-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ในรอบ 20 ปีนี้ งานหนังสือมีนักเขียนจำนวนหนึ่งมาเปิดบูธขายหนังสือเอง และเป็นพื้นที่เชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้า งานหนังสือเป็นโอกาสเดียวที่จะพบนักอ่าน แบบต่อหน้าต่อตา
จำนวนนักเขียนที่ใช้โมเดลเขียนเองขายเองลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือไม่กี่คน
ประการหนึ่งเพราะรายได้ไม่คุมค่าบูธ
ประการหนึ่งเพราะงานหนังสือกินแรงมาก
ต้องทำทุกอย่าง จัดการเรื่องบูธ เรื่องการขนส่ง เรื่องคน และพบปะผู้อ่าน
ต้องสวมหมวกหลายใบ
นักเขียนหลายคนก็เป็นพวก introvert ไม่ค่อยอยากเจอพื้นที่ที่คนมาก เสียงดังอยู่แล้ว
งานหนังสือสิบกว่าวันจึงทำให้หมดแรง
นี่จบงานหนังสือ ผมก็ต้องพักฟื้นอีกหลายวัน เพราะในช่วงงาน ระบบต่างๆ รวนหมด เขียนงานไม่ได้
อีกประการ อายุก็เพ่ิมขึ้นทุกปี ร่างกายถดถอยลงไปเรื่อยๆ จบงานหนังสือก็ไม่สบาย
คงต้องปรับตัว ปีหน้าอาจต้องลดรอบลง ไม่งั้นจะเจ็บป่วยง่ายขึ้น
บางครั้งผมเคยคิดเลิกกิจกรรมร่วมงานหนังสือ แต่เมื่อได้ยินบางคนบอกว่ามางานหนังสือเพื่อเจอนักเขียน มาพูดคุยกันเท่านั้น ก็รู้สึกหายเหนื่อย
ครับ ก็คงยังจัดไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ไม่ไหวแล้ว ก็ต้องเลิกรา ตามสัจธรรม "เปิดบูธ ตั้งอยู่ ดับไป"
วินทร์ เลียววาริณ
20-10-251- แชร์
- 27
-
"คุณพุ่มรัก เราต้องการความช่วยเหลือจากคุณ"
"ถ้าจะขอยืมเงิน ไปไกลๆ เลย"
"เปล่า เรามีเรื่องด่วน"
"เรื่องอัลไล เอ๊ย! อะไร?"
"ไม่กี่ชั่วโมงก่อน เกิดเหตุโจรปล้นทรัพย์ที่พิพิธภัณฑ์ลูบ"
"เอ๊ะ! เรามีพิพิธภัณฑ์ลูบๆ คลำๆ ด้วยหรือ?"
"พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ที่ฝรั่งเศส พวกโจรบังอาจเอาบันไดพาดขึ้นชั้นสอง ตัดกระจกหน้าต่าง เข้าไปขโมย ได้ของมีค่าไปหลายชิ้น"
"ที่แท้พวกโจรเป็นแขกอินเดีย"
"ทำไมคุณพุ่มรักสรุปอย่างนี้?"
"อ้าว! ก็คุณบอกเองว่าพวกโจรบังอาจเอาบันไดพาดขึ้นชั้นสอง... บังก็คือแขก อาจคือชื่อ"
"นี่มันมุขแป้กนะ เปล่า ไม่ใช่แขกอินเดีย"
"ถ้าไม่ใช่พวกแขกอินเดีย เป็นพวกไหน?"
"เราไม่รู้ จึงต้องบากหน้ามาหาคุณ"
"โห! บากหน้านี่มันเจ็บนะ มีแผลเป็นด้วย"
"อุ๊ย! นี่ก็มุขแป้กนะ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน?"
"ข้อยเดาว่าน่าเป็นฝีมือกลุ่ม Ocean's Eleven"
"แต่โจรมีสี่คน"
"ภาคนี้ชื่อว่า Ocean's Four"
"ตกลงคุณพุ่มรักไปได้มั้ย?"
"จะดีเรอะ ข้อยจะคุยกับพวกฝรั่งเศสรู้เรื่องหรือ ข้อยเว้าแต่อีสาน"
"เดี๋ยวหาล่ามให้"
"ล่ามอีหยัง ข้อยไม่ใช่นักโทษ แล้วจะไปยังไง?"
