด"
"น่ากลัวมาก แล้วทำยังไง?"
"ตอนนี้ประชาชนก็เลยรีบระดมกำลังขอเรี่ยไร เพราะเห็นท่าว่าผู้ก่อการร้ายเอาจริง"
"ต้องเรี่ยไรคนละเท่าไหร่จึงจะพอ?"
"อ๋อ! คนละลิตรก็พอครับ"
วินทร์ เลียววาริณ
เล่าใหม่จากขำขันที่ได้ยินมา
13-6-250 วันที่ผ่านมา -
ดาวหางมรณะจะพุ่งชนโลกเราในอาทิตย์หน้า ด้วยขนาดและความเร็วของมัน โลกจะถล่มทลาย เผ่าพันธุ์มนุษยชาติจะสูญสิ้น คุณจะทำอะไรในช่วงเจ็ดวันนี้? บ่นหรือเที่ยว? สาปแช่งหรือกินของอร่อย? ไปหาหมอดูหรืออยู่กับคนรัก?
ถ้าเรารู้ว่าจะมีชีวิตเหลืออีกไม่กี่วัน ในไม่กี่วันนั้นเราคงเลือกทำแต่เรื่องสำคัญและเรื่องจำเป็น บอกรักคนที่รัก มองดูโลกด้านที่งดงาม มองท้องฟ้า ชมเมฆ ดูนก ดูใบไม้ ดอกไม้ รักษาจิตให้สงบก่อนจากโลกไป
เป็นการทำ ‘เรื่องดี ๆ’ และเรื่องที่อยากทำก่อนจากโลกนี้ไป
ถ้าในเวลาเจ็ดวัน เราสามารถทำเรื่องดี ๆ ที่อยากทำได้ ทำไมจำกัดเรื่องดี ๆ ไว้แค่เจ็ดวันเล่า?
แม้ชีวิตเราจะยืนยาวอีกหลายสิบปี ก็สามารถทำเรื่องดี ๆ และเรื่องที่อยากทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอโอกาสที่ดาวหางมรณะมาเยือน
เวลาเจ็ดวันสั้นเกินกว่าจะทำเรื่องไม่สำคัญ เช่น ทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จักในโลกโชเชียล นินทาชาวบ้าน แต่เวลาทั้งชีวิตก็สั้นเกินไปเช่นกัน
คนที่ทำงานหนักและนอนน้อยชอบพูดเล่นว่า “เอาไว้นอนหลังตายก็แล้วกัน” ความหมายคือมีเรื่องสำคัญต้องทำตอนนี้ ส่วนเรื่องไม่สำคัญให้ทำทีหลังหรือ ‘ทำหลังตาย’
เราอาจใช้หลักคิดนี้ในการจัดการอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ
ลองเปลี่ยนวิธีมองโลกและการใช้ชีวิตอีกมุมหนึ่งว่า เรื่องไม่สำคัญ ทำหลังตายก็ได้ เพราะมันทำให้เราเสียเวลาใช้ชีวิตที่ดีขณะที่เรายังมีลมหายใจ
คิดง่าย ๆ เราจะโง่เสียเวลาฟรี ๆ ทำเรื่องไร้สาระตอนยังมีชีวิตทำไม ทำหลังตายก็แล้วกัน
สรรพสิ่งย่อมมีอายุขัยของมัน นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าอายุโลกเราน่าจะรองรับชีวิตได้อยู่อีกประมาณ 7.5 พันล้านปี เวลานั้นทุกชีวิตบนโลกจะดับสูญ เพราะดวงอาทิตย์ของเราเริ่มหมดสิ้นพลังงาน กลายเป็นดาวยักษ์แดง มันจะขยายตัวมาเฉียดหรือชนโลกเรา เผาผลาญทุกชีวิตบนโลก
ตีเป็นตัวเลขกลม ๆ คือเจ็ดพันล้านปี
ดังนั้นถ้าจะนอนหลังตาย ก็มีเวลานอนนานถึงเจ็ดพันล้านปี
ถ้าอยากกลุ้มใจ ไปกลุ้มใจหลังตายดีกว่า เพราะจะมีเวลากลุ้มได้เต็มที่ นานอีกเจ็ดพันล้านปีกว่าโลกจะเลิกกิจการ
โกรธใคร ก็ไปโกรธหลังตาย โกรธให้พอใจ มีเวลาโกรธตั้งเจ็ดพันล้านปี
