-
วินทร์ เลียววาริณ5 เดือนที่ผ่านมา
(ต่อจาก https://www.facebook.com/photo?fbid=1237966611025361&set=a.208269707328395)
มาว่ากันเรื่องประวัติศาสตร์ฉากหลังของเฉียวฟงที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้กัน
เฉียวฟงเป็นชาวชี่ตัน (契丹) หลายคนออกเสียง ‘คี่ตัน’ หรือ ‘คิตัน’ ตามภาษาอังกฤษ Khitans แต่ภาษาจีนออกเสียง ชี่ตัน
คำว่า คาเธย์ (Cathay) ที่ชาวตะวันตกเรียกคนจีน ก็มาจาก Khitan หรือ Qara Khitai
ชี่ตันคือพวกไหน?
ชี่ตันเป็นชาติพันธุ์ที่เชื่อมกับพวกเติร์กและอุยกูร์ พูดภาษาชี่ตัน ซึ่งก็มีความเชื่อมโยงกับภาษามองโกล อาศัยในป่าทางเหนือของจีน
เดิมชาวชี่ตันเป็นพวกเร่ร่อน อยู่ในที่ราบสูง อากาศเย็นหนาว หิมะ เป็นน้ำแข็ง ต้องพึ่งพาสัตว์และการเพาะปลูกเพื่อความอยู่รอด ถ้าสัตว์เลี้ยงตาย พวกเขาก็ไม่รอด สภาพแวดล้อมและชีวิตลำบาก แผ่นดินจีนเป็นพื้นที่ซึ่งชี่ตันไปพึ่งพา ค้าขาย เช่น ข้าว ชา ผ้า เป็นต้น
ชาวชี่ตันอยู่เป็นเผ่า แต่ต่อมารวบรวมเป็นกำลังใหญ่ขึ้น เมื่อเมืองจีนอ่อนแอ ชี่ตันก็บุกเข้ายึดพื้นที่บางแห่ง
หลังจากราชวงศ์ถังล่มสลายในปี ค.ศ. 907 พวกชี่ตันก็เข้ายึดพื้นที่เดิมซึ่งชาวฮั่นเคยครอบครอง และเริ่มคิดตั้งราชวงศ์ของชี่ตันเองบ้าง
ในปี 907 ผู้นำชี่ตันเรียกว่า เหลียวไท่จู่ (遼太祖) ตั้งตนเป็นจอมข่าน ก่อตั้งราชวงศ์เหลียว หรือต้าเหลียว
เมื่อขึ้นสู่อำนาจ พวกชี่ตันก็อ้าแขนรับวัฒนธรรมจีนมา สร้างเมืองหลวงแบบจีน ใช้ระบบต่าง ๆ ของจีน แม้แต่ชื่อราชวงศ์และตำแหน่งต่าง ๆ ก็เป็นภาษาจีน อาณาจักรเหลียวยืมอัตลักษณ์ของจีนมาใช้มาก
เหลียวเป็นราชวงศ์นอกเมืองจีนราชวงศ์แรกที่ถูกกลืนเป็นจีน สามารถครองจีนตอนเหนือได้ราวสองร้อยปี เป็นแบบอย่างให้ชนชาติอื่นทำบ้าง เช่น มองโกล แมนจู โดยเฉพาะมองโกลในยุคราชวงศ์หยวน กลายเป็นจีน ‘มากเกินไป’ จนกลุ่มมองโกลทะเลาะกันเอง
พวกชี่ตันมีสองกลุ่มหลัก คือกลุ่มสกุลเยลี่กับกลุ่มสกุลเซียว ดังนั้นเมื่อรู้ว่าตนเป็นชี่ตันกลุ่มเซียว เฉียวฟงก็เปลี่ยนชื่อตนเองเป็น เซียวฟง
ชี่ตันตั้งกฎห้ามจักรพรรดิแต่งงานกับหญิงที่มิได้สืบเชื้อสายชี่ตัน เช่น จีนฮั่น อุยกูร์ สั่งเซี่ยง (ทังกุต) เพื่อให้สายเลือดชี่ตันบริสุทธิ์