"ก็บินไป"
"เที่ยวบินชั้นหนึ่ง?"
"เปล่า ชั้นประหยัด"
"พักโรงแรมห้าดาว?"
"เปล่า โรงแรมสามดาว"
"มีอาหารอีสานให้กินตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นไหม?"
"ไม่มี มีแต่อาหารฝรั่งเศส นม เนย ชีส"
"งั้นงานนี้ขอผ่านนะ"
"แต่ทั้งโลกไม่มีนักสืบคนไหนทำงานนี้ได้แล้ว ยู อาร์ เดอะ เบสต์"
""ทำไมไม่ใช้บริการ เชอร์ล็อค โหม?"
"เด๊ดไปแล้ว"
"ปัวโรต์?"
"เด๊ดเหมือนกัน"
"ทำไมไม่ใช้บริการ แจ็ค รีชเชอร์?"
"กลัวรีชเชอร์อัดโจรตายก่อน คุณพุ่มรักเหมาะกว่า เพราะเป็นคนสุภาพ"
"ทำไมไม่ใช้บริการเด็กตาทิพย์ เด็กเชื่อมจิต สะดวกกว่าเยอะ อยู่ที่เมืองไทย มองเห็นคนร้ายที่ฝรั่งเศสเลย"
"เดี๋ยวพวกสิทธิมนุษยชนจะหาว่าเราใช้แรงงานเด็ก"
ราตรีสวัสดิ์
วินทร์ เลียววาริณ
21-10-250 วันที่ผ่านมา -
คุณบริสุทธิ์ชอบดื่มสุรา และชอบดื่มกับสหาย
วงเหล้าวันนี้มีฝรั่งหนุ่มมิสเตอร์เวย์น มาร่วมวงด้วย
นายเวย์นคนนี้เคยเรียนภาษาไทยกับคุณบริสุทธิ์ หลังจากคุณบริสุทธิ์เลิกสอนเขา นายเวย์นก็ยังป้วนเปี้ยนใกล้ตัวคุณบริสุทธิ์ คุณบริสุทธิ์รู้สึกถูกชะตากัน ไม่บ่อยครั้งในชีวิตที่เราจะชอบ ‘ไอ้เวย์น’ สักคน
เขาเคยชวนคุณบริสุทธิ์ไปร่วมวงเมรัยกับเขา เขาบอกว่าการสนทนาในวงเหล้าจะช่วยพัฒนาภาษาไทยของเขา หลังจากเขาเลี้ยงเหล้าคุณบริสุทธิ์มาหลายรอบ ตามมารยาทอันดีงาม คุณบริสุทธิ์ก็ตอบแทนโดยเชิญเขาร่วมวงเมรัยของเขา เพราะวันนี้ถึงคิวบูลย์เลี้ยง
คุณบริสุทธิ์แนะนำให้บูลย์รู้จักเขา บูลย์ถามว่า “คุณเวย์นชื่อต้นว่าอะไร?”
“ผมชื่อรูเปิร์ตครับ”
“อืม! โชคดีนะเป็นชื่อผู้ชาย”
แล้วมิสเตอร์รูเปิร์ตก็ตะโกนเรียกคนเสิร์ฟเหล้า “เสี่ยวเอ้อ เอาเหล้าที่ดีที่สุดของที่นี่มา”
คุณบริสุทธิ์สะดุ้ง “นี่คุณไปเรียนภาษาไทยแบบนี้มาจากไหน?”
“อ้าว! ในเมื่อคุณบริสุทธิ์ไม่ยอมสอนผม ผมก็เรียนเองจากนิยายจีนกำลังภายใน มีคนบอกผมว่าเรียนจากนิยายจะได้ผลเร็วกว่า”
“อาจจะจริง แต่ทำไมไม่เรียนจากนิยายไทยล่ะ? มีมากมายหลายเล่ม เช่น ฆาตกรรมกลางทะเล ฆาตกรรมจักรราศี คดีเจ็ดแพะ คดีศพล่องหน ฆาตกรรมกุหลาบดำ...”
