-
วินทร์ เลียววาริณ0 วันที่ผ่านมา
นวนิยาย สี่ภพ แม้เป็นเรื่องกำลังภายใน แต่อิงประวัติศาสตร์
ก็เดินตามรอยท่านปรมาจารย์กิมย้ง คืออิงนิยายกับฉากเหตุการณ์จริง
เรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์สองท่อน คือยุคท่านตั๊กม้อกับยุค กุบไล ข่าน ระยะห่างกัน 800 ปี
ยุคท่านตั๊กม้อเล่นประวัติของวัดเส้าหลิน เซน
ส่วนยุค กุบไล ข่าน เล่นประวัติศาสตร์ของมองโกล การแตกหน่อชิงอำนาจของลูกหลาน เจ็งกิส ข่าน ที่โยงไปถึงซ่งใต้ (ฮั่น) โครยอ (เกาหลี) ญี่ปุ่น และภาคตะวันตกคือก๊กอิลข่าน เปอร์เซีย
แน่นอนต้องรวมฉากสงครามแบกแดด ยุทธนาวีกับญี่ปุ่น ยุทธนาวีซ่งใต้
แค่รีเสิร์ชทั้งหมดนี้ก็แทบตายแล้ว
นี่คือส่วนของประวัติศาสตร์
ในส่วนวิทยายุทธ์ต่างๆ นั้นออกแบบให้อิงกับคอนเส็ปต์หลัก เกี่ยวข้องกับจักรวาล
ถึงจะยาก แต่การเขียนก็เป็นไปด้วยดี จนวันหนึ่งผมวางพล็อตวิชาหนึ่งที่เกี่ยวกับหลุมดำ ผู้สำเร็จวิชานี้มีพลังดูด เรียกว่าวิชาตะวันดำ
สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน Cosmology 101 หลุมดำก็คือดวงอาทิตย์ที่ดูดเข้าหาตัวเอง
ดังนั้นตั้งชื่อว่า 'ตะวันดำ' ก็มีเหตุผล
เขียนเสร็จแล้วนึกขึ้นมาได้ว่า กิมย้งก็เคยเขียนถึงยอดวิชาดูดดาวในเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร สามารถดูดลมปราณจากคู่ต่อสู้
งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ
สาบานว่าไม่ได้ลอก พล็อตมาจากคอนเส็ปต์หลักของเรื่อง (จักรวาล) จริงๆ
นี่ไม่ใช่จุดเดียว หลายซับพล็อตคิดมาแล้ว นึกได้ว่ากิมย้งเคยเขียนมาแล้ว
ก็ได้แต่ถอนใจ เพราะไม่ว่าจะคิดพล็อตพิสดารอะไร ก็พบว่าปรมาจารย์กิมย้งคิดมาก่อนแล้ว!
ซือแป๋ท่านกวาดพล็อตหมดจากยุทธจักรเลยจริงๆ มิน่าล่ะ เขียนแค่ 15 เรื่องก็เลิก
งานชิ้นนี้จึงเป็นงานบูชาครูมากกว่า เป็น nostalgia work
วินทร์ เลียววาริณ
5-8-25(ภาพประกอบไม่ทราบชื่อจิตรกร)
อ่านรายละเอียดงานชุดนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1348523389969682&set=a.208269707328395
ตอนนี้พิมพ์จริงแล้ว
สั่งซื้อ คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
ในหน้า pre-order สามารถคลิกอ่านตัวอย่าง 2 บทได้ฟรี
1- แชร์
- 14
-
เมื่อวานนี้พูดเรื่อง Dead hand และสงครามนิวเคลียร์ ทำให้นึกถึงเรื่องสั้นไซไฟเรื่องหนึ่งที่ผมเขียนมานานแล้ว เรื่องนี้ยาวมาก คัดมาให้อ่านบางท่อน
................................
17 มกราคม 2208
เกนนี มาเกน กำลังยืนกลางพื้นที่ว่างเปล่า
ความอึดอัดในที่คับแคบทำให้เขาแอบย่องออกจากอุโมงค์ขึ้นไปข้างบน กลิ่นควันที่พุ่งเข้ามาปะทะทำให้เขาสำลักครู่หนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ลมหายใจของเขาชะงักค้างก็คือภาพที่เห็นเบื้องหน้า
เบื้องหน้าคือเส้นขอบฟ้าและดวงอาทิตย์ขมุกขมัวยามเช้า เขาขมวดคิ้ว จำได้ว่าชาวิชบอกเขาว่าบริษัทอาฟเตอร์ไลฟ์ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่เขามองไม่เห็นอาคารใด ๆ สักหลังเดียว รวมทั้งตัวโรงพยาบาล เบื้องหน้าคือซากปรักหักพังของเมือง ยานพาหนะ รัศมีการทำลายล้างแผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา
ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก้าวมาจากด้านหลัง
ชาวิช
เกนนี มาเกน พึมพำ "นี่คือสงครามอะไร? ทำไมรุนแรงเช่นนี้?"
