-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
เราเคยได้ยินเรื่องคนแก่ปีนเขา คนตาบอดปีนเขา คนพิการปีนเขา เหล่านี้เป็นข่าวแปลก แต่ไม่ประหลาด โลกมีคนนานาชนิดปีนเขา
แต่ปลาปีนเขาน่าจะเป็นข่าวประหลาดแน่ ๆ !
ปลาปีนเขาไม่ใช่สำนวนเปรียบเทียบ มีความหมายตรงตามคำ นั่นคือเป็นปลาปีนเขาจริง ๆ
มันเป็นปลาสายพันธุ์ Goby ลำตัวยาวราวเจ็ดเซนติเมตร ไม่มีขา ไม่มีมือ แต่มีนิสัยชอบปีนเขา! (Goby มีกว่าสองพันสายพันธุ์ สปีชีส์ที่ปีนเขาคือ Sicyopterus stimpsoni หรือ rock-climbing goby สามารถปีนเขาสูงถึงร้อยเมตร)
เมื่อพูดถึง ‘เขา’ ก็ไม่ได้หมายถึงเนินดินเตี้ย ๆ ที่ไหน แต่เป็นภูผาสูงชันที่มีสายน้ำตกแรงสาดเทลงมาครืนครั่นชั่วนาตาปี อย่าว่าแต่ปลาเลย ต่อให้เป็นนักปีนเขาอาชีพที่มีเครื่องมือครบครันก็ปีนผาน้ำตกนี้ด้วยความยากลำบาก
Goby เป็นปลาที่ใช้ชีวิตอยู่ทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม ในฤดูสืบพันธุ์ของทุกปี จะเห็นฝูงปลา Goby จำนวนมากเกาะบนหน้าผาน้ำตกยึดตัวเองกลางสายน้ำแรงที่สาดซัดใส่ตัวตลอดเวลา พวกมันเริ่มปีนเขาจากแอ่งน้ำตกเบื้องล่าง ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปข้างบนทีละนิ้ว ทีละคืบ โดยใช้ปาก ครีบ และหางช่วยไต่ ระยะทางจากธารข้างล่างถึงยอดผา เช่น ผาน้ำตกที่เกาะฮาวาย เทียบกับขนาดตัวของปลา Goby แล้ว ก็ประหนึ่งมนุษย์ไต่เขาเอเวอเรสต์!
ทุกปีปลาเหล่านี้เดินทางมาจากมหาสมุทรถึงปากน้ำ ในบางสายพันธุ์ ก่อนหน้าที่จะปีนเขา ร่างกายของปลาจะเปลี่ยนสภาพให้เหมาะกับการปีนป่าย มันจะเกาะบนก้อนหินนิ่ง ๆ นานราวสามสิบหกชั่วโมง ในช่วงนี้ตัวปลาจะเปลี่ยนแปลง ปากจะเลื่อนตำแหน่งจากหัวลงไปที่ลำตัว และปากขยายขนาดให้สามารถดูดและเกาะได้ดีขึ้น
แล้วมันก็เดินหน้า! เคลื่อนตัวโดยใช้ปากกับครีบยึดผาเหมือนตีนตุ๊กแก ครีบของมันมีลักษณะเป็นจานดูด วิวัฒนาการมาเพื่อทำหน้าที่เกาะและปีนเขา บางพันธุ์ก็ใช้หางช่วยดัน แม้จะปรับตัวให้ปีนป่ายได้ดีขึ้น กระนั้นนี่ก็เป็นการเดินทางที่อันตรายที่สุด ปลาจำนวนมากถูกน้ำซัดตกลงไปตาย แต่ที่เหลือก็ไต่ขึ้นไปไม่หยุดอย่างทรหด ปลาตัวแล้วตัวเล่าที่อ่อนแรงถูกสายน้ำตกซัดร่วงลงไป ที่ยังมีชีวิตก็ไต่เขาต่อไป ประมาณว่าปลาเก้าในสิบไปไม่ถึงจุดหมายบนยอดผา
ในที่สุดปลาที่เหลือก็ไต่ถึงยอดผา พวกมันเดินทางถึงจุดหมายแล้ว! เหนือผานั้นเป็นแอ่งน้ำใหญ่ น้ำใสนิ่ง ปลาเหล่านั้นหย่อนตัวลงไปในแอ่งว่ายไปมา ที่นี่มีอาหาร แต่ไม่มีศัตรู ที่นี่คือสวรรค์ของพวกมัน ที่นี่พวกมันจะวางไข่แพร่พันธุ์
อุปสรรคใหญ่หลวงนัก แต่รางวัลคือบ้านที่ปลอดภัย
หลังการวางไข่ ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วจะถูกสายน้ำพัดร่วงลงไปและไหลสู่มหาสมุทร เมื่อลูกปลาโตขึ้นก็หวนกลับมาที่แหล่งน้ำจืดใกล้บ้าน หลายปีหลัง เมื่อพร้อม พวกมันก็ไต่เขาสู่สวรรค์
...............................