“โอ๊ย! ไม่ไหว ผมไม่ชอบนิยายฆ่า ๆ แกง ๆ มันโหดเกินไป อ่านนิยายกำลังภายในสบายใจกว่า”
“แต่นิยายกำลังภายในก็ฆ่ากันทั้งเรื่องนะ”
“นิยายกำลังภายในมีแต่ฆ่ากัน ไม่มีแกง”
“งั้นทำไมไม่อ่านหนังสือพิมพ์ไทยล่ะ?”
“ผมไม่ชอบอ่านขาว มีแต่ขาวซ้ำซาก ความจริงผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์มานานแล้ว จึงมักตกขาว”
คุณบริสุทธิ์สะดุ้ง “พูดใหม่ซิ ที่ถูกคือตกข่าว”
“ตกขาว”
“เอ้า! ตกขาวก็ตกขาว เอาที่สบายใจ”
“ผมไม่ชอบอ่านขาว ชอบอ่านหนังสือมากกว่า พ่อผมบอกว่าอ่านหนังสือมาก ๆ ทำให้ตื่นรู”
“พูดใหม่ซิ ที่ถูกคือตื่นรู้”
“ตื่นรู”
“เอ้า! ตื่นรูก็ตื่นรู มิน่าเล่าน้องจึงมีชื่อรูเปิด แล้วชอบอ่านนิยายจีนของใคร?”
“กูหลง”
“หลงอะไรล่ะ? หลงทางหรือหลงสาว ๆ?”
“เปล่า กูหลงก็คือโก้วเล้งไง ภาซาจีนกางเรียกกูหลง”
บูลย์แทรก “ออกเสียงกู่หลงต่างหาก กู่แปลว่าโบราณ หลงแปลว่ามังกร อา! ที่แท้ก็ชอบโก้วเล้งเหมือนกัน”
มิสเตอร์รูเปิร์ตว่า “ใช่ เพราะผมเห็นด้วยกับเขาที่ว่า ข้าพเจ้ามิได้ชมชอบรสสุรา แต่ชมชอบบรรยากาศของการดื่มสุรา”
คุณบริสุทธิ์ถาม “แล้วชอบตัวละครคนไหนบ้าง?”
“ผมชอบโป๊เสาะอ่างในเรื่องจอมดาบหิมะแดง”
บูลย์หัวเราะ “โป้วอั้งเสาะต่างหาก เสาะอ่างนั่นมันคุณบริสุทธิ์”
“ผมยังชอบตัวละครเซียวเต้าหู้ยี้ในเรื่องลูกปลาน้อย นอกจากนี้ก็ชอบเซียงกลัวกิมโฮ่งกับเล็กเสียวโฮ่ง...”
คุณบริสุทธิ์ว่า “หมาไล่กัดคุณมึงหรือไง จึงทั้งกลัวทั้งเสียวโฮ่ง?”
“อ้อ! ยังมีต๊กโกเต๊กในเรื่อง กระบี่ไร้กระเทียมทาน ของอึ้งเอ็ง”
“พอแค่นี้ดีกว่านะ น้องรูเปิดนี่ทั้งตกขาว ทั้งตื่นรู แล้วยังชอบต๊กโกเต๊กอีก เรื่องใต้สะดือทั้งนั้น”
“ซือตี๋ผิดไปแล้ว ขอลงโทษตัวเองด้วยการดื่มสามจอก”
คุณบริสุทธิ์ว่า “ซือตี๋เวย์นเรียนจากนิยายจีนนี่ พัฒนาภาษาไทยถึงไหนแล้ว? เรียนสำนวนภาซา เอ๊ย! ภาษาอะไรมาบ้าง?”
น้องเวย์นว่า “มารดามันเถอะ อย่าหาว่าบิดามิเกรงใจ เจ้าลูกเต่า เจ้ากงจื๊อสำส่อน มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา ผายลมมารดาเจ้า”
บูลย์สำลักเหล้าไปสิบกว่าหยด ส่วนคุณบริสุทธิ์ถอนใจ เอ่ยว่า “น้องเวย์นน่าจะเรียนคำปรัชญาดี ๆ มากกว่าคำสบถพวกนี้นะ อย่างเช่น ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต กลับใจคือฟากฝั่ง”
“โห! ยากเกิน แปลว่าอะไร?”