แม้จะครองอำนาจแล้ว จักรพรรดิชี่ตันยังทรงนิยมใช้ชีวิตแบบเดิม นอนในกระโจม (มันอาจเป็นสัญลักษณ์เพื่อเชื่อมกับประชาชนชี่ตันก็ได้) ชอบเดินทาง ล่าสัตว์ ท่องไปทั่วตามวิถีชี่ตัน
กลุ่มชี่ตันที่มีอำนาจกับพวกชี่ตันกลุ่มต่าง ๆ แตกกัน บางครั้งด้วยเรื่องที่ชี่ตันที่มีอำนาจกลายเป็นจีนมากเกินไป
ในประวัติศาสตร์จริง เยลู่หงจีเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 8 ของอาณาจักรเหลียว เป็นผู้ที่รื้อฟื้นการใช้ชื่ออาณาจักร ‘ต้าเหลียว’
เป็นจักรพรรดิเหลียวที่ผ่านการลอบสังหารหลายครั้ง ในปี 1063 ชาวชี่ตันกลุ่มหนึ่งไม่พอใจบทบาทที่มากเกินไปของชาวฮั่นในราชสำนัก ลอบสังหารพระองค์ขณะเสด็จล่าสัตว์ ทรงรอดมาได้ และกลุ่มผู้ก่อการถูกประหารทั้งหมด
รัชสมัยของเยลู่หงจีเต็มไปด้วยการฉ้อราษฎร์บังหลวง จักรพรรดิสนพระทัยแต่เรื่องภายในวังและการทำนุบำรุงศาสนาพุทธ
จักรพรรดินีเซียวกวนยินทรงเป็นสตรีที่เก่งกาจ แนะนำฮ่องเต้ให้ครองแผ่นดินโดยชอบธรรม และปราบการฉ้อราษฎร์บังหลวงให้เด็ดขาด แต่ไม่ทรงรับฟังคำแนะนำ นางจึงใช้ชีวิตในวังเขียนบทกวี
ขุนนางกังฉินคนหนึ่งชื่อ เย่ลี่หยี่ซิน (耶律乙辛) ไม่ชอบที่นางขวางทาง จึงวางแผนกำจัดนาง หลอกให้นางเขียนบทกวีรักบทหนึ่ง แล้วนำมันไปให้จักรพรรดิทอดพระเนตร บอกว่ามันคือสารที่ส่งให้ชู้ของนาง
ผลก็คือจักรพรรดินีเซียวกวนยินถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย
ต่อมาเย่ลี่หยี่ซินก็ใช้อุบายกำจัดรัชทายาทและข้าราชการอื่น ๆ ที่ขวางทาง แต่ในที่สุดจักรพรรดิก็จับได้ และสั่งประหารเย่ลี่หยี่ซินขณะกำลังคิดหนีไปอาณาจักรซ่ง
กิมย้งผูกเรื่องให้จักรพรรดิองค์นี้คิดจะบุกอาณาจักรซ่ง และเฉียวฟงต้องจ่ายค่าสันติภาพด้วยความตาย
แต่เฉียวฟงไม่ใช่คนเดียวที่ชีวิตพลิกผันเพราะการเมือง
วงการยุทธจักรใน แปดเทพอสูรมังกรฟ้า มีคำกล่าวว่า “เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้”
เปรียบว่าเฉียวฟงกับมู่หยงฟู่อยู่ในระดับเท่าเทียมกัน
วิชาประจำตระกูลมู่หยงคือดาวเคลื่อนดาราคล้อย (鬥转星移) ใช้กระบวนท่าคู่ต่อสู้คืนกลับ หรือใช้หลักสี่ตำลึงปาดพันชั่ง ใช้วิชาของคู่ต่อสู้สะท้อนกลับไปทำร้ายเขาเอง
ต้วนอี้หมายปองหวังอวี่เยียน แต่นางชอบกับมู่หยงฟู่