เกลียดใคร ก็เกลียดให้เต็มที่ไปเลยอีกเจ็ดพันล้านปีจนถึงวันโลกแตกจริง ๆ
อยากอิจฉานินทาใคร ก็ทำตอนหลังตาย มีเวลาเยอะ
อย่าละลายเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีขณะที่เรายังหายใจได้ อย่าเสียเวลาคิด-ทำเรื่องไม่ดี อีกเจ็ดพันล้านปีค่อยทำ
ชีวิตบนโลกนั้นสั้น ใช้เวลากับเรื่องดี ๆ เรื่องที่เป็นมงคลดีกว่า
รักใครก็รักให้เต็มที่ตอนยังมีชีวิต
รักพ่อแม่ ก็ไปเยี่ยมตอนที่ยังมีชีวิต รักลูก ก็ใช้ชีวิตกับลูกให้เต็มที่ตอนยังมีลมหายใจ
อยากจะบอกรักใคร ก็บอกตอนยังมีลมหายใจ
อยากทำงานในฝัน ก็ทำตอนที่ยังอยู่บนโลก ไม่เสียเวลาไปกับการคิดว่านี่เป็นไปไม่ได้ นั่นก็เป็นไปไม่ได้
เพราะเวลาหนึ่งชีวิตของเราแม้ไม่ยาว แต่ถ้าใช้เป็น มันก็มีค่ากว่าคนที่ทำเรื่องไม่สำคัญโดยเสียเวลาทั้งชีวิตของเขา บวกอีกเจ็ดพันล้านปี
ประการสุดท้ายคือ เรามักไม่ตายเพราะดาวหางถล่มโลก
วินทร์ เลียววาริณ
13-6-25...................
จากเหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
Shopee https://s.shopee.co.th/60Bx1VKarmShopee โปรโมชั่นคู่กับยุทธจักรวาลกิมย้ง https://s.shopee.co.th/6pl417244u
0 วันที่ผ่านมา -
(เริ่มเขียน 17.54 น. / เริ่มทำภาพประกอบ 18.15 น. / เสร็จ 18.25 น.)
ร้านเหล้าพับผ่าคืนนี้มีลูกค้าหน้าใหม่ก้าวเข้ามา วัยราว 50 ปลาย เส้นผมสีเทา สวมชุดขาวทั้งร่าง ท่าทางคงแก่เรียน มองปราดเดียว ข้าพเจ้าเดาว่าเขาน่าจะเป็นหมอ
มันเป็นต้นราตรีของวันที่แพทยสภายืนมติลงโทษแพทย์สามคน ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ข้าพเจ้าถามลูกค้าชุดขาว "ดื่มอะไรดีครับ คุณหมอ?"
เขาเลิกคิ้ว "คุณดูออกเลยหรือว่าผมเป็นหมอ?"
"ใช่"
เขาหัวเราะ "ก็ไม่ผิดนะ"
ข้าพเจ้าถาม "คุณหมอคิดยังไงกับการโหวตเสียงของแพทยสภาในวันนี้?"
"ก็ตรงตามที่ผมคาดไว้ ผมประมาณแล้วว่าตัวเลขน่าจะ 65-66 แทงหวยได้"
"จะดื่มอะไรดีครับ?"
"ผมไม่ค่อยได้ดื่ม บาร์เทนเดอร์เสนอมาซีครับ"
"แก้วแรกผมขอเสนอค็อคเทล The Good Doctor ก็แล้วกัน"
"มีค็อคเทลชื่อนี้จริงๆ หรือครับ?"
"มีจริงครับ ทำด้วยวิสกี้ไรย์ ผสม Amaro กับ Dr Pepper ใส่ส้มฝาน"
"ตกลงครับ"
ข้าพเจ้าชง The Good Doctor แล้วนำไปเสิร์ฟ เขาดื่มหมดอย่างรวดเร็ว บอก "อร่อยมากครับ ขออีกแก้ว"
"งั้นขอเสนอแก้วใหม่เลยดีกว่า คือ Penicillin cocktail"
"Penicillin? ที่เป็นชื่อยาปฏิชีวนะ?"
"ใช่ครับ เพราะวันนี้พวกหมอพิสูจน์ให้คนไทยเห็นว่า การเมืองไทยที่ติดเชื้อมานานสมควรได้รับยาปฏิชีวนะแรงๆ"
"เวรี ดีฟ ตกลง แล้ว Penicillin cocktail ทำยังไงครับ?"