“Suffering sea is limitless, return heart is shore.”
“นี่มันยากกว่าภาษาไทยอีกนะ มีอะไรง่ายกว่านี้บ้างมั้ย?”
“มีอีกเยอะ อย่างเช่น คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต”
“มารดามันเถอะ! นี่แปลว่าอะไร?”
“มารดามันเถอะก็ mother potato”
“ไม่ใช่ ผมหมายถึง คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต”
“Man calculate no fight sky likit.”
“ขอบคุณที่ชี้แนะ”
นายเวย์นยกถ้วยสุราขึ้นคารวะคุณบริสุทธิ์
“ซือตี๋ขอคารวะซือเหี้ย เคี้ยกเคี้ยก”
“มึงเลิกเรียนภาษากำลังภายในพวกนี้ได้แล้วนะ ไอ้เวย์น แล้วเวลากินเหล้าก็ไม่ต้องพูดอะไรด้วย แดกเหล้าไป”
วินทร์ เลียววาริณ
22-10-25....................
บางท่อนจาก เรื่องรักของคุณบริสุทธิ์ฯ
(นวนิยายแนวใหม่ที่นำขำขันตลกๆ ระดับ ‘ขำกลิ้ง’ 400 เรื่องมายำเป็นนวนิยาย)
ค่าคลายเครียดแค่ 330 บาท เฉลี่ยขำละ 80 สตางค์หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วโปรโมชั่น https://www.winbookclub.com/store/detail/196/แพคเกจพิเศษ%203%20in%201
Shopee
เดี่ยว https://s.shopee.co.th/1VjWGyXzed
https://s.shopee.co.th/9A8xPCjmLp0 วันที่ผ่านมา -
เป็นยามเช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ สายลมอ่อนพัดโชยแผ่วเบา พืชพรรณกำลังผลิใบใหม่เป็นสีเขียวอ่อนงดงาม ชายตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานบนทางเท้า ป้ายกระดาษข้างหน้าขอทานเขียนว่า "ผมตาบอด"
ชายคนหนึ่งเดินผ่านจุดที่ขอทานคนนั้นนั่ง อ่านข้อความบนป้ายนั้นครู่หนึ่ง แล้วถามขอทานว่า "รายได้จากการขอทานเป็นอย่างไร?"
"ก็มีคนให้เศษสตางค์บ้าง แต่นิดหน่อย"
ชายคนนั้นจึงก้มลงเขียนข้อความบางอย่างบนป้ายแผ่นนั้น
ครั้นถึงตอนเย็น ชายคนนั้นเดินกลับมาที่จุดเดิม ถามขอทานว่า "รายได้วันนี้เป็นอย่างไร?"
ขอทานตาบอดบอกว่า "ดีมากเลย วันนี้มีคนให้เงินผมมากกว่าทุก ๆ วัน คุณเป็นใคร? คุณเขียนอะไรบนป้ายของผม?"
"ผมเป็นนักเขียนคำโฆษณา ผมไม่ได้ทำอะไรมาก แค่เขียนประโยคเดียวต่อจากประโยคเดิมของคุณ"
ข้อความบนป้ายคือ "ผมตาบอด และนี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ"
เรื่องที่เล่านี้เป็นโฆษณาของสำนักงานโฆษณาต่างชาติแห่งหนึ่งราวยี่สิบปีมาแล้ว
คำพูดต่างกันเพียงเล็กน้อย อาจสร้างแรงกระทบหรือผลลัพธ์ต่างกันมหาศาล
ในการสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ถูกจุด ถูกจังหวะ สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างแรง และเพิ่มมูลค่าให้ของชิ้นเดิมหลายเท่า
นี่ก็คือมูลค่าเพิ่ม!
