-
วินทร์ เลียววาริณ12 วันที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้เล่าว่า ผมเคยนำ แดน บราวน์ ไปกวนเล่นในเรื่อง ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85
ตอนนั้น แดน บราวน์ ดังมากจากเรื่อง The Da Vinci Code ยอดขายถล่มทลาย
นึกอิจฉา ก็กวนเขาเล่น
แน่นอน ผมไม่ได้ใช้ชื่อ แดน บราวน์ ตรงๆ
นี่คือสิ่งที่เขียน
(ท่อน 1 แนะนำไอ้แบน)
ข้าพเจ้ากวาดตาไปรอบตัว
"ตกลงยามไม่เห็นบุคคลแปลกหน้าที่มีพิรุธน่าสงสัยว่าเป็นผู้ขโมยหนังสือของผม?"
"ไม่เห็นครับ"
"ต้องมีสิ ไม่งั้นหนังสือของผมจะหายไปได้ยังไง"
สายตาของข้าพเจ้าหยุดที่ร่างหนึ่ง นอนหงายหลับบนม้านั่งยาว หน้าตาบ่งว่าเป็นชาวตะวันตก เสื้อผ้าดูไม่ออกว่าเก่าหรือสกปรก หรือทั้งเก่าทั้งสกปรก โมเลกุลเหล้าฟุ้งกระจาย
"มัน-เอ้ย!-เขาเป็นใคร?"
"ฝรั่งอเมริกันที่เพิ่งมาที่นี่ไม่นาน มัน-เอ้ย!-เขาอาศัยอยู่ ณ ห้อง B 613 ถัดจากห้องคุณไปหนึ่งห้อง"
"แล้วทำไมไม่นอนในห้องของตัวเอง?"
"ไอ้แบนบอกว่าในห้องร้อน ชอบข้างล่างมากกว่า เพราะเย็นดี"
"มัน-เอ้ย!-เขาชื่อไอ้แบนหรือ? ทำไม? หัวก็ไม่แบน"
"เพราะเจ้านี่กินเหล้าทีละแบน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เมาแอ๋ทุกวัน แต่เจ้านี่นิสัยดี เมาแล้วไม่ขับ ใคร ๆ ก็ชอบหมอนี่"
"ไอ้แบนชื่อจริงว่าอะไร?"
"ดราวนี่ หรือ ดราวนั่น อะไรสักอย่าง อ้อ! ลืมบอกไป ไอ้แบนอยากพบคุณ"
"ทำไม?"
"ไอ้แบนอยากเป็นนักเขียน เมื่อผมบอกว่าคุณเป็นนักเขียนใหญ่ ไอ้แบนก็อยากมาขอสมัครเป็นศิษย์ของคุณ ผมบอกเขาว่าค่าครูวันละขวดก็พอ"
...................
(ท่อน 2 หลังจากตัวเอกตามล่ารหัสนิทานอีแสบ หรือ The Aesab Code)
เราสามคนนั่งกินอาหารมื้อสุดท้ายด้วยกันในพับผ่า บนโต๊ะวางสุราสามจอก
"นี่เป็นอาหารเย็นมื้อสุดท้ายของเรา"
ไอ้แบนหน้าหงอยลง "ใช่ The Last Supper..."
"อย่าคิดมาก เชิญร่ำดื่มให้เมามาย"
ไอ้แบนเปรยขึ้น "จอกเหล้าร้านนี้แปลกดี หน้าตาโบราณมาก เหมือน Holy Grail ความจริงเราสามคนก็เหมือนอัศวินสมัยโบราณสามนายที่ออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์"
"ใช่ และที่เราดื่มก็คือน้ำศักดิ์สิทธิ์หลายสิบดีกรี"
เราสามคนชนจอกและกรอก 'น้ำศักดิ์สิทธิ์' เข้าปาก
"คุณจะกลับอเมริกาพรุ่งนี้จริงหรือ?"
ไอ้แบนตอบ "ใช่อะ ผมตั้งใจจะเลิกเมา แล้วเริ่มต้นทำงานเสียที"
"เขียนนิยาย?"
"ใช่อะ แต่จนถึงวันนี้ผมยังคิดไม่ออกอะ ผมไม่รู้จะแปลงวัตถุดิบเป็นเรื่องได้ยังไง"
เขาสบตาข้าพเจ้า "พี่ครับ ผมเอาเรื่องผจญภัยของพี่ไปเขียนเป็นนิยายได้ไหม ใช้ชื่อ The Aesab Code ให้พี่เป็นพระเอก"
"นิยายฝรั่งเอาคนไทยเป็นพระเอก คงขายดีหรอกนะ! คุณจะเขียนนิยายทั้งทีก็ควรคิดใหม่ทำใหม่ คิดพล็อตจะยากอะไร?"