ชีวิตคือการไต่เขา ภูผาของแต่ละคนสูงไม่เท่ากัน ชันไม่เท่ากัน บ้างเดินสบาย บ้างชันและขรุขระ บ้างมีสายน้ำแห่งอุปสรรคแรงสาดซัดตลอดทาง
เป้าหมายยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งกินแรงปีนป่ายขึ้นไปให้ถึง คนที่ตั้งเป้าหมายไว้สูงต้องไต่นานกว่าและเหนื่อยกว่าคนอื่น
บางคนถอดใจล้มเลิก แต่การหยุดอยู่กับที่ในหลายสถานการณ์ อาจมีอันตรายกว่าเดินหน้า เพราะหยุดคือตาย
และในเมื่อหยุดก็ตาย ทำไมไม่ลองปีนป่ายต่อไป? ลองกัดฟันลุยหน้าต่อไป ก็มีโอกาสเดินหน้าไปจนถึงแอ่งน้ำเบื้องบน
โลกเปลี่ยนไป การแข่งขันหนักหน่วงขึ้น เราอาจพบว่าเราต้องเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เพราะต่อให้อยู่เฉย ๆ กระแสเชี่ยวกรากของความเปลี่ยนแปลงก็จะซัดเราตกลงไป
ในการปีนป่ายภูผาแห่งชีวิต ความสำเร็จถูกกำหนดด้วยความอึด ความอดทน การปรับตัว และหัวใจสู้เต็มร้อย บางครั้งบางช่วงการเดินทางอาจจะช้า ไปได้ทีละนิ้ว ทีละคืบ แต่หากไม่หยุด ก็มีโอกาสไปแตะสวรรค์
ชีวิตคือการเดินทางไกล แต่เนื่องจากเป็นระยะทางไกลและกินเวลานาน จึงเปิดโอกาสให้เราปรับตัว ปรับแต่งเครื่องมือและเพิ่มอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เหมาะกับการเดินทาง คนที่ปรับตัวได้ดีคือคนที่มีโอกาสไปถึงจุดหมาย
อุปกรณ์เสริมของเราคือความรู้ ทักษะ การมองการณ์ไกล การคาดคะเน การวิเคราะห์ การเรียนรู้จากความผิดพลาดและไม่ซ้ำรอยมัน
โอกาสของแต่ละคนไม่เท่ากัน เด็กด้อยโอกาสจำนวนหลายร้อยล้านคนทั่วโลกไม่มีเครื่องมือพื้นฐานที่เรียกว่าการศึกษา ไม่มีเงิน แต่คนไม่น้อยก็มีความอุตสาหะดิ้นรนปีนเขาก้าวพ้นชีวิตยากจน จนถึงจุดหมาย
ที่น่าเศร้าก็คือ คนบางคนเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อม มีเครื่องมือที่เรียกว่าการศึกษา มีอุปกรณ์เสริมมากมาย แต่กลับไม่ยอมปีนป่าย จะรอคนแบกขึ้นไปอย่างเดียว อย่างนี้ก็ต้องอายปลาปีนเขา!