เป็น 'มูลค่าเพิ่ม' นี่เองที่ทำให้คนสองคนเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน ได้เกรดเท่ากัน หน้าตาดีพอกัน แต่คนหนึ่งได้งาน อีกคนหนึ่งพลาดโอกาส
หนังสือสองเล่มเขียนหัวข้อเดียวกัน แนวเรื่องเหมือนกัน แต่เล่มหนึ่งได้รับรางวัล
หมอสองคนเก่งเหมือนกัน ประสบการณ์เท่ากัน แต่คนหนึ่งมีคนไข้มากกว่า
ผู้หญิงสองคนหน้าตาดีทั้งคู่ แต่คนหนึ่งมีผู้ชายอยากได้เป็นแฟนมากกว่า
มูลค่าเพิ่มอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ดูไม่สำคัญ อาจเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ จุดเดียวที่เป็น 'ไม้ตาย' เช่น เสียงหัวเราะ, รอยยิ้ม, การสบตา, การเอ่ยคำว่า ครับ-ค่ะ, การเปิดประตูให้คนอื่น, ท่าเดิน, ความสะอาดของเล็บ, กลิ่นตัว, ความขยัน, ความมานะ ฯลฯ
เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนทั่วไปมองข้ามอาจเป็นหมัดเด็ดมัดใจคน และเปลี่ยนสถานการณ์ให้เข้าทางเรา
วินทร์ เลียววาริณ
22-10-25จาก สองแขนที่กอดโลก
49 บทความกำลังใจ
ได้รับคัดเลือกเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 3.8 บาท
https://www.winbookclub.com/store/detail/86/สองแขนที่กอดโลก0 วันที่ผ่านมา -
ไอน์สไตน์แลบลิ้น!
ทั่วโลกเคยเห็นภาพนี้ แต่ไม่ทุกคนรู้ว่าภาพนี้มีที่มาอย่างไร
ไอน์สไตน์เกิดวันที่ 14 มีนาคม ในวันคล้ายวันเกิด 72 ปีเมื่อปี 1951 เพื่อน ๆ จัดงานให้เขาที่ The Princeton Club มิดทาวน์ แมนฮัตตัน นิวยอร์ก
The Princeton Club ก่อตั้งโดยสมาคมศิษย์เก่าพรินซตัน ตั้งแต่ปี 1866 เนื่องจากไอน์สไตน์ทำงานที่สถาบัน Institute for Advanced Study มหาวิทยาลัยพรินซตัน พวกเขาจึงจัดงานวันเกิดที่นั่น
งานเลี้ยงผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แต่ไอน์สไตน์มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญจำนวนหนึ่ง คือบรรดานักข่าวและช่างภาพ รุมล้อมจะถ่ายรูปและสัมภาษณ์เขา
หลังงานเลี้ยงเลิก ไอน์สไตน์ก็ติดรถของอดีตผู้อำนวยการสถาบัน ดร. แฟรงก์ เอเดอล็อตต์ และภรรยากลับ ไอน์สไตน์นั่งกลางระหว่างคนทั้งสอง แสงแฟลชสว่างวาบตลอดเวลา ไอน์สไตน์รู้สึกหงุดหงิด บอกบรรดาช่างภาพว่า “พอเถอะ ๆ”
ใครคนหนึ่งขอให้เขา “ช่วยยิ้มหน่อย”
ไอน์สไตน์ไม่ได้ยิ้ม แต่แลบลิ้นออกมาแทน
ช่างภาพชื่อ อาร์เธอร์ แซส จากสำนักข่าว UPI (United Press International ) มือไว เป็นคนเดียวที่กดภาพนั้นไว้ทัน