"เป็นส่วนผสมของสก็อตช์ วิสกี้ น้ำมะนาว และ honey-ginger syrup"
ข้าพเจ้าเสิร์ฟ Penicillin cocktail ให้ลูกค้า เขาดื่มแล้วบอก "รสดี หวังว่ามันคงฆ่าเชืิ้อในกระเพาะของผม"
"มันฆ่าเชื้อโรคการเมืองต่างหากครับ"
"ยอดเยี่ยมครับ"
"อีกแก้วไหมครับ?"
"ไม่ดีกว่า ผมต้องไปทำงานต่อ ช่วยเช็กบิลเลย "
"สองแก้วนี้ on the house ครับ วันนี้ร้านพับผ่าฉลอง ให้หมอดื่มฟรี ผมชื่นชมพวกหมอที่ไม่หวั่นอิทธิพลการเมือง รักษาจรรยาบรรณแพทย์"
"ขอบคุณครับ"
ข้าพเจ้าเอ่ย "ยินดีครับ คุณหมอบอกว่าจะต้องไปทำงาน คุณหมอทำงานที่โรงพยาบาลไหนครับ?"
"คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่หมอในโรงพยาบาล ผมเป็นหมอดูครับ ผมรับดูดวง เมื่อหัวค่ำมีนักการเมืองเรียกตัวผมไปดูดวงให้ว่าจะไปรอดหรือไม่"
"แล้วคิดว่าจะรอดมั้ย?"
เขาหัวเราะ "เจอ Penicillin cocktail น่าจะไม่รอดนะ"
วินทร์ เลียววาริณ
12-6-25..................
หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
พับผ่า! บาร์เทนเดอร์ (The Bartender Series 1) มีจำหน่ายแล้วในรูปอีบุ๊ค สนใจดูได้ในเว็บ winbookclub.com หรือ The Meb
1 วันที่ผ่านมา -
ผมเขียนมาบ่อยมากว่า พื้นที่ในจักรวาลส่วนใหญ่เป็นที่ว่าง บางคนนึกภาพไม่ออก
งั้นเรามาบอกเป็นตัวเลขดีกว่า อาจจะเห็นภาพมากขึ้น
ดวงดาวในดาราจักรทางช้างเผือกที่เราอยู่มีราว 2-4 แสนล้านดวง ถามว่าแต่ละดวงอยู่ห่างกันเฉลี่ยเท่าไร
ร้อยกิโล? พันกิโล? ล้านกิโล?
ไม่ๆๆ ! เราคงต้องเปลี่ยนหน่วยเป็นปีแสง
ระยะทางในจักรวาลไกลมาก เราจึงคิดหน่วยวัดระยะทางเป็นปีแสง (light year)
หนึ่งปีแสงคือระยะทางที่แสงเดินทางไปเป็นเวลาหนึ่งปี
เท่าที่เรารู้ตอนนี้ แสงเป็นสิ่งที่เดินทางเร็วที่สุดแล้ว ฉะนั้นหนึ่งปีแสงถือว่าไกลมากๆ
ค่าเฉลี่ยระยะห่างของดวงดาวต่างๆ ในทางช้างเผือกคือ 5 ปีแสง
แปลว่าหากเราเดินทางด้วยยานอวกาศที่เรามีตอนนี้ ก็คงใช้เวลาหลายสิบชั่วคน
นี่แค่ดาวดวงเดียวนะ
เวลาเราดูดาวบนฟ้ากลางคืน จะเห็นจุดดาวอยู่ใกล้กันมาก พึงรู้ว่าระยะห่างของแต่ละจุดใกล้ๆ กันนั้นคือเฉลี่ย 5 ปีแสง
แต่ท้องฟ้าที่เราเห็นตอนกลางคืนเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของทางช้างเผือก
ดังนั้นพอนึกภาพออกแล้วใช่ไหมว่า ทางช้างเผือกใหญ่แค่ไหน
และข้างนอกทางช้างเผือก ยังมีดาราจักรแบบนี้อีกเป็นหลายแสนล้านดาราจักร และทุกดาราจักรก็ขยายตัวออกไปทุกที
จักรวาลจึงเต็มไปด้วยที่ว่าง
วินทร์ เลียววาริณ
12-6-252 วันที่ผ่านมา