มู่หยงฟู่เป็นทายาทเชื้อพระวงศ์แคว้นเอี้ยน ซึ่งถูกกลืนโดยแคว้นซ่ง
อาณาจักรเอี้ยน (燕) เป็นอาณาจักรเก่าแก่ ก่อตั้งโดยตระกูลมู่หยง (มู่หรง) คือมู่หยงฮ่วง (慕容皝 297–348) บิดากับเขาต่อสู้กับอาณาจักรจิ้น (晉朝) (คนละอาณาจักรกับอาณาจักรจินหรือต้าจิน)
ครั้งที่เหลียวไท่จู่ผู้ก่อตั้งอาณาจักรเหลียว ยกทัพยึดครองแผ่นดินต่าง ๆ ในละแวกนั้น ทั้งสิบหกแคว้นเอี้ยนหวิน (燕雲十六州) รวมทั้งเมืองหลวงกลางจงตู ยกทัพมาถึงแม่น้ำฮวงโห ยึดครองเมืองไคเฟิงระยะหนึ่ง (ปี 947) แต่ในที่สุดก็ถอยกลับเพราะไม่มีกำลังคนครอบครองพื้นที่ใหญ่ขนาดแผ่นดินจีน
คำว่า ‘เอี้ยน’ ในสิบหกแคว้นเอี้ยนหวิน ก็คือแคว้นของบรรพบุรุษของตัวละครมู่หยงฟู่หรือม่อย้งฮก (慕容復)
ตระกูลมู่หยงเป็นชาวเผ่าเซียนเปย (鮮卑) ซึ่งเป็นชาวเผ่าเร่ร่อน ตั้งรกรากทางตอนเหนือของจีน พวกนี้สืบเชื้อสายมาจากชาวตงหู (東胡) และมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อสายมองโกล
เมื่อรวมกลุ่มใหญ่ขึ้น ก็ก่อตั้งรัฐอิสระราว ๆ ปี 337 ก็ประมาณ 570 ปีก่อนอาณาจักรเหลียว และประมาณ 778 ปีก่อนอาณาจักรจิน
บิดาอบรมเขาแต่เล็กให้หาทางกู้ชาติ ตั้งชื่อว่า ฟู่ แปลว่ากู้คืน
แต่แผนการสร้างอาณาจักรของมู่หยงฟู่ก็ล้มเหลว และจ่ายด้วยราคาแพง
ไม่ว่าอย่างไร พวกชี่ตันมีอำนาจในอาณาจักรเหลียวได้ราวหนึ่งร้อยปี ก็ถูกเพื่อนบ้านถล่ม หนีไปตั้งฐานใหม่ที่ตะวันตก เรียกว่า อาณาจักรเหลียวตะวันตก (ซีเหลียว)
โปรดติดตามตอนต่อไป
วินทร์ เลียววาริณ
6-3-25.....................
ยุทธจักรวาลกิมย้ง
สารคดีนิยายกำลังภายในและประวัติศาสตร์จีน โดยอิงจากงานแต่ละชิ้นของกิมย้ง
ราคา 245 บาท 21 เรื่อง ความรู้ละ 11.6 บาท
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/186/ยุทธจักรวาลกิมย้ง
โปรโมชั่นพิเศษ กิมย้ง + เหตุผล + Mini Zen
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/189/โปรโมชั่น%203%20in%201%20ชุด%20S2Shopee https://s.shopee.co.th/9KTdTiEz8m
หรือชุดรวมรส
ชุดรวมมิตร 3 (R3) ยุทธจักรวาลกิมย้ง + รอยยิ้มใต้สายฝน + ฆาตกรรมกลางทะเล + 16 องศาเหนือ + หลับถึงชาติหน้า ราคาเต็ม 1,260 เหลือเพียง 880.- (ลด 380)
https://s.shopee.co.th/30ZZw8Rzcp0- แชร์
- 40
-
เล่าเรื่องของพี่เจ็งต่อดีมั้ย?