"กลับลงไปข้างล่างเถอะ พื้นที่ข้างบนนี้อยู่ไม่ได้ มันปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี"
เสียงของเขาแหบแห้ง "นี่คือสงครามโลก?"
"ใช่"
"สงครามโลกครั้งที่สาม?"
"สงครามโลกครั้งที่ห้าต่างหาก"
เขาสะดุ้ง พึมพำ "153 ปีกับสงครามโลกห้าครั้ง!"
"153 ปีกับสงครามโลกห้าครั้ง และสงครามย่อย ๆ อีก 9,267 ครั้ง"
เขางันไป
"ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ นี่อาจเป็นโลกที่ผิดจากที่คุณคาดไว้ตอนแช่แข็ง"
"คุณไม่น่ากู้ชีพผมขึ้นมาเลย"
"เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องทำ คุณเป็นรายสุดท้ายที่เราปลุกให้ฟื้นคืนชีพจากการแช่แข็ง แหล่งพลังงานหลักบริเวณที่ตั้งของโรงพยาบาลถูกทำลาย เราอยู่ได้ด้วยพลังงานสำรองที่มีเวลาเพียง 48 ชั่วโมง เราต้องสะสางงานทั้งหลายก่อนที่เครื่องจักรรักษาชีพของมนุษย์แช่แข็งจะหยุดทำงานอย่างถาวร หากไม่ปลุกคุณ คุณก็จะตายไปตลอดกาล เราต้องทำ คุณเป็นลูกค้ารายใหญ่ของอาฟเตอร์ไลฟ์"
..............................
เกนนี มาเกน ผ่านชีวิตในอุโมงค์นานสามเดือนแล้ว พวกเขาอยู่ด้วยอาหารเม็ด ทุกวันมีคนตายวันละคนสองคนเพราะพิษรังสีที่รั่วซึมลงมา แต่ถึงกระนั้นอุโมงค์แห่งนี้ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ยังปลอดภัยจากรังสีปรมาณูสำหรับมนุษย์ผู้ที่ยังไม่ได้ทำการแต่งยีนต้านรังสี อย่างน้อยที่สุดใต้ดินก็เป็นสถานที่อบอุ่นกว่านรกบนดิน
เขาถาม "สงครามโลกครั้งที่สามเกิดเมื่อไหร่?"
ชาวิชว่า "สงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นในปี 2058 เป็นการรบด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เสียหายไปครึ่งโลก ต้องใช้เวลากว่าห้าสิบปีจึงฟื้นฟูทุกอย่างกลับมาสู่สภาพเดิม โชคดีที่วิทยาการทั้งหลายไม่ได้สูญหายไปเพราะสงคราม"
"มีคนตายเท่าไหร่?"
"สงครามโลกครั้งที่สามฆ่าคนตายไปสองพันล้านคน สงครามโลกครั้งที่สี่ร่วมสามพันล้านคน ส่วนสงครามโลกครั้งที่ห้าหรือครั้งนี้ ผมคาดว่าประชากรอาจตายเกือบหมดโลก จากข้อมูลที่ผมดักฟังจากคลื่นวิทยุ ตอนนี้ส่วนหนึ่งของทวีปอเมริกาและยุโรปหายไปจากผืนโลกแล้วอย่างถาวร"
"อะไรคือสาเหตุของสงครามครั้งนี้?"
"ก็เหมือนสาเหตุของสงครามทุกครั้ง เรื่องเดิม ๆ ของมนุษย์ นี่เองที่ทำให้ผมไม่เคยเข้าใจมนุษย์ หลังสงครามโลกครั้งที่สาม ชาวโลกก็คุยกันเรื่องการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ แต่ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบปี แต่ละชาติก็ครอบครองอาวุธปรมาณูมากกว่าเดิม งบประมาณก้อนใหญ่ของแต่ละชาติยังคงเป็นการพัฒนาอาวุธ สงครามโลกครั้งที่สี่เกิดขึ้นสามสิบปีหลังสงครามโลกครั้งที่สาม ตามมาด้วยครั้งที่สี่และครั้งที่ห้า ราวกับว่าพวกมนุษย์ไม่มีความสามารถเรียนรู้จากบทเรียนเดิม"
เขาเห็นรอยยิ้มแรกของชาวิช
"ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณกำลังคิดว่าผมไม่ควรกู้ชีวิตคุณคืนมา"
"ช่างมันเถอะ ถึงตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว"
........................
