-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
เรื่องตลกเรื่องหนึ่งของเหตุการณ์สหรัฐฯโจมตีอิหร่านในครั้งนี้คือ Ted Cruz วุฒิสมาชิกที่กระหายสงครามและยุให้รบ ยังไม่รู้เลยว่าอิหร่านมีพลเมืองเท่าไร มีเชื้อชาติใดบ้าง รู้แต่ว่าต้องทำลายประเทศนี้ให้ราบ
การที่ Ted Cruz ผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีไม่รู้เรื่องการเมืองโลก เป็นเรื่องน่ากังวลใจ พอๆ กับรัฐมนตรีกลาโหมไม่รู้ว่าโลกมีประเทศกลุ่มอาเซียน
ชาวตะวันตกจำนวนมากไม่รู้จักอิหร่านเลย ยังคิดว่าอิหร่านเป็นพวกอาหรับ และอาหรับเป็นพวกเลวร้าย
ความจริงอิหร่านไม่ใช่อาหรับ ตุรกีก็ไม่ใช่อาหรับ
อิหร่านคือพวกเปอร์เซีย ใช้ภาษาฟาร์ซี เปอร์เซียเป็นอาณาจักรเก่าแก่ของโลก พังไปเพราะพวกมองโกล
เปอร์เซียเป็นศูนย์กลางวิทยาการของโลกในอดีต ศาสตร์ต่างๆ ที่มีคำว่า 'อัล' คิดค้นโดยพวกเปอร์เซีย เช่น อัลกอริทึม พีชคณิต (Algebra) เป็นต้น
ดีที่อยู่ไกลนะ ไม่งั้นคงโดนบางประเทศเคลมไปแล้ว
เปอร์เซียส่งอิทธิพลไปทั่วโลกในอดีต ลัทธิเม้งก้าแห่ง ดาบมังกรหยก ก็มาจากเปอร์เซีย
ชาวเปอร์เซียที่อพยพมาอยู่สยามตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่น เฉกอะหมัด เป็นข้าราชการระดับสูงของไทย
ชาวเปอร์เซียก็คือต้นตระกูลบุนนาค บุรานนท์ ศุภมิตร ศรีเพ็ญ เป็นต้น
อเมริกันมีภาพลบกับพวกอิหร่านเพราะเหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันในปี 1979 หลังจากเกิดปฏิวัติอิหร่านในปีนั้น ราชวงศ์ปาลาวีถูกโค่น ชาห์เรซา ปาลาวีหนีไปสหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐอิลสามแห่งอิหร่าน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษยึดครองอิหร่าน ปลดชาห์ นายกฯคือ Mohammad Mosaddegh อนุญาตให้บริษัทน้ำมันของอังกฤษเข้าไปหาผลประโยชน์ เขาปกครองจนปี 1953 ก็ถูกสหรัฐฯและอังกฤษล้มผ่านการรัฐประหาร เพราะ Mohammad Mosaddegh ไม่ยอมตะวันตกบางเรื่อง
สหรัฐฯตั้งชาห์ปาลาวีขึ้นมาครองอำนาจ เพราะโปรตะวันตก ตอนนั้นเองบริษัทน้ำมันสหรัฐฯก็เข้าไปในอิหร่าน อิหร่านเป็นประเทศที่ทันสมัยแบบตะวันตก จนเมื่อชาห์เรซา ปาลาวี ถูกโค่น ตั้งแต่นั้นมา สหรัฐฯก็เป็นศัตรูกับอิหร่านอย่างเปิดเผย
เหตุการณ์อิหร่านจับชาวเมริกัน 66 คนเป็นตัวประกันถูกสร้างเป็นหนังเรื่อง Argo ยิ่งตอกย้ำภาพอิหร่านเป็นคนเลวร้าย (หนังได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์)
เล่ากันว่าก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 1980 รอนัลด์ เรแกน ส่งคนไปเจรจากับฝ่ายอิหร่านลับๆ ให้ปล่อยตัวประกัน ทำให้เขาชนะ จิมมี คาร์เตอร์ แต่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครยอมรับว่าจริง
เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รู้ว่า เวลาอ่านเหตุการณ์ใดๆ ต้องรู้ประวัติศาสตร์ด้วย
เพราะที่สำคัญกว่า 'what' คือ 'why'
วินทร์ เลียววาริณ
22-6-250- แชร์
- 13
-
รู้กันในหมู่นักการทหารโลกว่า ทางเดียวที่อิสราเอลจะชนะอิหร่านได้คือดึงสหรัฐฯเข้ามาเต็มตัว แบบเดียวกับที่บุกอิรัก
ปฏิบัติการอิสราเอลโจมตีอิหร่าน ก็เพื่อยั่วยุให้อิหร่านจัดหนัก และทำให้สหรัฐฯไม่มีทางเลือก ต้องเข้าสู่สงคราม
ทรัมป์ประกาศเมื่อหลายวันก่อนว่า ตนยังไม่ตัดสินใจว่าจะบุกหรือไม่บุก จนกว่าอีกสองอาทิตย์
แต่นักวิเคราะห์การเมืองโลกไม่น้อยเห็นว่า ทรัมป์ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ที่ขอเวลาสองอาทิตย์ก็เพื่อขนคนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ขนอาวุธไปประจำการ
ทรัมป์เพียงซื้อเวลา และทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นคนไม่รักษาสัญญา
เมื่อคืนนี้มีข่าวเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 เดินทางไปที่เกาะกวม ถ้าจะทิ้งระเบิดขนาด 30,000 ปอนด์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่สุดในโลก ก็ต้องใช้ B-2 นี่แหละ
และสิบห้านาทีที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศว่าได้ทิ้งระเบิดในอิหร่านแล้ว
ตอนเลือกตั้งซือแป๋บอกว่าจะยุติสงครามยูเครนใน 24 ชั่วโมง จะจบความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
นอกจากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังก่อสงครามที่สามคือรบกับอิหร่าน
คำถามตอนนี้คือจะเกิดอะไรขึ้นหากทรัมป์เข้าสู่สงครามอิหร่านเต็มตัว ไม่ใช่ทิ้งระเบิดครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์เพื่อเอาใจยิวที่มีอิทธิพลเหนือวอชิงตัน
นักวิเคราะห์การเมืองโลก นักการเมืองโลกทั้งหลายเห็นตรงกันว่า ถ้าสงครามบานปลาย เศรษฐกิจโลกจะป่วน เพราะหากอิหร่านถูกบีบมากๆ ก็ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ช่องทางขนส่งน้ำมันโลกถึง 40 เปอร์เซ็นต์ พันธมิตรอิหร่านอาจก่อกวนที่ทะเลแดง เท่านี้เศรษฐกิจโลกก็กระทบ
ยังไม่รู้ว่ารัสเซีย จีน ปากีสถาน เกาหลีเหนือจะส่งอาวุธมาให้ใช้ถล่มอิสราเอลไปเรื่อยๆ หรือไม่
ถ้าวันนั้นมาถึงจริง เมืองไทยก็ป่วนไปด้วย เพราะตอนนี้นักท่องเที่ยวก็หดหายไปมาก ในช่วงสงคราม ทุกคนไม่อยากเดินทางไปไหน
หวังว่าท่านทรัมป์คงหายจากลมปราณแตกซ่าน ไม่ขยายวงสงครามมากไปกว่านี้
แต่ใครเล่าจะเดาใจซือแป๋ได้? และใครเล่าจะรู้ว่านี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของสงครามใหญ่?