บรรณาธิการและเจ้าหน้าที่ในสำนักข่าว UPI ครุ่นคิดหนัก ปรึกษากันว่าสมควรเผยแพร่ภาพนี้หรือไม่ เนื่องจากไอน์สไตน์เป็นบุคคลสำคัญระดับโลก การเสนอภาพเล่น ๆ แบบนี้ออกสื่ออาจไม่เหมาะสม
ในที่สุดบรรณาธิการก็ตัดสินใจตีพิมพ์ เหตุผลหนึ่งอาจเพราะไอน์สไตน์เป็นคนสนุก มีอารมณ์ขัน ไม่เคร่งครัด ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์
ตลอดหลายสิบปีในสหรัฐฯ นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลผู้นี้ไม่ถือตัว ไม่หวีผม สวมเสื้อผ้าแบบไม่แยแสสายตาใคร บางครั้งสวมรองเท้าแตะสีชมพูให้สัมภาษณ์
เล่ากันว่าเขาเคยบอกว่าเขามีไอเดียหนึ่งที่ดีพอ ๆ กับทฤษฎีสัมพัทธภาพ นั่นคือระหว่างที่ต้มน้ำแกง ก็หย่อนไข่หนึ่งใบลงไปด้วย ก็สามารถต้มไข่โดยไม่ต้องใช้หม้ออีกใบหนึ่ง
ภาพไอน์สไตน์แลบลิ้นเผยแพร่ไปทั่วโลก
ใคร ๆ ก็ชอบภาพนี้ และเรียกรอยยิ้มให้ทุกคนที่เห็นภาพ
ภาพนี้ทำให้ไอน์สไตน์เป็นดาราทันที
ไอน์สไตน์ชอบภาพถ่ายนี้มาก จนขอให้ทางสำนักข่าวช่วยอัดรูปมาให้จำนวนหนึ่ง โดยครอปภาพเฉพาะใบหน้าเขา เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของครอบครัว Aydelotte
เขาเซ็นชื่อในภาพ ส่งให้เพื่อน ๆ และคนสนิทแบบขำ ๆ ต่อมาก็ยังทำบัตรอวยพรด้วย
เล่ากันว่าไอน์สไตน์ส่งภาพนี้ใบหนึ่งไปให้กิ๊กของเขา โจฮันนา แฟนโตวา เขียนว่า “ภาพนี้สะท้อนมุมมองทางการเมืองของผม”
ทว่าในความจริงภาพนี้สะท้อนอีกด้านหนึ่งของไอน์สไตน์ว่าเป็นคนสนุก มีอารมณ์ขัน เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีมาดเคร่งขรึมใด ๆ
ใครบอกว่าคนที่ทำงานเคร่งเครียดจะต้องเคร่งเครียด?
ทำไมเราจะต้องรักษาภาพลักษณ์เคร่งขรึมของเราจนกระดิกตัวไม่ได้?
ถึงวันนี้ เมื่อเอ่ยชื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หลายคนไม่ได้นึกถึงทฤษฎีสัมพัทธภาพ หรือสมการ E = mc2 แต่นึกถึงภาพเขาแลบลิ้น
วินทร์ เลียววาริณ
21-10-25จากหนังสือ ปฏิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์
สารคดีเกี่ยวกับวิถีชีวิตของไอน์สไตน์ มุมมองต่อโลกและชีวิต + ปรัชญาต่างๆ บางบทความอาจเปลี่ยนชีวิตคุณ
21 บทความ ราคา 300 = บทความละ 14.2 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
https://www.winbookclub.com/store/detail/240/ปฏิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์มีโปรโมชั่นพิเศษไอน์สไตน์ + เล่มอื่น
Shopee คลิกลิงก์ https://shope.ee/6KgvYw47A4?share_channel_code=61 วันที่ผ่านมา -
ในงานหนังสือ ผู้อ่านบางคนหลงเข้ามาถามบางคำถามเกี่ยวกับมนุษย์ ก็ถูกผมจับเล็กเชอร์เรื่องจักรวาลวิทยา!