ท่อนหนึ่งจากนิยาย มนุษย์แช่แข็ง ในชุด ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย
(หนังสือหมดไปนานแล้ว เหลือแต่อีบุ๊ค)
https://www.winbookclub.com/store/detail/66/ยามดึกนึกหนาวหนาว%20เขนยแนบ%20แอบเอย0 วันที่ผ่านมา -
ไม่มีสิ่งดีใด ๆ ได้มาโดยไม่ต้องออกแรง ความเหนื่อย ความลำบากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
การเรียนหนังสือนั้นลำบาก เพราะถ้าไม่ลำบาก ก็เรียนไม่สำเร็จ ถ้าเลิกก็ไม่มีอนาคต
การนวดแป้งทำขนมปังลำบาก ปวดเมื่อย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำขนมปัง
การไปฝึกรักษาดินแดน (ร.ด.) ที่เขาชนไก่ ก็เหนื่อยโหด แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกร่างกาย เพื่อทำให้รู้รสชาติของการทำหน้าที่ป้องกันประเทศ หากวันนั้นมาถึง
ในโลกของความจริง เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ ไปทำงานในโลกข้างนอก จะพบว่างานมากมายมีลักษณะแบบ ‘ทรมาน ถูกบังคับ’ หากไม่ยอมรับกติกานี้ ก็ทำงานไม่สำเร็จ หรืออาจไม่เหลืองานใดในโลกให้ทำ
งานจำนวนมากต้องทำงานโต้รุ่ง ต้องทนง่วง ต้องอดทน ไม่งั้นก็ไม่ได้งาน
นานปีมาแล้ว เจมส์ คาเมรอน สร้างหนังเรื่อง Titanic นักแสดงและทีมงานต้องแช่น้ำเป็นวัน ๆ เขาจึงบังคับให้นักแสดงสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าห้องน้ำ มันเป็นความโหดของงานที่ไม่มีใครคาดถึงในตอนแรก แต่ก็ต้องทำ
หากเราใช้วิธีคิดว่า อะไรที่ลำบากให้เลิกเสีย เราคงต้องเลิกเกือบทุกกิจกรรมในชีวิต อีกประการ ความลำบากก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง สมัยก่อนคนจีนโพ้นทะเลทำงานหนัก ก็ไม่บ่น เพราะรู้ว่าความลำบากทำให้เขาลืมตาอ้าปากได้
นี่เป็นเรื่องการปลูกฝังทัศนคติ
ถ้าชีวิตนี้จะไม่ทนรับความลำบากเลย ต่อไปเมื่อพ่อแม่ชราป่วยเป็นอัมพาต ต้องเช็ดตัวป้อนข้าวให้ทุกวัน ลำบากกว่าการเรียนร้อยเท่า ก็จะไม่ทำหรือ
ชีวิตเป็นส่วนผสมของหลายองค์ประกอบ ความสุขกับความทุกข์ ความดีใจกับเสียใจ ความลำบากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราแกร่งขึ้น และหากเราเข้าใจและยอมรับ มันก็เป็นทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิตไปจนตลอดชีวิต
วินทร์ เลียววาริณ
5-8-25 จาก กอดหนาม
51 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 260 บาท = บทความละ 5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/241/กอดหนาม
โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20กอดหนาม%20+%20ปฎิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์%20+%20Mini%20Tao
Shopee เดี่ยว https://s.shopee.co.th/qUBWxp70F
0 วันที่ผ่านมา -
ไม่มีสิ่งดีใด ๆ ได้มาโดยไม่ต้องออกแรง ความเหนื่อย ความลำบากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