วินทร์ เลียววาริณ
22-6-250 วันที่ผ่านมา -
อาจารย์ เรียวคัง ไดกุ (1758-1831) เป็นพระเซนสายโซโต อาศัยอย่างเรียบง่ายสมถะในกระท่อมเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อย่างฤาษี
คำว่า ไดกุ แปลว่า คนโง่ที่ยิ่งใหญ่ และท่านก็มักกระทำหลายเรื่องที่หลายคนคิดว่าโง่เขลา
คืนหนึ่งยามจันทร์กระจ่างฟ้า ขโมยคนหนึ่งแอบเข้าไปในกระท่อมของท่าน และพบว่าไม่มีอะไรให้ขโมย
เรียวคัง ไดกุ กลับมาถึงกระท่อมพอดีและจับขโมยได้ ท่านมองสารรูปยากไร้ของขโมยคนนั้น กล่าวว่า "เจ้าคงเดินทางมาไกลกว่าจะมาเยือนอาตมาถึงที่นี่ จึงไม่สมควรกลับไปมือเปล่า จงเอาเสื้อผ้าของอาตมาไปเป็นของขวัญเถอะ"
ว่าแล้วก็ถอดเสื้อผ้าของตนให้ขโมย
หลังจากขโมยไปแล้ว อาจารย์เซนก็นั่งลงตัวเปลือยเปล่า มองดูจันทร์นอกหน้าต่าง
"ช่างเป็นคนที่น่าสงสารเสียนี่กระไร!..." อาจารย์พึมพำ "...อาตมาอยากมอบพระจันทร์งามดวงนี้ให้เขาไปด้วย!"
.
เรียวคัง ไดกุ เกิดที่จังหวัดเอจิโกะ บ้านมีฐานะดี ฝึกเซนแต่เด็กในวัดโคโช ครั้งหนึ่งอาจารย์เซนนามว่า โคคุซัน มาเยือนวัด จึงขอสมัครเป็นศิษย์ของอาจารย์ผู้นี้ แล้วติดตามอาจารย์ไปพำนักที่วัดเอ็นซึแห่งทามาชิมา ที่นี่เองท่านบรรลุซาโตริ
เมื่ออาจารย์มณภาพ เรียวคัง ไดกุ ก็ลาจากวัดนั้นมา เดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ในแผ่นดินนานห้าปี ก่อนกลับมาบ้านเกิดอีกครั้ง
เมื่ออายุราวสี่สิบ ท่านตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลือเป็นฤาษี ไม่เคยใช้ชีวิตในวัดอีก ปลูกกระท่อมเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ขอเศษอาหารจากชาวบ้านเพื่อประทังชีวิต
ท่านเป็นคนมีเมตตาสูง รักเด็ก รักธรรมชาติ เป็นคนถ่อมตัวมาก เปี่ยมอารมณ์ขัน เชี่ยวชาญการเขียนบทกวีและอักษร
ท่านเขียนบทกวีว่าด้วยวิถีชีวิตของท่านเองว่า
ข้าฯนั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงใบไม้ร่วง
กระท่อมเงียบเหงา
ชีวิตของการสละละทิ้งทุกอย่างแน่นอน เรียวคัง ไดกุ ชอบชมจันทร์อย่างยิ่ง ท่านเขียนบทกวีชมจันทร์ไว้หลายบท เช่น
ราตรีหนาวยะเยือก
นั่งคนเดียวในห้องว่างเปล่าของข้าฯ
อวลด้วยควันธูป เบื้องนอกไผ่นับร้อยต้น
บนเตียงวางบทกวีหลายเล่ม
จันทร์ฉายแสงเหนือหน้าต่าง
ทั้งหมู่บ้านอึงอลด้วยเสียงแมลง
มองภาพนี้ ความรู้สึกไม่มีกรอบจำกัด
แต่ไร้คำพูดสักหนึ่งคำชีวิตของท่านผูกพันกับท้องฟ้า ภูเขา เมฆ ดอกไม้ ทุ่งนา ป่า แม่น้ำ สายธาร ป่าไผ่ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของมันทุกวัน ท่านชมชอบดูการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล มองใบไม้ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง ในฤดูใบไม้ร่วง ฟังเสียงฝนร่วงหล่นขับกล่อมไพร และเขียนบทกวี อย่าได้กล่าวว่ากระท่อมของข้าฯไม่มีสิ่งใดที่จะมอบให้
จงมาเยือน แลข้าฯจะแบ่งปันแก่ท่าน
สายลมเย็นที่พัดสู่หน้าต่างข้าฯเพราะชีวิตแบบเซนก็เช่นการบรรเลงเพลง การไปถึงจุดจบของเพลงไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่าการอาบความรู้สึกทุกท่อนเพลงอย่างทั่วถึง
วินทร์ เลียววาริณ
22-6-25................................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วมังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/244/Mini%20Zen%20คู่%20Mini%20Tao
0 วันที่ผ่านมา -
(ต่อจาก https://www.facebook.com/photo/?fbid=1316599853162036&set=a.208269707328395)
คนไทยก็แปลก ทุกครั้งที่บ้านเมืองวุ่นวาย รัฐบาลง่อนแง่น จะมีข่าวลือเรื่องรัฐประหารเสมอ โดยเฉพาะยุค 40 ปีก่อน