ลองตอบคำถามนี้ก่อน กองทัพมองโกลของ เจ็งกิส ข่าน บุกตะลุยยึดครองไปครึ่งโลก มีกำลังคนเท่าไร?
ห้าแสน? หนึ่งล้าน? สองล้าน?
คิดแบบสามัญสำนึกคือมองโกลต้องมีคนมากพอบุก เพราะแผ่นดินที่พวกเขาบุกยึดมีกำลังทหารมากมาย เช่น ซ่ง มีนับล้าน เปอร์เซีย รัสเซีย ก็มีทหารมาก
คำตอบของนักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง เจ็งกิส ข่าน คือหนึ่งแสนคน บวกลบนิดหน่อย
หนึ่งแสนคนจุในสนามกีฬาใหญ่ๆ บางแห่งได้!
หนึ่งแสนคนบุกไปทั่วโลก
เจ็งกิส ข่าน รักษาขนาดของกองทัพไว้เล็กเสมอ
"Keep it small."
แต่กองทัพที่เล็กกว่าสามารถพิชิตกองทัพข้าศึกที่มีกำลังมากกว่า
เหตุผลคือการจัดการ การวางแผน
กองทัพมองโกลเป็นหน่วยรบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกเวลานั้น ทุกคนทุกหน่วยทำงานเต็มที่
นักรบมองโกลหนึ่งคนสามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างไปสองร้อยเมตร ขณะควบม้าที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ในการเดินทัพ ทหารหนึ่งคนคุมม้าหลายตัว เพื่อไม่ให้ม้าเหนื่อยเกินไปเมื่อเดินทัพไกล และหากจำเป็นก็ฆ่าม้าเพื่อเป็นอาหารได้
ทหารมองโกลยุค เจ็งกิส ข่าน ฝึกขี่ม้าตั้งแต่เด็ก
ทารกสามขวบก็ขี่ม้าแล้ว โดยไม่มีอานม้า เพราะอานม้าใหญ่เกินไป
คนกับม้าผูกพันกัน
ทหารมองโกลรักม้า ไม่กระตุ้นม้าด้วยสเปอร์เหล็กอย่างที่คาวบอยตะวันตกใช้ เพราะมันทำร้ายม้า
องค์กรธุรกิจขนาดเล็กก็สามารถใช้หลักของ เจ็งกิส ข่าน ได้ นั่นคือพัฒนาคนให้ทำงานเชื่อมกัน และมีประสิทธิภาพสูงสุด
องค์กรเล็ก แต่ทุกหน่วยทำงานสอดคล้องกัน ก็อาจได้ผลดีกว่าองค์กรใหญ่ที่เทอะทะ
ถ้า เจ็งกิส ข่าน มาเห็นการทำงานเช้าชามเย็นชามของระบบราชการในบางประเทศ มัวแต่ประชุมและตั้งคณะกรรมการศึกษา คงจับไปตัดหัวหมด
ทำงานช้าอย่างนี้ พี่เจ็งเค้าหงุดหงิด
วินทร์ เลียววาริณ
20-8-251 วันที่ผ่านมา -
การเขียนหนังสือเป็นงานที่ต้องสมาธิ จดจ่อกับงาน เมื่อสมาธิรวมศูนย์ มันจะปรากฏคลื่นความคิดที่สาดซัดเข้าหาฝั่งแห่งแผ่นกระดาษ ระลอกแล้วระลอกเล่า
ความสามารถคุมคลื่นความคิดนี้คือความสุขอย่างหนึ่ง ราวกับผู้เขียนเป็นพระเจ้า ผู้เสกสรรค์ฉากและตัวละครจากความว่างเปล่า ให้มีชีวิต
สมาธิทำให้เราทำงานที่ดูยากเย็นสำเร็จ สมาธิทำให้เราโฟกัสเฉพาะจุดปัจจุบันที่เราอยู่ เหมือนแว่นขยายรับแสงแดด รวมศูนย์จนจุดจุดหนึ่งเกิดไฟลุกโพลง
เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรม สมาธิเป็นหัวใจของการรวมจิตให้แน่แน่ที่จุดจุดเดียว
ในทางอุตสาหกรรมมีการใช้พลังน้ำตัดเหล็ก ตัดหิน เรียก water jet
น้ำที่อ่อนโยน เมื่อถูกรวมกันด้วยแรงดันสูงสุด กลายเป็นลำน้ำที่มีพลังตัดเจาะวัตถุที่แข็งแกร่งกว่ามันได้
พลังสมาธิเมื่อใช้ให้ถูก สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้
จิตของคนเราก็เช่นกัน หากเรารวมแต่ความคิดที่ดี มันก็มีพลังทำให้ผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ความวิตกกังวลทั้งหลาย
และทำให้อุปสรรคแห่งชีวิตหายไป
วินทร์ เลียววาริณ
20 สิงหาคม 25681 วันที่ผ่านมา -
พูดเรื่องเบื้องหลัง สี่ภพ อีกนิด
ปกติก่อนดูหนังเรื่องใดๆ ผมไม่อ่านรีวิวหนัง ไม่ดู trailer ไม่ต้องการแม้จะรู้ด้วยซ้ำว่าเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร ผมต้องการความเซอร์ไพรซ์เต็มที่
ดังนั้นผมจึงมักไปดูหนังในวันแรก รอบแรก เพื่อไม่ให้ใครมาสปอยล์อะไรทั้งสิ้น
งาน สี่ภพ ก็เหมือนกัน นวนิยายเรื่องนี้หักมุมเป็นระยะๆ แต่จุดหักมุมใหญ่อยู่ในเล่ม 5 พลิกเรื่องไปอีกทิศหนึ่ง
เล่ม 6 ซึ่งเป็นเบื้องหลังการเขียนงานชิ้นนี้ อธิบายรายละเอียดของการหักมุมใหญ่นั้นในทางวิทยาศาสตร์ เพราะถ้าไม่อธิบาย ผู้อ่านอาจจะไม่เข้าใจหรือเห็นภาพรวม แต่ถ้าใส่รายละเอียดนั้นในนิยาย มันจะกลายเป็นส่วนเกิน นวนิยายจะกลายเป็นสารคดีไป
ถ้าอ่านเล่ม 6 ก่อน ก็เหมือนดูหนังเรื่อง The Sixth Sense โดยรู้ตอนจบก่อน จะเสียอรรถรสอย่างร้ายแรง
เรื่องบางเรื่องเชื่อผู้เขียนเถอะ ถ้าบอกว่าอย่าอ่านก่อน ก็อย่าอ่านก่อน มันมีเหตุผล
บางคนถามว่าขายแยกไหม ทำไม่ได้ เพราะจากประสบการณ์ มันคุมการพิมพ์ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น เดือนช่วงฯ เล่ม 3 พิมพ์จำนวนเท่ากับเล่มอื่น แต่อยู่ๆ หายไปจากตลาด และหากผู้อ่านตัดสินใจไม่ซื้อเล่มหลังๆ ต้นทุนการผลิตจะเปลี่ยนไป ราคาจะสูงขึ้นทันที อีกประการ การพิมพ์ทั้งชุด ทำให้ต้นทุนลดลง (แม้ว่ายังสูงอยู่ เพราะพิมพ์น้อย)
ขอแจ้งให้ทราบว่า เราบริจาคงานชุดนี้เข้าห้องสมุดด้วย ท่านที่ไม่อยากซื้อทั้งชุด ก็สามารถไปหาอ่านได้ฟรีในห้องสมุด
ส่วนอีบุ๊คนั้น ยังไม่ได้ทำ รอให้จัดการฉบับหนังสือเรียบร้อยก่อน
