• วินทร์ เลียววาริณ
    3 เดือนที่ผ่านมา

    เมื่อวานนี้พูดถึงเรื่องสั้น ภพสุดท้าย เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องสั้นที่มีผู้อ่านมาคุยกับผมด้วยมากที่สุด บางคนจำพล็อตได้แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ ตามหามาเป็นสิบปี

    ภพสุดท้าย เป็นเรื่องสั้นไซไฟ อยู่ในรวมเรื่องสั้น เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว ซึ่งเป็นหนังสือเล่มที่ 4 ในชีวิต

    ในปี 2544 หนังสือเล่มนี้ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 88 เล่มหนังสือดีวิทยาศาสตร์ (คัดหนังสือแนววิทยาศาสตร์นับมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เช่น ไตรภูมิพระร่วง)

    ทำให้นึกได้ว่าหนังสือ 5 เล่มแรกของผมได้รับรางวัลทั้งห้าเล่ม

    สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง (รางวัลหนังสือดีเด่น) / อาเพศกำสรวล (รางวัลหนังสือดีเด่น) / ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน (รางวัลซีไรต์) / เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า ดาดาว (หนึ่งใน 88 เล่ม) / สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน (รางวัลซีไรต์)

    ช่วงเริ่มต้นเขียนหนังสือนั้น ไฟกำลังแรง ขบคิดอะไรต่ออะไรมาหลายปี พอเริ่มเขียน ก็พรั่งพรูเป็นการใหญ่

    .........................

    กลับมาที่ ภพสุดท้าย

    นี่เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ แต่แก่นเรื่องกลับเป็นปรัชญาพุทธ

    ตอนนั้นผมอ่านหนังสือพุทธมาก กวาดงานของท่านพุทธทาสภิกขุแทบหมด ขณะเดียวกันก็ศึกษาฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ จักรวาลวิทยา ฯลฯ กวาดหนังสือวิทยาศาสตร์ภาษาอังกฤษในร้าน Asia Books แทบหมดเกลี้ยง

    วันหนึ่งอ่านถึงตอนที่ทางพุทธเห็นว่าชีวิตก็คือการประชุมกันของธาตุต่างๆ แล้วพลันโยงเข้ากับฟิสิกส์เรื่องอะตอมธาตุต่างๆ

    เกิดไอเดียเป็นเรื่องนี้

    ไอเดียของ ภพสุดท้าย คือตัวเอกเชื่อมจิตหรือถอดจิตใส่อะตอม (หรืออาจจะเล็กกว่าอะตอม ในเรื่องใช้คำว่าอณู) ตัวตนของเขาก็อยู่ในอะตอมนั้น หลังจากร่างกายเขาแตกสลายไป อณูนั้นยังคงอยู่ เดินทางไปตามที่ต่างๆ ประกอบเป็น lifeform ต่างๆ นานจนโลกแตกสลาย ก็ท่องไปตามแกแลกซี เปลี่ยนรูปประชุมไปเรื่อยๆ

    เรื่องเชื่อมจิตกับอะตอมนี่เป็นนิยายนะครับ มานานก่อนกระแสเชื่อมจิตเมื่อปีสองปีก่อน ดังนั้นอย่าไปสรุปว่าเป็นความจริงล่ะ นิยายก็คือนิยาย แค่สะกิดให้คิด ไม่ใช่ให้เชื่อ

    เหตุที่ผมวางพล็อตว่าใช้จิตเชื่อมอะตอม เพราะเป็นทางเดียวที่จะเล่าเรื่องว่าตัวตนตัวเอกผจญภัยได้อย่างไร

    จิตในเรื่องนี้จึงเป็น entity เดินทางไปไหนมาไหนได้ (ขออภัย ไม่รู้จะใช้คำไทยว่าอะไร entity คือสิ่งที่ดำรงอยู่ อาจเป็นสสารหรือพลังงาน หรือทั้งสองอย่าง หรืออื่นๆ ผมไม่รู้)

    ถามว่าแล้วผมเชื่อไหมว่าจิตวิ่งไปวิ่งมาได้ คำตอบคือไม่ได้เชื่อและไม่ได้ไม่เชื่อ

    เพราะมันยังไม่มีหลักฐาน จึงตอบไม่ได้ แต่เขียนเป็นนิยายได้

    ผมสังเกตจากคอมเมนต์ผู้อ่านจำนวนมาก ทุกครั้งที่เขียนเรื่องนี้ จะมีคอมเมนต์ว่าจิตเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จิตเดินทางเร็วกว่าแสง จิตคือวิญญาณชนิดหนึ่ง คัมภีร์เล่มนั้นเล่มนี้ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ภพหน้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ฯลฯ