โพสต์ก่อนเล่าถึง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นมามีอำนาจ ส่วนหนึ่งเพราะพวกยังเติร์ก ก็หนีไม่พ้นต้องเล่ารัฐประหารหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้
เรื่องต่อไปนี้ก็คือรัฐประหารที่โด่งดังที่สุด และจบแบบหักมุม
เวลาหนึ่งทุ่ม วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ พ.อ. มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อยู่ที่บ้านพักในกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ
พ.อ. มงคลเป็นนายทหารเสนาธิการ ทำงานใกล้ชิดนายกฯ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ มาตลอด
เขาได้รับโทรศัพท์จาก พ.ท. ไพโรจน์ พานิชสมัย เสียงดังมาตามสายว่า “พี่หมงรีบมาสี่เสาฯเดี๋ยวนี้”
‘สี่เสาฯ’ หมายถึง สี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์
พ.อ. มงคลขับรถออกจากบ้านผ่านบ้าน พ.อ. ปรีดี รามสูต ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ ฯ หน้าบ้าน พ.อ. ปรีดีมีรถยนต์จอดเต็ม หน่วยทหารเคลื่อนไหวคึกคัก
สัญชาตญาณของเขาบอกทันทีว่า เกิดรัฐประหาร
ข่าวรัฐประหารลอยไปลอยมาอยู่พักใหญ่แล้ว แต่ไม่มีใครถือเป็นเรื่องจริงจัง แม้แต่ พล.ต. ชวลิต ยงใจยุทธ เจ้ากรมยุทธการก็ไม่เชื่อ
พ.อ. มงคลไปถึงบ้านสี่เสาฯ เห็นรถยนต์จอดหน้าบ้านเต็มไปหมดเช่นกัน ทหารจำนวนหนึ่งคุมพื้นที่ อาวุธพร้อมมือ เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เห็น พล.อ. เปรมคุยกับ พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร สองนายทหารยังเติร์ก
จึงรู้ในนาทีนั้นว่า กลุ่มยังเติร์กก่อรัฐประหาร
................
ตีสองวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๔ ทหาร ๔๒ กองพันเคลื่อนจากที่ตั้ง เข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ กำลังบางส่วนแยกไปจับตัว พล.อ. เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ท. หาญ ลีนานนท์ พล.ต. วิชาติ ลายถมยา ไปที่หอประชุมกองทัพบก
มันเป็นรัฐประหารที่ใช้กำลังพลสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เป้าหมายคือโค่นรัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์
กำลังทหารกระจายไปทั่วกรุง ตั้งบังเกอร์ รถถังเตรียมพร้อม
ผู้ก่อการออกแถลงการณ์ที่ไม่ต่างจากรัฐประหารอื่น ๆ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และกระบวนการแบบเดิม ๆ คือยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุบสภา
“เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศทุกด้านกำลังระส่ำระส่ายและทรุดลงอย่างหนัก เพราะความอ่อนแอของผู้บริหารประเทศ พรรคการเมืองแตกแยก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน จึงเป็นจุดอ่อนให้มีคณะบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศเคลื่อนไหว จะใช้กำลังเข้ายึดการปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบเผด็จการถาวร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดของประเทศ คณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน จึงได้ชิงเข้ายึดอำนาจการปกครองของประเทศเสียก่อน”
ผู้ก่อการคือกลุ่มยังเติร์ก มันจึงเรียกว่ากบฏยังเติร์ก
หัวหน้าคณะรัฐประหารคือ พล.อ. สัณห์ จิตรปฏิมา รองผู้บัญชาการทหารบก ร่วมกับกองกำลังสำคัญคือ จปร. รุ่น ๗ หรือรุ่นยังเติร์ก ทั้งหมดเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังต่าง ๆ ในกองทัพบก ได้แก่ พ.อ. มนูญ รูปขจร (ม.พัน.๔ รอ.), พ.อ. ชูพงศ์ มัทวพันธุ์ (ม.๑ รอ.), พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร (ร.๒) พ.อ. ชาญบูรณ์ เพ็ญตระกูล (ร.๓๑ รอ.) พ.อ. แสงศักดิ์ มงคละสิริ (ช.๑ รอ.) พ.อ. บวร งามเกษม (ป.๑๑) พ.อ. สาคร กิจวิริยะ (สห.มทบ.๑๑) พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี (ร.๑๙ พล.๙)