ปราชญ์โบราณว่า อยากได้ผลไม้ ก็ต้องปีนต้นไม้ หรือลงมือเด็ดเอง อยากประสบความสำเร็จ ก็ต้องลงแรง อยากก้าวพ้นความลำบาก ก็ต้องยอมลำบากก่อน
ไม่มีอะไรดี ๆ ที่ได้มาง่าย ๆ อย่าคาดหวังให้ใครแบกเราขึ้นเขา ปีนขึ้นสู่แอ่งน้ำแห่งสวรรค์ด้วยตนเองแน่นอนกว่า
วินทร์ เลียววาริณ
4 สิงหาคม 2568....................
จากหนังสือ ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว
31 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 6.1 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วเล่มเดี่ยว https://www.winbookclub.com/store/detail/137/ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว
โปรโมชั่นพิเศษชุด https://www.winbookclub.com/store/detail/235/R4%20%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%204
1- แชร์
- 18
-
เช้าวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ตื่นมาเห็นโพสต์ Telegram ของ Dmitry Medvedev รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ผู้เคยเป็นประธานาธิบดีช่วงหนึ่ง คั่นจังหวะให้ท่านปูติน ข้อความของ Medvedev ตอบโต้ข้อความของท่านทรัมป์ ที่ขีดเส้นตายให้รัสเซียยอมทำตามภายใน 10-12 วัน
Medvedev เขียนว่ารัสเซียไม่ใช่อิหร่านนะโว้ย คุณตั้ม อย่ามาขู่ ยุ่งนักเดี๋ยวคุณตั้มจะเจอฝ่ามือมรณะหรอก
คำว่าฝ่ามือมรณะไม่ได้เขียนมาเข้าบรรยากาศนิยายกำลังภายในตอนนี้ มันเป็นคำจริงๆ คือ Dead Hand
Medvedev มักทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ปูติน คล้ายๆ นักการเมืองหลายคนในบ้านเรา ที่พิทักษ์เจ้านายสุดกำลัง
Dead Hand คือระบบการยิงขีปนาวุธที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยังเป็นโซเวียต หลักการคือหากเครื่องอ่านว่ามีภัยคุกคาม หรือฝ่ายตรงข้ามสังหารประธานาธิบดีทั้งคณะ Dead Hand จะส่งขีปนาวุธไปทำลายฝ่ายศัตรูทันที
ต่อให้ประธานาธิบดีรัสเซียสิ้นชีวิตกะทันหัน ฝ่ามือมรณะก็ยังทำงาน
พออ่านถึงคำว่าฝ่ามือมรณะ คุณตั้มก็ร้องจ๊าก สั่งให้ลิ่วล้อส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธปรมาณูสองลำ ไปที่น่านน้ำเหมาะสม (ใช้คำว่า appropriate regions) พร้อมจะถล่มรัสเซีย
"ซ่านักใช่มั้ย ติน"
ตินบอก "ไม่กลัวว่ะ ตั้ม"
เอาละ ตอนนี้ไม่รู้คุณตั้มหายซ่าแล้วยัง แต่โลกก็เฉียดใกล้สงครามนิวเคลียร์อีกครั้ง
เฮ้อ! โชคดีนะที่อังเคิลไม่ไปขู่พี่ตั้มอย่างนี้ มีหวังโดนฝ่ามือมรณะจริงๆ ตบเข้าให้สักฉาด