การเรียนหนังสือนั้นลำบาก เพราะถ้าไม่ลำบาก ก็เรียนไม่สำเร็จ ถ้าเลิกก็ไม่มีอนาคต
การนวดแป้งทำขนมปังลำบาก ปวดเมื่อย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำขนมปัง
การไปฝึกรักษาดินแดน (ร.ด.) ที่เขาชนไก่ ก็เหนื่อยโหด แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกร่างกาย เพื่อทำให้รู้รสชาติของการทำหน้าที่ป้องกันประเทศ หากวันนั้นมาถึง
ในโลกของความจริง เมื่อเด็กโตเป็นผู้ใหญ่ ไปทำงานในโลกข้างนอก จะพบว่างานมากมายมีลักษณะแบบ ‘ทรมาน ถูกบังคับ’ หากไม่ยอมรับกติกานี้ ก็ทำงานไม่สำเร็จ หรืออาจไม่เหลืองานใดในโลกให้ทำ
งานจำนวนมากต้องทำงานโต้รุ่ง ต้องทนง่วง ต้องอดทน ไม่งั้นก็ไม่ได้งาน
นานปีมาแล้ว เจมส์ คาเมรอน สร้างหนังเรื่อง Titanic นักแสดงและทีมงานต้องแช่น้ำเป็นวัน ๆ เขาจึงบังคับให้นักแสดงสวมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้าห้องน้ำ มันเป็นความโหดของงานที่ไม่มีใครคาดถึงในตอนแรก แต่ก็ต้องทำ
หากเราใช้วิธีคิดว่า อะไรที่ลำบากให้เลิกเสีย เราคงต้องเลิกเกือบทุกกิจกรรมในชีวิต อีกประการ ความลำบากก็เป็นเรื่องนานาจิตตัง สมัยก่อนคนจีนโพ้นทะเลทำงานหนัก ก็ไม่บ่น เพราะรู้ว่าความลำบากทำให้เขาลืมตาอ้าปากได้
นี่เป็นเรื่องการปลูกฝังทัศนคติ
ถ้าชีวิตนี้จะไม่ทนรับความลำบากเลย ต่อไปเมื่อพ่อแม่ชราป่วยเป็นอัมพาต ต้องเช็ดตัวป้อนข้าวให้ทุกวัน ลำบากกว่าการเรียนร้อยเท่า ก็จะไม่ทำหรือ
ชีวิตเป็นส่วนผสมของหลายองค์ประกอบ ความสุขกับความทุกข์ ความดีใจกับเสียใจ ความลำบากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราแกร่งขึ้น และหากเราเข้าใจและยอมรับ มันก็เป็นทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิตไปจนตลอดชีวิต
วินทร์ เลียววาริณ
5-8-25 จาก กอดหนาม
51 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 260 บาท = บทความละ 5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/241/กอดหนาม
โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น https://www.winbookclub.com/store/detail/243/%28S11%29%20กอดหนาม%20+%20ปฎิบัติการผ่าสมองไอน์สไตน์%20+%20Mini%20Tao
Shopee เดี่ยว https://s.shopee.co.th/qUBWxp70F
0 วันที่ผ่านมา -
บางคนสงสัยว่าทำไมไม่ใช้ชื่อ เป่ย หนาน ตง ซี ที่ตั้งไว้ตอนแรก และการเรียงชื่อ เป่ย หนาน ตง ซี ก็ผิดหลักภาษาจีน ที่ถูกคือ ตง ซี หนาน เป่ย
วันนี้จะอธิบายให้ฟัง
จุดนี้ทำไม่ได้เพราะเรื่องที่เขียนจริงต่างจากโครงเรื่องที่อำไว้
ประการแรก มันไม่ได้มีแค่ภาค เป่ย หนาน ตง ซี มันมีภาค 5 (เทียน) เพ่ิมเข้ามา
เทียนก็คือสวรรค์ คล้ายๆ ภาคสวรรค์ในเรื่อง กามนิต
ประการที่สอง ในเรื่องที่แต่งจริง เป่ย หนาน ตง ซี ไม่ได้เป็นแค่ชื่อทิศ มันยังเป็นชื่อภพและชื่อวิชาด้วย
เป่ย หนาน ตง ซี จึงเป็นแค่ working title แต่ก็ใช้เป็นชื่อภาค
.........................