ยังเติร์กกลุ่มนี้เคย ‘ยึดอำนาจเงียบ’ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ครั้งเมื่อหนุน พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ก็บีบให้ พล.อ. เกรียงศักดิ์ลาออกกลางสภาในปี ๒๕๒๓ แล้วหนุน พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
หลักคิดอาจเป็นว่า ในเมื่อสามารถสร้าง พล.อ. เปรมเป็นนายกฯได้ ก็สามารถยึดคืนได้!
ก่อนเหตุการณ์นี้ ในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ กองทัพบกต่ออายุราชการผู้บัญชาการทหารบกให้ พล.อ. เปรมออกไปอีกหนึ่งปี เป็นสถานการณ์เดียวกับที่จอมพลถนอม กิตติขจร ต่ออายุราชการเมื่ออายุครบหกสิบปี
การต่ออายุราชการของ พล.อ. เปรม สร้างความบาดหมางกับ พล.อ. สัณห์ จิตรปฏิมา ที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก หมดสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก และน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.อ. สัณห์ร่วมกับ จปร. ๗ ก่อการรัฐประหาร ก่อการในคืนวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลาสองทุ่ม กลุ่มทหารยังเติร์กนำโดย พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ยกกำลังทหารปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ บอก พล.อ. เปรมว่าจะปฏิวัติ
หนังสือ รัฐบุรุษชื่อเปรม บันทึกเรื่องกบฏยังเติร์กไว้ดังนี้
พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เล่าว่า “เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ มนูญกับประจักษ์เขามาหาป๋าที่สี่เสา ประจักษ์เป็นคนบอกว่าจะ ‘ปฏิวัติ’ ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เขาบอกว่าเพราะกลัวป๋าเอาคนไม่ดีมาเป็นรัฐมนตรี”
‘คนไม่ดี’ ของกลุ่มยังเติร์กหมายถึง พล.ต. สุตสาย หัสดิน กับ ร.ต.ท. ชาญ มนูธรรม ที่ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเปรม ๒
แต่ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง ว่าเพราะเรื่องนี้หรือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี หรือเรื่อง พล.อ. เปรมต่ออายุราชการหนึ่งปี
พล.อ. เปรมคุยกับ พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร ยังเติร์กตอบว่า “ผมทำเพื่อป๋า และขอเชิญป๋าเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ”
นายกรัฐมนตรีตอบว่า “ทำไม่ได้หรอก ให้อย่างไรก็ไม่เอาทั้งนั้น... ผมไม่ปฏิวัติหรอก ผมปฏิวัติไม่ได้ และไม่ต้องการปฏิวัติด้วย ขอให้เลิกคิด เลิกทำเสีย หรือไม่งั้นก็ยิงผมให้ตายแล้วปฏิวัติกันไป”
ในห้องนั้นมีทหารมากหน้าหลายตา นั่งคุยกันเหมือนไม่ใช่เรื่องจะปฏิวัติ
หนึ่งในนั้นคือ พล.ต. ชวลิต ยงใจยุทธ
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ชวลิต ยงใจยุทธ มียศพลตรี ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการ ได้ยินข่าวลือเรื่องรัฐประหาร แต่เขาไม่เชื่อ จนตีหนึ่งวันที่ ๑ เมษายน มีคนแจ้งมาว่า “มันแจกปืนกันแล้วนะ” ก็รีบไปที่บ้านสี่เสาฯ
แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าฝ่ายก่อการ ‘อารักขา’ บ้านสี่เสาฯไว้หมดแล้ว เมื่อ พล.อ. เปรมรู้ว่า พล.ต. ชวลิตมาถึง ก็เรียกไปคุยด้วยที่ชั้นบน รวมทั้ง พ.ท. สุรยุทธ จุลานนท์
พล.อ. เปรมถาม “จิ๋วจะเอายังไง?”