แต่คำแนะนำของผมคือ หากไม่ได้อยู่ต่างประเทศ ก็น่าจะซื้อฉบับหนังสือ เพราะราคาจะไม่ต่างกันมาก เนื่องจากอีบุ๊คเดี๋ยวนี้ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น ค่า app มาก โดนกินทุกขั้นตอน หากถามผม ซื้อหนังสือน่าจะคุ้มกว่า เพราะท้ายที่สุดก็ยังขายต่อได้
วินทร์ เลียววาริณ
19-8-251 วันที่ผ่านมา -
วันก่อนเห็นข่าวนายกฯสิงคโปร์กำลังจะทำให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีโทษเท่ายาเสพติด
ในหลายมุมโลก เชื่อกันว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (Vaping) ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่ แต่,ีข้อมูลทางวิชาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆว่า มันเป็นอันตราย
นายกฯสิงคโปร์ให้เหตุผลว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นแค่อุปกรณ์ อันตรายอยู่ที่สารที่ใส่ในนั้น
ปัจจุบันมีคนใส่สาร Etomidate วันพรุ่งนี้จะใส่สารอะไร ก็ไม่รู้
รัฐก็ต้องจ่ายค่าปัญหาสุขภาพของคนติดบุหรี่ไฟฟ้าอีกมหาศาล เอาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย
ตัดไฟแต่ต้นลมก็แล้วกัน ขี้เกียจตามแก้ปัญหาของวันพรุ่งนี้
วันนี้สิงคโปร์เริ่มบทปรับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในรถไฟฟ้าและรถเมล์ คือสองพันเหรียญ
ที่นำข่าวมาเล่าก็เผื่อใครไปที่สิงคโปร์ อย่าเผลอควักบุหรี่ไฟฟ้ามาสูบในที่สาธารณะล่ะ
และอย่าเผลอนำกัญชาเสรีจากเมืองไทยไปสูบที่นั่น ถ้าเอากัญชาไปนิดหน่อย โทษคือจำคุกสิบปี เฆี่ยนด้วยหวาย ถ้านำเข้าเพื่อจำหน่ายเกินครึ่งกิโลคือประหารชีวิต ไม่ได้พูดเล่น มีคนโดนมาแล้ว
ถามว่าสิงคโปร์จะขจัด Vaping สำเร็จไหม
คำตอบก็ลองดูว่าการแบนหมากฝรั่งที่ไม่มีสารเสพติดสำเร็จไหม
สมัยนั้นคนชอบทิ้งหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วตามที่นั่งและที่สาธารณะต่างๆ ลีกวนยูก็แก้โดยแบนมันเลย
หลายประเทศร้องจ๊าก บอกว่า นี่มันเผด็จการชัดๆ เคี้ยวหมากฝรั่งก็ไม่ได้
ลีกวนยูบอกว่า เผด็จการหรือไม่เผด็จการอั๊วไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่มีหมากฝรั่งบนที่นั่งรถเมล์อีกแล้ว(ว่ะ)
มาถึงบรรทัดนี้หลายคนคงอยากถาม ตกลงประเทศสิงคโปร์ปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่
คำตอบคือ เปลือกนอกเป็นระบอบประชาธิปไตย (ไม่งั้นชาติตะวันตกจะเรียงหน้าด่า) แต่ในภาคปฏิบัติคือระบอบ Pragmatism
แปลว่าอะไรก็ได้ ถ้าดีก็ทำ
วินทร์ เลียววาริณ
19-8-251 วันที่ผ่านมา -
เคยสงสัยไหมว่าทำไมไดโนเสาร์จึงมีตัวใหญ่เท่าตึก?