วินทร์ เลียววาริณ
4-8-250 วันที่ผ่านมา -
ขอแจ้งข่าวให้ทราบว่า ผมตัดสินใจพิมพ์จริงนิยายชุด สี่ภพ (เป่ย หนาน ตง ซี)
หลังจากทำ pre-order มาสามวัน แม้ยอดจองยังไม่บรรลุเป้า แต่มีศักยภาพว่าจะไม่ขาดทุน
รอบก่อนเสี่ยงกว่านี้ ยอดสั่งจอง คดีเปลนม ไม่ถึง แต่ก็พิมพ์
ก็ขอเสี่ยงพิมพ์ สี่ภพ แล้วไปตายดาบหน้า
ดังนั้นท่านที่ไม่แน่ใจว่าจะพิมพ์จริงหรือไม่ ก็หายห่วงได้ พิมพ์จริงแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผมยังส่งอาร์ตเวิร์กเข้าโรงพิมพ์ไม่ได้ ต้องรอยอดบริจาคห้องสมุดก่อน
ดังนั้นจึงขอขีดเส้นตายสำหรับผู้ต้องการเข้าร่วมโครงการเติมหัวใจใส่ห้องสมุด เป็นวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
'เส้นตาย' หมายถึงโอนเงินเรียบร้อยนะครับ ถ้าโอนมาหลังจากนั้น จะนำไปใช้ในเล่มต่อไป อาจเป็นปีหน้า หรือไม่ก็คืนเงินให้
พอได้ยอดบริจาคชัดเจน ก็จะใส่ชื่อผู้บริจาคในหนังสือ ก่อนจะส่งโรงพิมพ์ได้ ทุกคนที่บริจาคจะได้รับใบตอบรับจากกระทรวงศึกษาธิการ หลังจากส่งหนังสือเข้าห้องสมุดแล้ว
วินทร์ เลียววาริณ
3 สิงหาคม 2568ป.ล. ช่วงนี้อาจต้องโฆษณาขายยาถี่หน่อย เพราะยังไม่อยากกินแกลบ โปรด see heart
คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
1 วันที่ผ่านมา -
ผมไม่ได้โพสต์เรื่องกรณีพิพาทไทย-กัมพูชามาหลายวัน ไม่ใช่เพราะยุ่งเกินไป
ตรงกันข้าม ได้คิด ได้เขียน ได้ทำภาพ 'เสียด-colour' และ 'dak-done' ไว้ แต่ตัดสินใจไม่โพสต์ดีกว่า หลายไอเดียแรงไป
กลัวอังเคิลส่งมือปืนมายิง
เวลาเห็นข่าวอะไรที่ทำให้หงุดหงิด เช่น ผู้มีอำนาจไม่ทำงาน หรือเจอพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ สมองจะคิดไอเดียด่าคนทันที
นิสัยไม่ดี อย่าเอาอย่างนะ
ตอนที่ทำก็รู้สึกดี แต่เมื่ออารมณ์หงุดหงิดตกตะกอน ก็มักจะล้มเลิกความคิดที่จะโพสต์
พระว่าถูกหมากัด ถ้าลงไปกัดกับมัน เราก็จะกลายเป็นหมาไปด้วย
ต้องหวดด้วยไม้เรียวแรงๆ
แต่มองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นไม้เรียว ไม่รู้ใครยืมไป
วินทร์ เลียววาริณ
3-8-251 วันที่ผ่านมา -
ราวสองสัปดาห์ก่อน ตอนที่เอา สี่ภพ ฉบับตัวอย่างให้ซือแป๋ น. นพรัตน์ ดู ซือแป๋อุทานว่า มันคุ้นตามาก เหมือนหนังสือยุคโบราณ
จึงตอบว่าตั้งใจจะสร้างงานแบบเรโทร แก่แล้ว ทำอะไรก็มักมีอาการโหยหาอดีต (nostalgia)
หนังสือกำลังภายในสมัยนั้นเป็นปกแข็ง ขนาดประมาณ 13.5 x 18.5 ซม. ก็เล็กกว่าหนังสือปกติของผมหน่อย (14.5 x 21 ซม.)