"ยากนะ ยากมั่กมั่ก"
"ไม่ยาก ลองมองไปรอบตัวคุณ ทุกอย่างที่คุณเห็นสามารถแปลงเป็นนิยายได้ทั้งสิ้น อย่างจอกเหล้านี่ก็เป็นวัตถุดิบในการแต่งนิยายได้"
"จริงอะ? ยังไงอะ?"
"หลายวันนี้เราพยายามคลี่คลายความลับของหนังสือโบราณ นิทานอีแสบ เรื่องรักของคนโบราณซึ่งเป็นต้นเหตุให้ ดา วินชี วาดภาพ โมนา ลิซา เมื่อกี้คุณเปรยว่า หน้าตาจอกเหล้าเหมือน Holy Grail และเราสามคนเหมือนอัศวินสมัยโบราณสามนายที่ออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ คุณก็เล่นเรื่อง Holy Grail เลยซี อ้อ! เมื่อกี้คุณเอ่ยคำว่า The Last Supper มันเป็นชื่อภาพวาดของ ดา วินชี ใช่ไหม?"
ชาวอเมริกันว่า "ใช่อะ เป็นรูปพระเยซูกินอาหารมื้อสุดท้ายอะ"
"งั้นคุณก็โยงเรื่องภาพ The Last Supper ที่คุณว่าเข้ากับจอกศักดิ์สิทธิ์ แล้วโยงเข้ากับงานของ ดา วินชี แล้วก็ใส่เรื่อง Golden Section เข้าไปได้เลย บอกว่ามันเป็นสัดส่วนศักดิ์สิทธิ์ มั่วให้เป็นรหัสลับแล้วอย่าลืมเอาคำศัพท์มาย้อนหลัง แล้วสร้างความหมายขึ้นมาใหม่ ยำ ๆ เข้าไป อย่างที่ผมเฉลยปริศนา นิทานอีแสบ น่ะ เทคนิคนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าคุณกล้าหน่อย ก็เล่นประเด็นแรง ๆ เลย อย่างศาสนาเป็นต้น คนเขาชอบอ่านประเด็นชวนทะเลาะกัน..."
ยามเสริม "อย่างเรื่องพระมีเมียเป็นต้น"
"แล้วขยายความโคตรของ ดา วินชี ด้วย"
"โคตร ดา วินชี? The Da Vinci Code?"
พลันนัยน์ตาของไอ้แบนเป็นประกาย อุทาน "โอ! มายก๊อด... น่าสนใจมั่กมั่ก... ผมรู้แล้วละว่าจะเขียนนิยายเรื่องอะไร อิ อิ หุ หุ อ้อ! แล้วผมต้องมีนามปากกามะ?"
"ไม่จำเป็น"
"แต่ชื่อจริงของผมน่ะไม่ค่อยเข้าท่าอะ"
ข้าพเจ้าถามเขา "คุณชื่อจริงว่าอะไรครับ?"
"ผมชื่อ ดราวนี่ อะ แต่เพื่อน ๆ ชอบเรียกผมว่า The Drowned อะพวกมันประชดที่ผมจมตัวเองกับเหล้า พอมาถึงเมืองไทย ราวกับนัดกันไว้ คนไทยก็เรียกผมว่า ไอ้แบน เพราะผมกินเหล้าทีละแบนอะ ฉะนั้นชื่อของผมตอนนี้ก็คือ Drowned Ban"
"ดราวน์ แบน... ชื่อประหลาด โดยเฉพาะหากเป็นชื่อนักเขียน"
"แต่ทำไงได้อะ? ชื่อหนึ่งวงเหล้าเมืองนอกตั้งให้ อีกชื่อหนึ่งก๊วนเหล้าเมืองไทยตั้งให้ ทั้งสองก๊วนมีความหมายต่อผมยิ่ง"
"ไม่ยาก ชื่อไม่เพราะก็ลองผวนกลับดู อาจดีขึ้นนะ"
เขาทำปากขมุบขมิบผวนคำตามคำแนะนำของข้าพเจ้า สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มระรื่น จับมือข้าพเจ้าเขย่าเป็นการใหญ่ แล้วชูสองมือขึ้นฟ้า
"โอ! ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผมมาเมาและเจอพี่ที่เมืองไทยนี่ อิ อิ หุ หุ อะ อะ..."
ยามบ่น "ไอ้ ดราวน์ แบน มันบ้าไปแล้ว ท่าทางมันดีใจเหมือนนักเขียนที่ขายหนังสือได้สักแปดสิบล้านเล่ม"
..........................
ต่อมาไอ้แบนก็ขายหนังสือได้ 80 ล้านเล่มจริงๆ ส่วน ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85 ยังคงขายไม่ออก
วินทร์ เลียววาริณ
23-4-25.........................
