• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    หมายเหตุ สี่ภพ ออกสู่บรรณพิภพมาหลายวันแล้ว มีผู้อ่านหลายคนวิจารณ์งานชิ้นนี้ ส่วนมากเป็นข้อความสั้นๆ วันนี้ขอนำบทรีวิวยาวๆ ของผู้อ่านท่านหนึ่งมาลงให้อ่านโดยไม่ตัดทอน

    ยุคนี้คนไม่ชอบเขียนยาวๆ แต่ในยุค 30 ปีก่อน การรีวิวหนังสือยาวๆ เป็นเรื่องปกติ บางทีคนอ่านบทวิจารณ์แล้วไม่เห็นด้วย ก็รีวิวซ้อนรีวิว

    เป็นวัฒนธรรมวรรณวิจารณ์ที่ไม่ค่อยเห็นแล้วในยุคนี้

    ก็แค่จะบอกว่า ใครอยากรีวิว สี่ภพ เป็นเรื่องเป็นราว ก็เชิญ ถ้าเหมาะสมและเนื้อหามีประโยชน์ ผมก็จะขอนำมาโพสต์ให้อ่าน

    เอาละ เข้าสู่รีวิว(ยาว)แรก

    ..........................

    รีวิว สี่ภพ #1

    โดย วิศวกรรีพอร์ต

    ดูเผิน ๆ เหมือนนิยายจีนกำลังภายใน แต่ไม่ใช่

    ความจริงคือนิยายไซไฟ (Sci-Fi) ที่ใช้ฉากบู๊ลิ้ม

    ผมกำลังพูดถึงนิยายเรื่อง ‘สี่ภพ’ ที่เขียนโดยคุณวินทร์ เลียววาริณ

    นิยายเรื่องนี้มีที่มาที่น่าสนใจ คือเมื่อปี พ.ศ. 2545 คุณวินทร์เขียนบทความลงในมติชนสุดสัปดาห์ว่า ตอนนี้มีนิยายจีนกำลังภายในเรื่องใหม่ที่กำลังมาแรงในฮ่องกง

    นิยายเรื่องนั้นชื่อว่า เป่ย-หนาน-ตง-ซี (แปลไทยว่า เหนือ-ใต้-ออก-ตก)

    เรื่องราวคือตัวเอกเผลอฝึกวิชาโดยบังเอิญ แต่วิชานี้มีผลข้างเคียงทำให้เจ็บปวดทั่วร่าง ต้องเดินทางขึ้นเหนือ เพราะถ้าเดินทางไปทิศอื่นจะเจ็บปวดจนทนไม่ได้

    ทำไมต้องเดินทางไปทิศเหนือ เมื่อไปทิศเหนือแล้วจะพบอะไร คำตอบคือต้องอ่านเอง

    เป่ย-หนาน-ตง-ซี ได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนิยายจีนที่แหวกแนว เดินเรื่องลึกล้ำ แม้แต่กิมย้งยังยกนิ้วให้

    ข่าวดีคือ น. นพรัตน์ กำลังแปลเป็นไทย คาดว่าจะได้อ่านในอีกไม่นาน

    ข่าวร้ายคือ นี่เป็นเรื่องอำ!

    ใช่ คุณวินทร์เขียนเรื่องนี้มาอำคน เป็นงานเขียนแนวทดลอง

    แต่คนอ่านไม่อำด้วย ถามไปยังคุณ น.นพรัตน์ ว่าเมื่อไรจะแปลเสร็จ!

    เมื่อเสียงเรียกร้องหนักขึ้น คุณวินทร์จึงตัดสินใจเขียนเรื่องนี้จริง ๆ กะให้เป็นผลงานเรื่องใหญ่ชิ้นสุดท้าย (คุณวินทร์อายุเกือบ 70 ปีแล้ว)

    แม้จะวางโครงเรื่องตั้งแต่ตอนอำ แต่เรื่องราวมีรายละเอียดเยอะมาก คุณวินทร์จึงใช้เวลาเขียนนานถึง 5 ปี