มีหลายทฤษฎี
ยุคที่เหล่าไดโนเสาร์ครองโลกคือ Triassic, Jurassic และ Cretaceous ราว 250 ล้านปีก่อนจนถึงราว 65 ล้านปีก่อน เป็นช่วงที่อากาศอุ่นกว่าโลกในวันนี้มาก ระดับคาร์บอน ไดออกไซด์ สูงกว่าปัจจุบันถึงสี่เท่า ทำให้พืชเติบโตและมีมากมาย ไดโนเสาร์ที่กินพืชมีอาหารอุดมสมบูรณ์
นี่เป็นทฤษฎีหนึ่ง
อีกทฤษฎีหนึ่งคือระดับออกซิเจนในโลกสมัยนั้นสูงกว่าตอนนี้ ทำให้สัตว์โตกว่าปกติ ทำให้ไดโนเสาร์ตัวใหญ่มาก เหมือนยุค Carboniferous ซึ่งเป็นยุคก่อนมีไดโนเสาร์ ราวสามร้อยล้านปีก่อน ช่วงเวลานั้นระดับออกซิเจนสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปัจจุบันคือราว 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สัตว์ในยุคนั้นโตมาก แมลงและสัตว์ขาปล้องโบราณมีขนาดใหญ่มาก
แต่ทฤษฎีนี้ถูกยิงตก เพราะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เผยว่า ระดับออกซิเจนในสมัยไดโนเสาร์ครองโลกไม่ได้สูงกว่าโลกของเราในวันนี้
หลักฐานยังพบว่าไม่ใช่ไดโนเสาร์ทุกพันธุ์ที่ตัวใหญ่ ไดโนเสาร์ที่กินพืชตัวเล็ก เช่น Heterodontosaurus และไดโนเสาร์นักล่าตัวเล็ก เช่น Coelophysis
ความจริงคือ ไดโนเสาร์หลายสายพันธุ์ตัวเล็ก ตัวยาวแค่ 12-17 ฟุตเท่านั้น
ทำไมสัตว์โลกจึงมีขนาดต่างกันมากขนาดนี้ ใหญ่ยักษ์และเล็กจิ๋ว?
ในหลักวิวัฒนาการ ชีวิตบนโลกปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม บางสายพันธุ์มีขนาดใหญ่ บ้างมีขนาดเล็ก
ธรรมชาติยุติธรรมกับทั้งสัตว์ใหญ่และเล็ก ไม่ว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็ก ก็อยู่ในโลกได้ตามวิถีของพวกมัน
โลกมีสัตว์น้ำเล็กจิ๋ว เช่น ปลาซิว ปลาเข็ม และมีสัตว์น้ำขนาดใหญ่ เช่น วาฬ เล็กหรือใหญ่ก็ว่ายน้ำได้เหมือนกัน นกขนาดใหญ่ เช่น อินทรี และขนาดเล็กจิ๋ว เช่น ฮัมมิงเบิร์ด ขนาดแค่ 2-5 นิ้ว ใหญ่หรือเล็กก็บินได้เหมือนกัน
ความแตกต่างระหว่างสัตว์ทั่วไปกับมนุษย์คือ ในสัตว์ทั่วไป ขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นกับความจำเป็นและความอยู่รอด แต่ใหญ่หรือเล็กในสังคมมนุษย์อาจมาจากการเลือกและค่านิยมของสังคม
ในสังคมที่แข่งขันกัน เราก็แข่งในเรื่องใหญ่โตโดยปริยาย เพราะความใหญ่เป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคมและมาตรวัดความสำเร็จ การแสดงที่ชัดเจนที่สุดคือผ่านวัตถุ เช่น บ้าน รถยนต์ ของประดับ
การอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่ 50 ห้องไม่ใช่เรื่องแปลก หากจำเป็นต้องใช้งาน แต่หากทำเพื่อสนองอีโก้ตนเอง ห้องที่เกินมาก็เป็นแค่ ‘เครื่องประดับ’
ใช้โถส้วมทองคำแล้วมีความสุข ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าใช้อวดความรวย มันก็เป็นแค่เครื่องประดับ
ถ้าเราสามารถแยกแยะได้ว่า อะไรในชีวิตของเราเป็นของจำเป็น อะไรเป็นเครื่องประดับ เราก็อาจเข้าใจตัวเองมากขึ้น และอาจปล่อยวางง่ายขึ้น ผลที่ตามมาก็มีความสุขทางใจมากขึ้น
วินทร์ เลียววาริณ
19-8-25จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า1 วันที่ผ่านมา