ผู้ชายคนที่ตามรักเธอทุกชาติ พิมพ์ครั้งที่ 85
นวนิยายรัก + อิงประวัติศาสตร์ + ไซไฟ + ล้อเลียน + เสียดสีการเมืองสาย ธารี เป็นโกสท์ไรเตอร์ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักเขียนที่มีชื่อเสียงหลายคน วันหนึ่งเขาเดินชนหญิงสาวคนหนึ่งที่หัวมุมถนนและหลงรักเธอทันที เขาเชื่อมั่นว่า เขาเคยพบกับเธอมาก่อน
สาย ธารี สืบพบว่าหญิงสาวคนที่เขาหลงรักแรกพบ เกี่ยวข้องกับหนังสือนิทานโบราณเล่มหนึ่งที่ตีพิมพ์โดยหมอบรัดเลย์ ชื่อ นิทานอีแสบ ยิ่งเขาคลี่ปริศนาแห่ง นิทานอีแสบ ลึกเท่าใด ก็ยิ่งค้นพบความลับของเขากับเธอ ทั้งสอง ‘เคย’ รักกันมาก่อนในหลายๆ โลก จักรวาลประกอบด้วยมิติต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน เธอคนที่เขารักเป็นหนึ่งใน ‘เธอ’ จำนวนล้านๆ คนในโลกมิติต่างๆ ที่ซ้อนทับกัน
ความรักของเขากับเธอในโลกมิติต่างๆ เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์โลกตั้งแต่โบราณ เช่น การยาตราทัพข้ามโลกของเจ็งกิสข่าน, อเล็กซานเดอร์มหาราช, การรุกกรุงธนบุรีของอะแซหวุ่นกี้, จิตรกรรมของ ดา วินชี, ความลับกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310, ลายแทงขุมทรัพย์โบราณ, ความลับของเลข 5 กับ 8 ไปจนถึงปริศนากลุ่มดาวราศีธนู, หลุมดำ และการย้ายข้ามมิติในจักรวาล
เป็นนวนิยายที่นำเรื่องต่างๆ มายำ - อำ - เสียดสี และกวน teen อย่างที่สุด! โดยมีความรักเป็นเครื่องปรุง
ความเห็นของผู้อ่านทั่วประเทศ :
"เป็นงานทดลองที่เล่นได้หลากหลายและมันส์ที่สุด"
"เรื่องที่ยำและแต่งสีเติมกลิ่นเยอะสะปานนี้ แท้จริงแล้วคือการตกตะกอนความคิดชั้นเยี่ยมเท่าที่เห็นมา"
"ขอบอกว่า 'โดนนนน' "
"ชอบมาก ๆ เล่มนี้ เสียดสี แดกดันได้มันสมใจจริง ๆ"
"เป็นนวนิยายแนวจิก กัด ยำ อำ ซึ้ง กวนประสาท และฮากรึ่ม ๆ… ใครที่ชอบนิยายที่อ่านไป งงไป อึ้งไป รับรองว่าต้องชอบค่ะ"
"เป็นงานเขียนเชิงทดลองที่ยอดเยี่ยมและไม่เคยมีใครคิดแบบนี้มาก่อน"
"มีอารมณ์ขันและมุขตลกแบบกวนส้นเท้าอื่น ๆ ที่พบได้ทั่วไปในหนังสือเล่มนี้"
"บอกได้เลยว่าเล่มนี้เป็นนิยายที่เสียดสี แดกดัน ประชดประชันสังคมมนุษย์ที่สุดเท่าที่เคยอ่านมา ยิ่งอ่านยิ่งงง และยิ่งสนุกไปในเวลาเดียวกัน"
"สอดแทรกประเด็นสังคมที่อ่านแล้วก็ทราบได้ทันทีว่า 'โกหก' แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่ออ่านแล้วก็รู้สึก 'สะใจ' "
"สนุกจริง ๆ ค่ะ อ่านแล้วแบบ... เฮ้ย คิดได้ไง"
"เป็นนิยายที่ชอบมาก ๆ ในรอบหลายปี ออกแนวยอกย้อน ยึกยือ อ่านเองดีกว่าครับ"
"สนุกมาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วได้อารมณ์แบบกึก ๆ กัก ๆ ขำ ๆ แปลก ๆ แต่ชอบนะ คิดได้ไง"
"กวนมากอ่ะ แต่โคตรชอบ เรื่องนี้ยกให้ว่าจินตนาการเขาสุด ๆ ไปเลย"
"คุณวินทร์เขียนเรื่องนี้ได้เยี่ยม จินตนาการสุดยอด"
"ฮามาก"
"สนุกดี คุณวินทร์แต่งได้เสียดสี ประชด และสมเป็นเรื่องแนวทดลองที่สามารถจับเอาทุกอย่างมาเกี่ยวกันได้อย่างหมดจดและงดงามมากค่ะ"
"จับแพะชนแกะกันเละเทะเลยครับ ถ้าจะอ่านเอามันส์ละก็ แนะนำครับ..."