    สุดท้ายกลายเป็นหนังสือ 6 เล่ม 5 เล่มเป็นนิยาย อีก 1 เล่มเป็นเบื้องหลังการทำงาน

    เมื่อเปิดให้สั่งพรีออเดอร์ ผมจึงกดสั่งแบบไม่ต้องคิด

    แต่เมื่ออ่านเล่มแรกจบ รู้สึกผิดหวัง คือเรื่องราวคล้ายนิยายของกิมย้งมากเกินไป มีเรื่องราวที่คล้าย กระบี่เย้ยยุทธจักร และ ดาบมังกรหยก มีฝ่ายธัมมะ มีพรรคมาร มีหัวหน้าพรรคมาร มีคัมภีร์ยุทธ์ที่ทุกคนต่างแย่งชิง

    พออ่านเล่มสองดึขึ้นบ้าง เพราะเป็นการผจญภัยของพระเอกและนางเอก แต่ก็มีกลิ่นอายคล้าย มังกรหยก ภาคก๊วยเจ๋ง

    พออ่านเล่มสามเท่านั้นแหละ ถึงรู้ว่ากลิ่นอายของนิยายกิมย้งไม่ใช่เนื้อหาสำคัญเลย มันลึกล้ำและซับซ้อนกว่านั้นมาก (ขอไม่สปอยล์)

    เรื่องราวเข้มข้น รู้ตัวอีกทีวันนั้นก็ไม่เป็นอันทำอะไร (นอกจากอ่านนิยาย)

    ขอให้คำแนะนำว่า จำชื่อตัวละครทุกตัวให้ดี เพราะมีความสำคัญ

    ตัวละครกีกี้ที่โผล่มาฉากเดียวตาย กลับมีบทบาทอย่างไม่น่าเชื่อ

    เรื่องราวบางอย่างที่ไม่รู้จะเขียนทำไม กลับโยงใยและกลายเป็นโซ่ที่ผูกไปยังเรื่องราวหลัก

    ตัวละครมีเยอะ แต่ทุกตัวมีความสำคัญ จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไปไม่ได้

    ถ้าทำแผงผังความสัมพันธ์ตัวละคร แผงผังนั้นคงโยงใยยิ่งกว่าใยแมงมุม แถมเป็นใยแมงมุมที่มีสี่ชั้นอีกต่างหาก

    มีข้อเสียไหม

    ผมคิดว่ามี 2 ข้อคือ

    1. พระเอกเสียท่าง่ายเกินไป

    ด้วยความที่ต้องให้พระเอกมีประสบการณ์พิสดารหรือเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่าง พระเอกจึงต้องเสียท่า แต่เสียท่าง่ายเกินไป มุขที่เห็นประจำคือโดนยาพิษ โดนยาสลบ หรือไม่ก็โดนหลอก จนผมคิดในใจ “ทำไมเมิงโง่งี้”

    2. ฉากเล่าเรื่องเยอะเกินไป

    ด้วยความที่เรื่องราวเกี่ยวพันกับหลายชั่วอายุคน ทั้งรุ่นลูก รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ไปจนถึงเมื่อ 800 ปีก่อน ทำให้การรู้ความจริงในกาลก่อนต้องทำผ่านการเล่า จึงมีฉากที่ตัวละครเล่าเรื่องเยอะมาก และอาจมากเกินไป จนรู้สึกว่าอยากรับรู้ผ่านฉากที่เกิดขึ้นจริงกับตัวละครนั้น ๆ มากกว่า

    ส่งท้าย

    โดยรวมแล้วชอบมาก นอกจากชอบความเป็นไซไฟ ยังชอบหลักวิทยายุทธ์

    วิทยายุทธ์ในเรื่องผสมผสานหลักฟิสิกส์ ใส่แนวคิดเรื่อง space-time รวมทั้งมิติที่ 5 เข้าไปด้วย

    ใช่ มันลึกล้ำ เหมือนอ่านตำราฟิสิกส์ผ่านนิยายกำลังภายใน

    ที่ชอบมากคือฉากจบ เป็นฉากจบที่สวยงาม สวยจนคิดว่าจบดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

    ปิดหนังสือด้วยความอิ่มเอมใจ ดีใจที่ได้อ่าน และจะกลับมาอ่านใหม่แน่นอน

    จะเก็บรายละเอียดให้หมด ตัวละครจะกีกี้แค่ไหน ผมจะเก็บให้ครบทุกเม็ดเลย

    กันยายน 2568

    0
    • 0 แชร์
    • 6

บทความล่าสุด