การจัดหน้าในสมัยนั้นใช้ตัวพิมพ์ตะกั่ว ตัวหนังสือมีอยู่ไม่กี่แบบ ช่องไฟใหญ่
จุดหนึ่งที่น่าสังเกตคือ ประโยคคำพูดมักขึ้นย่อหน้าใหม่เสมอ อาจเพราะการเรียงพิมพ์สมัยนั้นยังใช้ตัวตะกั่ว ย่อหน้าบ่อย ๆ ทำให้บรรทัดสั้นลง อาจเพราะการตัดบรรทัดทำถี่ ๆ เพื่อให้ได้จำนวนบรรทัดเยอะ และทำให้หนังสือหนา จะได้ขายได้ราคาขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติในยุคนั้น (แม้ในยุคนี้ก็ยังทำกัน)
การจัดหน้าของหนังสือชุดนี้ใช้หนังสือในยุคนั้นเป็นต้นแบบ ขนาดหนังสือก็เท่ากัน (เล็กกว่าขนาดหนังสือปกติของผมหน่อย)
มันเป็นงานศิลปะการพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นเมื่อผมออกแบบปกและจัดหน้า ผมก็ใช้งาน ๕๐ ปีก่อนเป็นต้นแบบ เลขหน้า ชื่อเรื่อง ชื่อคนแปลอยู่ด้านบน ชื่อบทเป็นตัวหนา เริ่มบทตรงกลางหน้า
เอ้า! เรื่องเขียนดีหรือเปล่าไม่รู้ แต่รู้แน่ๆ ว่าหน้าตามันเหมือนของเก่า
ขายดีไซน์ไว้ก่อน!
วินทร์ เลียววาริณ
3-8-25อ่านรายละเอียดงานชุดนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1348523389969682&set=a.208269707328395
pre-order คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
1 วันที่ผ่านมา -
กระบวนการไปสู่การรู้แจ้งของเซนนั้นอาจแบ่งออกเป็นสามทางคือ เวิ่นต๋า (การถามตอบอย่างฉับพลัน), ซานเซน (ปริศนาธรรมโกอาน) และซาเซน (การนั่งสมาธิ)
เวิ่นต๋าเป็นการรู้แจ้งโดยผ่านการสนทนาถามตอบกัน (เวิ่นต๋า - 問答) แนวทางนี้ก็คล้ายการปฏิบัตินั่งสมาธิ แต่เป็นการถามตอบอย่างฉับพลันโดยไม่ต้องคิดนาน เพราะยิ่งคิดนานยิ่งปรุงแต่งมาก
การคิดแบบเวิ่นต๋าไม่ต้องปรุงแต่งเหตุผลใด ๆ เป็นการใช้ปริศนาธรรมในการบรรลุซาโตริเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
ถาม : อะไรคือพุทธะ?
ตอบ : ป่านนี้หนักสามตำลึงถาม : ทำไมพระโพธิธรรมจึงมาจากตะวันตก?
ตอบ : ต้นสนในสวน
คำตอบแบบนี้มักทำให้ผู้ศึกษาเซนอึ้งใบ้รับประทาน และอาจต้องขบคิดนานเป็นปี ๆ กว่าจะเข้าใจ หากอ่านระหว่างบรรทัดให้ดีจะพบว่า บ่อยครั้งคำตอบของบางเรื่องเป็นการ 'เบรก' ความคิดของศิษย์ที่วิ่งไปผิดทิศ
พระสังฆปริณายกองค์ที่หกแห่งจีน ฮุ่ยเหนิง สั่งสอนเรื่องเวิ่นต๋าว่า "ถ้าใครคนหนึ่งถามเจ้าเรื่องการเป็นอยู่ (being) จงตอบด้วยเรื่องความไม่เป็นอยู่ ถ้าเขาถามเรื่องความไม่เป็นอยู่ จงตอบด้วยเรื่องความเป็นอยู่ ถ้าเขาถามเรื่องสามัญชน จงตอบด้วยเรื่องของปราชญ์ ถ้าเขาถามเรื่องปราชญ์ จงตอบด้วยเรื่องของสามัญชน ด้วยวิธีแห่งทวิลักษณ์นี้จะทำให้เข้าใจเรื่องทางสายกลาง ทุก ๆ คำถามที่ได้รับ จงตอบด้วยสิ่งตรงข้าม"
และนี่ก็เป็นหลักที่เซนใช้มาโดยตลอด นั่นคือตอบแบบไม่ตอบและบ่อยครั้งเข้าข่าย 'กวนตีน' ทว่ามีแต่คำตอบ 'กวนตีน' แบบนี้จึงสามารถ'กวนสมอง' ให้เข้าใจและมองทะลุ
สัปดาห์หน้า เราค่อยมาว่าถึงซานเซน (sanzen / 參禪)
วินทร์ เลียววาริณ
3-8-25
.............................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วมังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6
1 วันที่ผ่านมา