มีคนถามอีกเช่นกันว่า มีฉากตกเหวไหม
ตอบว่ามี ต้องมีครับ ฉากตกเหวเป็นองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของนิยายกำลังภายใน เช่นเดียวกับโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อ เสียงหัวเราะเคี้ยกเคี้ยก ฯลฯ
แต่เหวในเรื่องนี้จะมีความเป็นไซไฟซ่อนอยู่
เล่ามากกว่านี้ไม่ได้ เดี๋ยวไม่ซื้อ เอ๊ย! เดี๋ยวเดาทางได้
ผมจะไม่เผยคอนเส็ปต์หลักของเรื่องเลย ไปเซอร์ไพรซ์ในภาค 5 (เทียน) และค่อนข้างมั่นใจว่าอ่านถึงภาค 4 แล้ว ผู้อ่านยังไม่น่าจะเดาทางได้ เพราะองค์ประกอบหักมุมมาจากข้างนอกเรื่อง
สี่ภพเดินเรื่องคล้ายหนังหลายเรื่องของโนแลน ดูรอบแรกอาจงงนิดๆ บังคับให้ดูรอบสอง
นิยายจีนกำลังภายในเรื่องนี้ ภาค 1 อ่านง่าย เหมือนนิยายกำลังภายในทั่วไป พอจบภาค 1 ก็เริ่มจะงงแล้ว เพราะมันเริ่มมีไซไฟมาเกี่ยวนิดๆ และทวีความไซไฟเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในกรอบของนิยายกำลังภายใน
แล้วเดินเรื่องต่อไปจนถึงท้ายภาค 5 ก็จะเป็นไซไฟเต็มที่
จบแล้วจึงต้องอ่านเล่ม 6 "บันทึกสี่ภพ" เล่าหลักการทางวิทยาศาสตร์ของเรื่อง (รวมทั้งเบื้องหลังการทำงาน) การออกแบบยานอวกาศ เรื่อง virtual reality มิติ รูหนอน ซูเปอร์โนวา ฯลฯ เหล่านี้จะเล่าว่าเชื่อมกับวิทยายุทธ์อย่างไร
หลังจากนั้นก็จะเข้าใจหมด
วินทร์ เลียววาริณ
4-8-25อ่านรายละเอียดงานชุดนี้ได้ที่ https://www.facebook.com/photo/?fbid=1348523389969682&set=a.208269707328395
ตอนนี้พิมพ์จริงแล้ว สั่งซื้อ คลิก https://www.winbookclub.com/store/detail/254/4%20%E0%B8%A0%E0%B8%9E
ในหน้า pre-order สามารถคลิกอ่านตัวอย่าง 2 บทได้ฟรี
1 วันที่ผ่านมา -
เช้าวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ตื่นมาเห็นโพสต์ Telegram ของ Dmitry Medvedev รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย ผู้เคยเป็นประธานาธิบดีช่วงหนึ่ง คั่นจังหวะให้ท่านปูติน ข้อความของ Medvedev ตอบโต้ข้อความของท่านทรัมป์ ที่ขีดเส้นตายให้รัสเซียยอมทำตามภายใน 10-12 วัน
Medvedev เขียนว่ารัสเซียไม่ใช่อิหร่านนะโว้ย คุณตั้ม อย่ามาขู่ ยุ่งนักเดี๋ยวคุณตั้มจะเจอฝ่ามือมรณะหรอก
คำว่าฝ่ามือมรณะไม่ได้เขียนมาเข้าบรรยากาศนิยายกำลังภายในตอนนี้ มันเป็นคำจริงๆ คือ Dead Hand
Medvedev มักทำหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์ปูติน คล้ายๆ นักการเมืองหลายคนในบ้านเรา ที่พิทักษ์เจ้านายสุดกำลัง
Dead Hand คือระบบการยิงขีปนาวุธที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยังเป็นโซเวียต หลักการคือหากเครื่องอ่านว่ามีภัยคุกคาม หรือฝ่ายตรงข้ามสังหารประธานาธิบดีทั้งคณะ Dead Hand จะส่งขีปนาวุธไปทำลายฝ่ายศัตรูทันที
ต่อให้ประธานาธิบดีรัสเซียสิ้นชีวิตกะทันหัน ฝ่ามือมรณะก็ยังทำงาน
พออ่านถึงคำว่าฝ่ามือมรณะ คุณตั้มก็ร้องจ๊าก สั่งให้ลิ่วล้อส่งเรือดำน้ำติดขีปนาวุธปรมาณูสองลำ ไปที่น่านน้ำเหมาะสม (ใช้คำว่า appropriate regions) พร้อมจะถล่มรัสเซีย
"ซ่านักใช่มั้ย ติน"
ตินบอก "ไม่กลัวว่ะ ตั้ม"
เอาละ ตอนนี้ไม่รู้คุณตั้มหายซ่าแล้วยัง แต่โลกก็เฉียดใกล้สงครามนิวเคลียร์อีกครั้ง
เฮ้อ! โชคดีนะที่อังเคิลไม่ไปขู่พี่ตั้มอย่างนี้ มีหวังโดนฝ่ามือมรณะจริงๆ ตบเข้าให้สักฉาด
วินทร์ เลียววาริณ
4-8-251 วันที่ผ่านมา