• วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ผมดูหนังชุด Mission: Impossible มาตั้งแต่มันเป็นทีวี ซีรีส์ ในปี 1966 นักแสดงนำคือ ปีเตอร์ เกรฟส์ (เล่นเป็น Jim Phelps) และ เกร็ก มอร์ริส

    คนไทยชอบหนังชุดนี้มาก ฉลอง ภักดีวิจิตร จึงบินไปทาบทาม เกร็ก มอร์ริส มาเล่นหนังไทยเรื่อง ทอง ดังระเบิด

    ต่อมา ไบรอัน เดอ พัลมา สร้างเป็นหนังใหญ่ มี ทอม ครูซ เล่นเป็น อีธาน ฮันท์ เรื่องนี้คนเขียนหักปากกาให้ตัวละครหลัก Jim Phelps กลายเป็นตัวร้าย และถูกฆ่าตาย ทำให้แฟนหนังด่าอึง

    ในเมื่อตัวละครหลักอย่าง Jim Phelps ตาย และในเรื่องเหลือแต่ อีธาน ฮันท์ รอดมาได้ เมื่อสร้างภาคต่อๆ มา ตัวเอกของเรื่องก็กลายเป็น ทอม ครูซ แต่เพียงผู้เดียวด้วยประการฉะนี้

    คุณภาพหนังชุดนี้ขึ้นๆ ลงๆ ฉบับภาค 2 โดย จอห์น วู น่าจะอ่อนที่สุด หนังชุดนี้ดีขึ้นมาผิดหูผิดตาเมื่อมาอยู่ในมือของ คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี คือตั้งแต่เรื่อง Rogue Nation เป็นต้นมาจนปัจจุบัน

    Rogue Nation กับ Fallout ในมือของแม็คควอรีทำเงินถล่มทลาย

    ไม่แปลก เพราะแม็คควอรีก็คือมือเขียนบท original ระดับรางวัลตุ๊กตาทอง จาก The Usual Suspects หนังหักมุมจนเอวเคล็ด

    หลังจากนั้น Mission: Impossible ก็เริ่มดิ่งลงมา เรื่องต่อมา Dead Reckoning Part One ทำรายได้น่าผิดหวังอย่างยิ่ง อาจเพราะถูกคนดูลงโทษที่บังอาจฆ่าตัวละครหญิงหลักของเรื่อง

    ดังนั้นเมื่อมาถึงตอนสอง ผู้สร้างจึงไม่ใช้คำว่า Part Two แต่เปลี่ยนเป็น The Final Reckoning

    The Final Reckoning ทุ่มทุนสร้างมหาศาล แต่คนดูส่วนหนึ่งอาจไม่อยากดูเพราะนางเอกของเรื่องเด๊ดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การตลาดที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายของชุด อาจทำให้มีคนกลับไปดู

    ไหนๆ ก็ดูมาตลอดแล้ว ก็ดูต่ออีกสักเรื่อง

    ผมเป็นหนึ่งในนั้น

    ข่าวดีคือ - ในคหสต. The Final Reckoning ดีกว่า Dead Reckoning Part One หนังสนุก ตื่นเต้น

    หนัง tie loose ends ของตัวละครในเรื่องก่อนๆ ตั้งแต่ภาค 1 การนำตัวละครที่หลุดไปแล้วในภาค ไบรอัน เดอ พัลมา น่าสนใจและถือว่าวางพล็อตดี รวมถึงการโยงเรื่องเข้ากับตัวละคร Jim Phelps ที่ตายไปแล้วในภาค 1

    ข่าวไม่ดีคือ มันไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรที่เราไม่เคยดูมาก่อน

    หลายฉากของหนังคอหนังคงคุ้นๆ ว่าเหมือน The Hunt for Red October + The Abyss ส่วนพล็อตเอไอครองโลกทำให้นึกถึงเรื่อง The Terminator ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้เข้าสู่พื้นที่ของไซไฟ

    แม้พล็อตเอไอน่าสนใจ แต่หนังไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะฉากในวอร์รูมของประธานาธิบดี ถ้าเทียบกับ Rogue Nation กับ Fallout แล้ว เรื่องนี้ด้อยกว่า

    อย่างไรก็ตาม หากเป็นแฟน Mission: Impossible ก็สมควรไปดู หนังให้ความบันเทิงในระดับหนึ่ง พล็อตเรื่องอาจสดสู้เรื่องพระเล่นพนันหลายร้อยล้านไม่ได้ (เรื่อง Temple: Impossible) แต่ก็ทำให้เราลืมโลกแห่งความจริงไปชั่วคราว

    7.7/10
    ฉายในโรงภาพยนตร์

    วินทร์ เลียววาริณ 
    19-5-25

    วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)

    (มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)

    1
    • 0 แชร์
    • 27

บทความล่าสุด