"ชอบมาก ๆ ค่ะ อ่านแล้วแบบว่า... เค้าคิดได้ไงเนี่ย... 555"
"อ่านเอามันจริง ๆ ค่ะ สากกะเบือยันเรือรบสไตล์วินทร์"
"ชอบมากกกกกกกกกกกกก เจ๋งมากคิดได้ไงไม่รู้"
0- แชร์
- 20
-
เมื่อวานคุยว่าจักรวาลใหญ่มาก จนยากที่สิ่งทรงภูมิปัญญาสักสายพันธุ์จะข้ามได้ง่ายๆ อ่านหลายคอมเมนต์แล้วพบว่า คนจำนวนมากไม่เก็ตจริงๆ ว่าจักรวาลใหญ่ขนาดไหน
เวลาเรามองท้องฟ้า เรากำลังมองดวงดาวในดาราจักรทางช้างเผือกของเราเป็นหลัก อาจมองทะลุไปเห็นดาราจักรอื่นบ้าง แต่ส่วนใหญ่อยู่ในดาราจักรขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งแสนปีแสงนี้
แต่นอกทางช้างเผือกออกไปเป็นหนังคนละม้วน ทางช้างเผือกเปรียบเหมือนหยดน้ำบนใบไม้ แต่ข้างนอกนั่นคือมหาสมุทร
เรามองเห็นจักรวาลเท่าที่แสงเดินทางถึงตาเรา ด้วยการใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องในตอนนี้ เราคำนวณได้ว่า จักรวาลที่เรามองเห็นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 93 พันล้านปีแสง
ศัพท์ทางการคือ observable universe แปลว่าเท่าที่เรามองเห็น
แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันอาจใหญ่กว่าที่เราเห็นอีก 4-5 เท่า แต่จมอยู่ในความมืด เรามองไม่เห็นเพราะแสงในส่วนเกินนั้นยังมาไม่ถึงตาเรา
ขณะที่แสงยังมาไม่ถึง มันก็ยังขยายตัวไปเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ
เริ่มงงแล้วใช่ไหม? ใจเย็นๆ เดี๋ยวจะว่าทีละขึ้นง่ายๆ
ราวร้อยปีก่อน เอ็ดวิน ฮับเบิล ใช้กล้องส่องฟ้า และพบว่า ดาราจักร (galaxy) แต่ละอันกำลังเคลื่อนออกจากกัน และไปด้วยความเร็ว
ผ่านไปร้อยปี เราก็ยังเห็นดาราจักรต่างๆ เคลื่อนออกจากกัน เร็วกว่าเดิมอีก ทำให้ขนาดจักรวาลวันนี้ใหญ่กว่าสมัยฮับเบิลมองไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า
เหมือนเรากาจุดบนลูกโป่ง เมื่อเป่าให้ขยายตัว แต่ละจุดก็แยกห่างจากกัน แต่ละจุดนั้นก็คือดาราจักร
ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น? คำตอบคือไม่รู้
เหมือนลูกโป่งสีดำกำลังขยายตัวด้วยแรงลึกลับบางอย่าง
แต่มีทฤษฎีว่า น่าจะเป็นสสารมืดและพลังงานมืดที่เรามองไม่เห็นผลักยืดมันออกไป
มันใหญ่มาาาาาาาาาาก และมันใหญ่ขึ้นทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป
ด้วยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 93 พันล้านปีแสง เราจึงอาจบอกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามจักรวาล
ต่อให้คนที่เชื่อว่าจิตไปเร็วกว่าแสง เอ้า! ให้เร็วกว่าแสงร้อยเท่าเลย ส่งจิตไปวันนี้ จนเราหมดลมหายใจ ตายแล้วเกิดใหม่อีกร้อยครั้ง จิตก็ยังไปไม่ถึงอีกขอบหนึ่งของจักรวาล
เพราะนี่คือหลักฟิสิกส์
ถ้าไม่คุยด้วยหลักฟิสิกส์ ก็ต้องไปคุยในวงเชื่อมจิตแล้วละครับ วงนั้นข้าพเจ้าขอบาย
วินทร์ เลียววาริณ
5-5-251 วันที่ผ่านมา -
ในบรรดานักปรัชญากรีกโบราณ ผู้ที่มีชีวิตน่าสนใจที่สุดคนหนึ่งคือ เอพิคทีตัส (Epictetus) เกิดราว ค.ศ. 50 เขาเกิดมาเป็นทาสที่ชีวิตพลิกผัน กลายเป็นนักปรัชญา
ประสบการณ์การเป็นทาสมาก่อน ทำให้เขาพบเห็นเรื่องเลวร้ายมากมาย หากทาสไม่สามารถเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้เป็น ก็เป็นทุกข์ทั้งชีวิต
เอพิคทีตัสกล่าวว่า “มีบางเรื่องอยู่ในอำนาจควบคุมของเรา บางเรื่องไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของเรา เรื่องที่อยู่ในอำนาจของเราคือความเห็นของเรา จุดหมาย ความปรารถนา ความไม่ชอบ กล่าวโดยรวมก็คือความคิดและการกระทำของเรา สิ่งที่อยู่เหนืออำนาจของเราคือคุณลักษณ์ทางกายภาพ ชนชั้นที่เราเกิด ภาพลักษณ์ของเราในสายตาคนภายนอก และเกียรติยศ ตำแหน่งที่มอบให้เรา...”