    ผมไม่มีความเห็นด้วยหรือเห็นแย้ง เพราะในมุมมองของผม มันยังไม่มีหลักฐานพอให้สรุป

    คุยเล่นกันได้ แต่ยังไม่สามารถสรุปเป็นกฎธรรมชาติ

    ผมถกเรื่องทุกเรื่องบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ใช้หลักฐานสรุป ไม่ใช่คัมภีร์สรุป

    ผมอาจจะผิดก็ได้ อาจมีมิจฉาทิฐิก็ได้ หรือยังเรียนมาไม่พอก็ได้ แต่ผมว่ากันตามหลักฐาน

    บางคนอาจแย้งว่าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบคำถามทุกอย่างได้ แปลว่าคนพูดยังเข้าใจคำจำกัดความของวิทยาศาสตร์ไม่ครบถ้วน

    ความหมายของวิทยาศาสตร์คือ "กระบวนการค้นหาความจริงโดยใช้หลักฐาน"

    ก็คือกาลามสูตร

    ดังนั้นประโยค "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบคำถาม" ก็แปลว่า "กระบวนการค้นหาความจริงไม่สามารถตอบคำถาม" มันแย้งกันเองนะ

    ประโยคที่ควรใช้คือ "วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถตอบคำถาม"

    เราเรียนมาตั้งแต่เด็กด้วยกรอบคิดบางอย่าง หลายคนสรุปเรียบร้อยแล้วต้องมีชาติหน้า ต้องมีวิญญาณ ต้องมีเทวดา ภพภูมิ ต้องมีนี่นั่นโน่น จิตเดินทางเร็วกว่าแสง ฯลฯ ท่านที่เชื่ออย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่ก้าวก่ายหรือเปลี่ยนความคิดท่าน มันอาจถูกก็ได้ แต่ผมขอไปทีละขั้นช้าๆ

    Slow but sure

    ผมแค่บอกว่า ถ้าจะถกรอบด้าน ต้องวางไพ่ทุกใบก่อน ต้องไม่มีความคิดเดิม (preconceived idea) เป็นฐาน

    บทความวิทยาศาสตร์ทุกบทที่ผมเขียน ผมมีหลักฐานวิชาการอ้างอิง แต่ถ้าเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ อ้างอิงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ใช้สะกิดความคิดขยายกบาลเท่านั้น

    การอ่านไซไฟจึงมีประโยชน์ตรงที่ช่วยขยายกบาล ให้มุมมองใหม่ ให้โลกทัศน์ใหม่ เพื่อที่เราจะได้คิดต่อไป ส่วนความรู้ เราก็ต้องเรียน ต้องศึกษารอบด้าน

    มาถึงจุดนี้ก็ย่อมมีคนถามว่า แล้วอะตอมประชุมเปลี่ยนรูปนี่มีหลักฐานหรือ คำตอบคือมี เรารู้ว่าอะตอมธาตุต่างๆ ที่อยู่ในตัวเราทุกคนเคยเป็นดวงดาวมาก่อน เคยข้ามจักรวาลมาก่อน ธาตุไฮโดรเจนและออกซิเจนในน้ำที่เราดื่มเช้านี้ ก็เป็นธาตุเดิมที่มีอายุเท่าจักรวาล

    เรารู้ว่าทองเป็นธาตุที่เกิดจากซูเปอร์โนวา และในร่างกายเราทุกคนมีทองอยู่นิดหน่อย ก็แปลว่าเรามีส่วนประกอบของซูเปอร์โนวาในอดีตกาล เยส! ภายในตัวเรานี่แหละ

    เราเคยเป็นดารามาก่อน

    วินทร์ เลียววาริณ
    22-3-25

    ภพสุดท้าย (เดือนช่วงดวงเด่นฟ้าฯ) สั่งได้จากเว็บ
    https://www.winbookclub.com/store/detail/64/เดือนช่วงดวงเด่นฟ้า%20ดาดาว 

    1
    • 0 แชร์
    • 56

บทความล่าสุด