เหตุผลของผมคือ หลายเรื่องบนโลกเราไม่อาจเรียนรู้ได้ครบถ้วน หากไม่มองจากมุมของจักรวาล
เช่นคำถามว่าเราเกิดมาทำไม
ในดาราจักรทางช้างเผือกมีดวงดาวหลายแสนล้านดวง หนึ่งในนั้นคือดวงอาทิตย์ของเรา อาศัยอยู่แถบ ‘ชานเมือง’ ของทางช้างเผือก อายุของมันคือห้าพันล้านปี ถือกำเนิดมาจากธุลีดาวที่เป็นซากศพของบรรพบุรุษดวงดาวนับหมื่นล้านปีก่อนหน้า ถักทอขึ้นเป็นดวงอาทิตย์ รายล้อมด้วยเศษซากเก่าของดวงดาวซึ่งกระทบชนกันตลอดเวลาในช่วงวัยทารกของระบบสุริยะ ในที่สุดก็เหลือเพียงไม่กี่กลุ่มก้อนซึ่งค่อย ๆ เกาะกลุ่มใหญ่ขึ้น ประกอบเป็นดาวเคราะห์ดวงต่าง ๆ หมุนวนรอบดวงอาทิตย์ โลกเราเป็นหนึ่งในนั้น
ในช่วงอายุสี่พันหกร้อยล้านปีของโลก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพิ่งถือกำเนิดไม่กี่ร้อยล้านปีนี้เอง มนุษย์วานรตัดสินใจลุกขึ้นยืนและเดินสองขาเมื่อไม่กี่ล้านปีก่อน ส่วนมนุษย์สมัยใหม่เพิ่งถือกำเนิดเพียงสองแสนปีนี้เอง และเริ่มสร้างอารยธรรมราวหนึ่งหมื่นปีก่อน
การกำเนิดตัวเราคือความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของจักรวาล! จากซากธุลีดาวกลายมาเป็นมนุษย์ ร่างกายของเราทุก ๆ คนในโลกมาจากการประกอบปรุงแต่งเข้าด้วยกันของอะตอมเดียวกับที่เคยเป็นดวงดาว เคยเป็นดาวเคราะห์ เคยเป็นดาวหาง เคยร่อนเร่ในอวกาศลึก เคยเป็นต้นไม้ ก้อนหิน แม่น้ำ มหาสมุทร อากาศ และปรุงแต่งต่อมาเป็นชีวิต ความคิด อารมณ์ จิตใจ และ ‘ตัวกู-ของกู’ นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่ทุกชีวิตในจักรวาลพานพบ เราแต่ละคนคือปาฏิหาริย์แห่งจักรวาล เราแต่ละคนมีโอกาสใช้ชีวิตแบบที่สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในโลกอื่นหรือดาราจักรอื่น ๆ ไม่มี
ในจักรวาลนี้ มีแต่มนุษย์ที่มีรูปแบบชีวิตเป็นเอกลักษณ์เช่นที่เป็นอยู่นี้ และในบรรดามนุษย์ร่วมเจ็ดพันล้านคน มี ‘ตัวเรา’ เพียงคนเดียวที่มีเอกลักษณ์อย่างนี้ เราคือปาฏิหาริย์!
และในเมื่อเราแต่ละคนคือปาฏิหาริย์ เราทุกคนทุกชีวิตเป็นญาติพี่น้องกัน เราจงยินดีกับการมีชีวิตของเรา เราสมควรเฉลิมฉลองการดำรงอยู่ของเรา มองโลกอย่างรื่นรมย์ ไม่ใช่บ่นทุกสิ่งที่ขวางหน้า เรารักสรรพสิ่งรอบตัว อากาศที่เราหายใจ อาหารที่เรากิน ภาพต่าง ๆ ที่เรามองเห็น เสียงต่าง ๆ ที่เราได้ยิน เรารักษาโลกเพราะโลกของเราเกิดขึ้นอย่างนี้เพียงครั้งเดียว และมันเป็นบ้านของเรา เราใช้ทุก ๆ วินาทีบนโลกนี้ ในรูปแบบชีวิตเช่นนี้อย่างดีที่สุด เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวของเราในมหาจักรวาล หมดแล้วหมดเลย ชีวิตหน้าหรือ ‘ชาติหน้า’ ของเราอาจจะเป็นมด แมลง ปลา แบคทีเรีย ริดสีดวงทวาร ก้อนอิฐ หรือกระทั่งมนุษย์ต่างดาว เราฉลองวันเกิดของเราเพื่อระลึกถึงการดำรงอยู่ชั่วคราวของเราบนโลกนี้ ในรูปแบบชีวิตนี้ เพราะนี่เป็นโอกาสที่พิเศษสุดจริง ๆ
เมื่อมองโลกด้วยสายตาของจักรวาล เราก็คือปาฏิหาริย์!
นี่เองที่บอกว่า เราอาจมองเรื่องของเราจากมุมมองของมนุษย์อย่างเดียวอาจไม่พอ
และบางทีเมื่อเรามองมนุษย์จากมุมนี้ เราอาจรักชีวิตและใช้มันให้คุ้มค่ากับชั่วเวลาสั้นๆ นี้
วินทร์ เลียววาริณ
21-10-25บางท่อนจาก ชีวิตคือปาฏิหาริย์! สั่งซื้อ https://www.winbookclub.com/store/detail/103/ชีวิตคือปาฏิหาริย์!
1 วันที่ผ่านมา