เขาไม่ได้ให้เราปล่อยชีวิตตามยถากรรม แต่ให้รับรู้ว่าโลกมันเป็นเช่นนั้นเอง ไร้ประโยชน์ที่จะไปกลุ้ม และบ่นว่า “โลกเราไม่ยุติธรรม”
เพราะความยุติธรรมไม่มีในโลก เราสร้างมันขึ้นมาเอง
โลกเลื่อนไหลไปตามเหตุและปัจจัยอย่างนั้นเอง
เมื่อเข้าใจ ก็เป็นอิสระ
“เมื่อเราทำงานภายใต้ขอบเขตของการควบคุมของเรา เราจะเป็นอิสระตามธรรมชาติ เป็นอิสระ และแข็งแกร่ง นอกขอบเขตนี้ เราอ่อนแอ มีข้อจำกัด และต้องพึ่งพาคนอื่น ถ้าเจ้าปักความหวังของเจ้ากับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเจ้า มุ่งหาสิ่งที่เป็นของคนอื่น เจ้าก็จะสะดุดล้ม ทนทุกข์ แล้วโทษพระเจ้าต่าง ๆ และมนุษย์ แต่ถ้าเจ้าจดจ่อความตั้งใจในเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น และปล่อยให้คนอื่นทำเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเขา เจ้าก็จะเป็นผู้กุมชีวิตภายในของเจ้าเอง มิมีผู้ใดสามารถทำอันตรายหรือขัดขวางเจ้า เจ้าจะไม่โทษผู้ใด และไร้ศัตรู หากเจ้าปรารถนาความสงบสุขและความอิ่มใจ จงปลดปล่อยการยึดมั่นกับทุกสิ่งที่เจ้าคุมไม่ได้ นี่คือสายทางแห่งอิสรภาพและความสุข หากเจ้าปรารถนาไม่เพียงแค่ความสงบสุขและความอิ่มใจ แต่ต้องการอำนาจและความร่ำรวยด้วย เจ้าจะสูญเสียอย่างแรกจากการแสวงหา อย่างหลัง และระหว่างทางจะสูญสิ้นอิสรภาพและความสุข”
เอพิคทีตัสยังสอนว่า “หากเจ้าพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เจ้าควบคุมไม่ได้ เช่น โรคภัย ความยากจน ความตาย เจ้าจะเป็นคนใส่ความทุกข์ทางใจที่ไร้ประโยชน์เข้าไปให้ตัวเอง”
มุมมองของเขาในเรื่องชีวิตนั้นแหลมคม และไม่ล้าสมัย ยังใช้ได้ในปัจจุบัน
เราคุมเรื่องการดูแลสุขภาพได้ แต่หากยังเป็นมะเร็ง ก็เป็นเรื่องที่เราคุมไม่ได้ มันอาจเกิดมาจากยีน หรือสภาพแวดล้อม ฯลฯ
เราคุมความพยายามของเราได้ แต่เราคุมผลลัพธ์ไม่ได้
เราคุมการทำงานของเราได้ แต่เราคุมคนอื่นไม่ให้โกงบริษัทไม่ได้
ถ้าเข้าใจว่าโลกเป็นอย่างนี้ เราก็มีความสุขได้แทบทุกสถานการณ์ แม้แต่ในห้วงยามที่เราจมมิดในโคลน หรือสูญเสียทุกอย่างในชีวิต
วินทร์ เลียววาริณ
5-5-25
(อ่านฉบับเต็มจาก กอดหนาม / อ่านฉบับการ์ตูนจาก Mini Stoic)........................................