พล.ต. ชวลิตตอบ “สู้ สู้ครับป๋า”
วินทร์ เลียววาริณ
21-6-25(โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนนี้ขออนุญาตขายยาก่อน)
...................................
ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เป็นงานที่ผมโพสต์ให้อ่านฟรีครบทุกตอนมาหลายปีแล้ว แต่หากคิดจะเก็บไว้ในห้องสมุดประจำบ้านให้ลูกหลานอ่าน ก็ต้องรีบ เพราะหนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ คุ้มที่สุด 6 เล่ม 1,000 บาท จากราคาปก 1,605.-
118 เรื่อง = เรื่องละ 8.4 บาท1 วันที่ผ่านมา -
ประโยคหนึ่งในหนังเรื่อง Kingdom of Heaven ที่ติดตราคนดู แม้ว่าจะสั้นๆ คือฉากที่แม่ทัพซาลาฮูดิน (Salah ad-Din Yusuf ibn Ayyub หรือซาลาดิน) กำลังจะยึดเมืองเยรูซาเล็มด้วยกำลังในปี 1187 แต่เสนอทางออกสุดท้ายคือสันติภาพ
ซาลาฮูดินสัญญาว่าถ้าพวกครูเสดยอมออกจากเมือง เขาจะปล่อยพวกชาวเมืองทุกคน แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อว่าซาลาฮูดินจะรักษาคำพูด เพราะฝ่ายตนฆ่าพวกมุลสิมไปมากมาย
ซาลาฮูดินกล่าวว่า "ข้าฯมิใช่คนพวกนั้น ข้าฯคือซาลาฮูดิน" (I am not those men. I am Salahudin.)
ได้ยินดังนั้น ฝ่ายเยรูซาเล็มก็ยอมแพ้
ประวัติศาสตร์ท่อนนี้ (อาจเป็นเรื่องแต่ง) ชี้ว่า คำพูดของคนที่รักษาสัตย์นั้นมีค่า แค่คำพูดคำเดียวก็มั่นคงดุจขุนเขา ไม่ต้องทำสัญญากัน
ซาลาฮูดินไม่ใช่แม่ทัพกระหายเลือด เขาเป็นมุสลิมที่มีมนุษยธรรม เห็นค่าของทุกชีวิต หนึ่งในคุณธรรมที่มุสลิมอย่างเขายึดมั่นคือถือคำสัตย์
แต่นักการเมืองในยุคนี้ ยากจะหาคนรักษาคำสัตย์
เหตุการณ์คลิปเสียงหลุดนี้น่าจะกลายเป็น case study ของนักการเมืองทั่วโลก ต่อไปนี้คงยากที่ใครจะกล้าเจรจากันเป็นการส่วนตัวแล้ว มันจะเปลี่ยนโฉมการทูตไปอีกแบบหนึ่ง
ไม่ใช่แบบของซาลาฮูดิน
วินทร์ เลียววาริณ
21-6-251 วันที่ผ่านมา -
เรื่องใหม่เอี่ยมวันเสาร์ คลิดลิงก์อ่านได้ https://www.blockdit.com/posts/67fbd6c232ee76ef1fce0c62
1 วันที่ผ่านมา