กอดหนามhttps://www.winbookclub.com/store/detail/241/กอดหนาม
โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20กอดหนาม%20+%20ปฎิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์%20+%20Mini%20Tao
Shopee เดี่ยว
https://s.shopee.co.th/qUBWxp70FShopee โปรโมชั่น
https://shopee.co.th/วินทร์-เลียววาริณ-(S11)-กอดหนาม-ผ่าสมองไอน์สไตน์-MiniTao-ราคาปก-825.-พิเศษ-640.-พร้อมลายเซ็นนักเขียน-i.90206829.25115927514?sp_atk=7b908643-99d5-42ab-b178-8d87f8650520&xptdk=7b908643-99d5-42ab-b178-8d87f8650520
................................
Mini Stoic
https://www.winbookclub.com/store/detail/253/Mini%20Stoic%20+%20ค่าส่ง1 วันที่ผ่านมา -
ในบรรดานักปรัชญากรีกโบราณ ผู้ที่มีชีวิตน่าสนใจที่สุดคนหนึ่งคือ เอพิคทีตัส (Epictetus) เกิดราว ค.ศ. 50 เขาเกิดมาเป็นทาสที่ชีวิตพลิกผัน กลายเป็นนักปรัชญา
ประสบการณ์การเป็นทาสมาก่อน ทำให้เขาพบเห็นเรื่องเลวร้ายมากมาย หากทาสไม่สามารถเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้เป็น ก็เป็นทุกข์ทั้งชีวิต
เอพิคทีตัสกล่าวว่า “มีบางเรื่องอยู่ในอำนาจควบคุมของเรา บางเรื่องไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของเรา เรื่องที่อยู่ในอำนาจของเราคือความเห็นของเรา จุดหมาย ความปรารถนา ความไม่ชอบ กล่าวโดยรวมก็คือความคิดและการกระทำของเรา สิ่งที่อยู่เหนืออำนาจของเราคือคุณลักษณ์ทางกายภาพ ชนชั้นที่เราเกิด ภาพลักษณ์ของเราในสายตาคนภายนอก และเกียรติยศ ตำแหน่งที่มอบให้เรา...”
เขาไม่ได้ให้เราปล่อยชีวิตตามยถากรรม แต่ให้รับรู้ว่าโลกมันเป็นเช่นนั้นเอง ไร้ประโยชน์ที่จะไปกลุ้ม และบ่นว่า “โลกเราไม่ยุติธรรม”
เพราะความยุติธรรมไม่มีในโลก เราสร้างมันขึ้นมาเอง
โลกเลื่อนไหลไปตามเหตุและปัจจัยอย่างนั้นเอง
เมื่อเข้าใจ ก็เป็นอิสระ
“เมื่อเราทำงานภายใต้ขอบเขตของการควบคุมของเรา เราจะเป็นอิสระตามธรรมชาติ เป็นอิสระ และแข็งแกร่ง นอกขอบเขตนี้ เราอ่อนแอ มีข้อจำกัด และต้องพึ่งพาคนอื่น ถ้าเจ้าปักความหวังของเจ้ากับสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเจ้า มุ่งหาสิ่งที่เป็นของคนอื่น เจ้าก็จะสะดุดล้ม ทนทุกข์ แล้วโทษพระเจ้าต่าง ๆ และมนุษย์ แต่ถ้าเจ้าจดจ่อความตั้งใจในเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น และปล่อยให้คนอื่นทำเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเขา เจ้าก็จะเป็นผู้กุมชีวิตภายในของเจ้าเอง มิมีผู้ใดสามารถทำอันตรายหรือขัดขวางเจ้า เจ้าจะไม่โทษผู้ใด และไร้ศัตรู หากเจ้าปรารถนาความสงบสุขและความอิ่มใจ จงปลดปล่อยการยึดมั่นกับทุกสิ่งที่เจ้าคุมไม่ได้ นี่คือสายทางแห่งอิสรภาพและความสุข หากเจ้าปรารถนาไม่เพียงแค่ความสงบสุขและความอิ่มใจ แต่ต้องการอำนาจและความร่ำรวยด้วย เจ้าจะสูญเสียอย่างแรกจากการแสวงหา อย่างหลัง และระหว่างทางจะสูญสิ้นอิสรภาพและความสุข”
เอพิคทีตัสยังสอนว่า “หากเจ้าพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เจ้าควบคุมไม่ได้ เช่น โรคภัย ความยากจน ความตาย เจ้าจะเป็นคนใส่ความทุกข์ทางใจที่ไร้ประโยชน์เข้าไปให้ตัวเอง”
มุมมองของเขาในเรื่องชีวิตนั้นแหลมคม และไม่ล้าสมัย ยังใช้ได้ในปัจจุบัน
เราคุมเรื่องการดูแลสุขภาพได้ แต่หากยังเป็นมะเร็ง ก็เป็นเรื่องที่เราคุมไม่ได้ มันอาจเกิดมาจากยีน หรือสภาพแวดล้อม ฯลฯ
เราคุมความพยายามของเราได้ แต่เราคุมผลลัพธ์ไม่ได้
เราคุมการทำงานของเราได้ แต่เราคุมคนอื่นไม่ให้โกงบริษัทไม่ได้
ถ้าเข้าใจว่าโลกเป็นอย่างนี้ เราก็มีความสุขได้แทบทุกสถานการณ์ แม้แต่ในห้วงยามที่เราจมมิดในโคลน หรือสูญเสียทุกอย่างในชีวิต
วินทร์ เลียววาริณ
5-5-25
(อ่านฉบับเต็มจาก กอดหนาม / อ่านฉบับการ์ตูนจาก Mini Stoic)........................................
กอดหนามhttps://www.winbookclub.com/store/detail/241/กอดหนาม
โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20กอดหนาม%20+%20ปฎิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์%20+%20Mini%20Tao
Shopee เดี่ยว
https://s.shopee.co.th/qUBWxp70FShopee โปรโมชั่น
https://shopee.co.th/วินทร์-เลียววาริณ-(S11)-กอดหนาม-ผ่าสมองไอน์สไตน์-MiniTao-ราคาปก-825.-พิเศษ-640.-พร้อมลายเซ็นนักเขียน-i.90206829.25115927514?sp_atk=7b908643-99d5-42ab-b178-8d87f8650520&xptdk=7b908643-99d5-42ab-b178-8d87f8650520
................................
Mini Stoic
https://www.winbookclub.com/store/detail/253/Mini%20Stoic%20+%20ค่าส่ง1 วันที่ผ่านมา -
จากโพสต์ก่อนเรื่องจานบิน บางคนอาจสงสัยว่า สมมุติว่าสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาวมาเยือนโลกเราจริงๆ มาด้วยจานบินไม่ได้หรือ?
ถ้าเป็นจานบินแบบที่เราเห็นในหนัง คงจะยากหน่อย
ทำไม?
เพราะระยะทางในดาราจักรห่างไกลกันมาก ต่อให้เดินทางไประหว่างโลก-ดาวอังคาร ก็หมดไปราวสองปี กินอยู่หลับนอนขับถ่ายยังไงในยานเล็กขนาดนั้น
ถ้าคิดว่ามาจากดาวดวงอื่น ยิ่งแล้วกันใหญ่
ดาวที่อยู่ใกล้ระบบดาวของเราที่สุดคือ Proxima Centauri ถ้ามันมีดาวเคราะห์ และมีใครเดินทางมาหาเราจริง ต่อให้ใช้เวลาเร็วเท่าความเร็วแสง ก็เกินสี่ปี
ถ้าใช้จานบินกระป๋องแบบนี้ เดินทางด้วยความเร็วดีกว่า SpaceX ของ อีลอน มัสค์ ร้อยเท่า หรือเร็วกว่า BYD พันเท่า ก็อาจจะกินเวลาหลายหมื่นปีมาถึงโลกเรา คงต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนมากๆ และว่างงานจริงๆ
เอาละ เพื่อประโยชน์ของการถก สมมุติว่าเราเดินทางได้เกือบเท่าความเร็วแสง ถ้ามาจากอีกขอบหนึ่งของดาราจักรทางช้างเผือกก็ใช้เวลาแสนปี (เส้นผ่าศูนย์กลางทางช้างเผือก = หนึ่งแสนปีแสง)
ถ้ามาจากดาราจักรอื่นๆ ก็อาจใช้เวลาล้านปี พันล้านปี หมื่นล้านปี เพราะระยะทางในจักรวาลห่างกันมาก ยังไม่คำนวนว่าทุกๆ วินาทีที่ผ่านไป จักรวาลขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เหมือนมดที่วิ่งบนลูกโป่งยักษ์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว วิ่งเท่าไร ระยะทางยิ่งเพิ่ม ไม่มีลด
ถ้ามีเทพองค์ไหนที่อุตส่าห์ถ่อมาหาเราเพื่อบันดาลให้ชีวิตเราดีขึ้น เทพองค์นั้นสมองคงไม่สมประกอบ (ถ้ามีสมองนะ)
นี่ก็คือเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมเราต้องอ่านหนังสือ
วินทร์ เลียววาริณ
4-5-251 วันที่ผ่านมา -
หลายปีมาแล้ว เมื่อเห็นเจ้าลัทธิต่างๆ ในบ้านเราหาเงินจากศาสนพาณิชย์ ผมเคยคุยเล่นๆ กับคนใกล้ตัวว่า ถ้าผมจะตั้งตัวเป็นศาสดา หาเงินในหลักร้อยล้านพันล้าน ก็คงใช้หลักจักรวาลวิทยา ผสมกับวิทยาศาสตร์ ผสมกับพุทธ พราหมณ์ ไสยศาสตร์ ฯลฯ โยงเป็นเนื้อเดียวกันตามเทคนิคการแต่งนิยาย
จักรวาลวิทยายังมีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ โยงเข้ากับเรื่องอำนาจเหนือธรรมชาติได้ไม่ยาก ผสมกับไสยศาสตร์ ก็น่าจะขายเป็นแพ็คเกจชาติหน้าในสวรรค์ หรือวิธีรวยข้ามภพได้ไม่ยาก
ในสังคมที่คนจำนวนมากอยู่ในก้นหลุมดำแห่งปัญญา ผมถือว่าศาสนพาณิชย์แบบนี้ก็เป็นการขายชาติอย่างหนึ่ง ทำร้ายคน ทำร้ายสังคม ทำร้ายชาติ
ดังนั้นผมถือเป็นหน้าที่ที่จะแย้งด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และศาสตร์อื่นๆ เพื่อคานอำนาจทางปัญญา อย่างน้อยก็เสนอข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่ง ให้คิดก่อนเชื่อและเสียเงิน
ใครจะแย้งผมอีกทีก็ไม่ว่าอะไร ยินดีอย่างยิ่ง แต่ขอเป็นหลักฐาน ไม่ใช่ความเชื่อ
วันนี้อ่านข่าวชาวบ้านไปทำกิจกรรมชมมนุษย์ต่างดาวที่จังหวัดหนึ่ง เพื่อเชื่อมกับอำนาจเหนือธรรมชาติเบื้องบน และพบวัตถุคล้ายจานบินอยู่เหนือลานนั่งสมาธิ
อืม! นี่เป็นโลกเสรี ใครเชื่ออะไรก็ตามสบาย แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเวลาพูดถึงยานมนุษย์ต่างดาวทีไร ต้องเป็นจานบินทุกที
ทำไมต้องเป็นทรงจานบิน?
คำตอบง่ายกว่าที่คิด
คาร์ล เซเกน อธิบายในหนังสือ The Demon-Haunted World ว่าคำว่า จานบิน (flying saucer) เป็นศัพท์ใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ในปี ค.ศ. 1947
ในวันที่ 24 มิถุนายน 1947 นักบินพลเรือน เคนเนธ อาร์โนลด์ บินผ่านภูเขาเรนเนียร์ รัฐวอชิงตัน เขาเห็นบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล จึงรายงานการพบวัตถุประหลาดเก้าชิ้นซึ่งมีวิถีบินประหลาดมาก
หนังสือพิมพ์รายงานข่าวนี้ทันทีว่ามีการพบจานบินจากต่างดาวเป็นครั้งแรก
สามปีต่อมา ในวันที่ 7 เมษายน 1950 นักข่าว ซีบีเอส ชื่อ เอ็ดเวิร์ด เมอร์โรว์ สัมภาษณ์นักบิน เคนเนธ อาร์โนลด์ อธิบายว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดกันอย่างมโหฬาร เขาบอกว่า ในวันนั้นตนเองแจ้งทางหนังสือพิมพ์ว่า วัตถุประหลาดเก้าชิ้นที่เขาพบในวันนั้นดูเหมือน "เรือที่แล่นบนน้ำอย่างรุนแรงมาก"
เขาเล่าเป็นเชิงเปรียบเทียบว่า "พวกมันบินเหมือนเราขว้างจานร่อน (saucer) ข้ามน้ำ"
หนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวว่า "ยานจากต่างดาวนั้นมีรูปทรงเหมือนจานบิน (flying saucer)"
เขาบอกว่าไม่ได้เห็นจานบิน แค่เปรียบเทียบเท่านั้น
นักข่าวไม่แก้ข่าว หรือเจตนาไม่แก้ข่าว
ยานอวกาศจากต่างดาวที่พบกันในช่วงหลายปีต่อมาก็มักมีรูปร่างเป็นจานบินไปดังฉะนี้
แล้วเราก็เชื่อต่อกันมาโดยไม่ถาม ไม่คิดจะตรวจสอบ ไม่คิดจะศึกษาอะไรทั้งนั้น
เมื่อใช้นิวรอนทั้งหมดไปกับการเชื่อ ก็ไม่เหลือนิวรอนมาคิด
วินทร์ เลียววาริณ
4-5-25สนใจอ่านวิธีคิด-ข้อมูลแบบวิทยาศาสตร์แบบนี้ ขอแนะนำ ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล, ปลาที่ว่ายนอกสนามฟุตบอล และ หลับถึงชาติหน้า
1 วันที่ผ่านมา