• วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    คนไทยจำนวนมากกลัวอำนาจของเจ้ากรรมนายเวร เชื่อว่าเจ้ากรรมนายเวรเป็นอำนาจลึกลับที่ทำให้คนคนหนึ่งเคราะห์ร้าย

    ความคิดเรื่องเจ้ากรรมนายเวร อาจจะเกิดขึ้นเพื่อขู่หรือปรามการทำชั่ว โดยหลักว่าเจ้ากรรมนายเวรคือผู้เคยมีเวรมีกรรมกับเราในชาติก่อน และส่งผลข้ามชาติมาถึงเราในชาตินี้ได้ ทำให้เราไม่กล้าทำชั่ว เมื่อทำบุญ ก็อุทิศส่วนบุญไปให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย แต่มันกลายเป็นความกลัวผลของกรรมเก่า

    คนไทยใช้คำ ‘เทวดา’ คู่กับ ‘เจ้ากรรมนายเวร’

    เทวดามีฤทธิ์บวก บันดาลสิ่งดี ๆ เจ้ากรรมนายเวรมีฤทธิ์ลบ บันดาลเคราะห์ร้าย

    เรามีความเชื่อสะสมต่อเนื่องมาว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าดีหรือไม่ดี เป็นผลจากกรรมที่ได้ทำไว้ในชาติก่อน หรือ ‘กรรมเก่า’

    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เขียนในหนังสือ เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม ว่า เราใช้คำว่ากรรมในความหมายที่คลาดเคลื่อนมาตลอด กลายเป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตแบบ “แล้วแต่บุญแต่กรรม”

    มันเริ่มที่เราใช้คำในความหมายเพี้ยน

    เราใช้คำว่า บุญและกรรมคู่กัน เป็นขั้วตรงข้ามกัน

    บุญเป็นเรื่องดี กรรมเป็นเรื่องร้าย

    นี่เป็นการใช้คำที่ผิดความหมายอย่างมโหฬาร

    ความจริงแล้ว กรรม แปลว่า การกระทำ มันเป็นคำกลาง ๆ ไม่บ่งว่าดีหรือเลว ดีก็ได้ ชั่วก็ได้

    เมื่อใช้ผิด ก็เขวกันไปตลอด

    กรรมเป็นการกระทำ เป็นเหตุ (cause) ส่วนผลของกรรมเรียกว่าผล (effect) ทางพุทธเรียกว่า วิบาก

    กรรมจึงไม่ใช่ผล

    ‘กรรมเก่า’ อย่างที่คนจำนวนมากเข้าใจกันก็ไม่ใช่ผล

    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) พูดถึงเรื่องนี้ว่า “จะลองยกข้อความในพระสูตรหนึ่ง ชื่อว่า วาเสฏฐสูตร มาพูดสักนิดหนึ่ง ในพระสูตรนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลเป็นชาวนาก็เพราะกรรม เป็นโจรก็เพราะกรรม เป็นพราหมณ์ก็เพราะกรรม เป็นกษัตริย์ก็เพราะกรรม เป็นปุโรหิตก็เพราะกรรม ฯลฯ เป็นโน่นเป็นนี่ก็เพราะกรรม”

    พระสูตรนี้ไม่ได้หมายถึงว่าชาติก่อนทำกรรมอะไร ทำให้ชาตินี้ต้องเกิดเป็นชาวนา หรือชาติก่อนทำดีอะไร ชาตินี้จึงมาเกิดเป็นกษัตริย์

    “ในพระสูตร คำว่าเป็นชาวนาเพราะกรรม เป็นต้นนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้เองเลยว่า นายคนนี้ เขาดำนา หว่านข้าว ไถนา เขาก็เป็นชาวนา การที่เขาทำนานั่นเอง ก็ทำให้เขาเป็นชาวนา คือเป็นไปตามการกระทำ อันได้แก่อาชีพการงานของเขา อีกคนหนึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดิน เขาก็เป็นปุโรหิตตามอาชีพการงานของเขา ส่วนนายคนนี้ไปลักของเขา ไปปล้นเขาก็กลายเป็นโจร”

    นอกจากทางกายภาพแล้ว พระพุทธองค์ยังทรงสอนให้มองถึงจิตใจด้วย ดังพุทธพจน์ที่ว่า “เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ” (ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม)

    หมายถึงเจตนาคือตัวความคิด คือเจตจำนง และมันก็คือกรรม

    พูดง่าย ๆ ก็คือ หากมองที่เปลือกนอก กรรมก็คืออาชีพ การทำงาน การดำเนินชีวิต หากมองลึกเข้าไปถึงจิตใจ กรรมก็คือเจตนา

    ความเชื่อเรื่องกรรมเก่าแบบนี้มาจากไหน?

    ความเชื่อเรื่องกรรมเก่าเป็นแนวคิดของสามลัทธิเดียรถีย์ ที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า ติตถายตนะ 3

    ลัทธิที่ 1 บุพเพกตวาท สอนว่าคนเราจะสุขจะทุกข์ล้วนเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ชาติก่อน

    ลัทธิที่ 2 อิศวรนิรมิตวาท สอนว่าคนเราจะสุขจะทุกข์ล้วนเป็นเพราะเทพบันดาลให้

    ลัทธิที่ 3 อเหตุวาท สอนว่าคนเราจะสุขจะทุกข์ล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วแต่โชคชะตา ไม่มีเหตุปัจจัย

    พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธสามลัทธินี้ เพราะมันทำให้คนไม่มีฉันทะ ไม่มีความเพียร ไม่คิดจะทำอะไร เพราะเชื่อว่าทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากทุกอย่างถูกควบคุมจากกรรมเก่า เทพ และปัจจัยที่เราคุมไม่ได้

    กรรมเก่าและการแก้กรรมที่เกริ่นมาในตอนต้นจึงไม่ใช่พุทธศาสนาโดยสิ้นเชิง

    มันเป็นแค่ศาสนาผี

    พระไพศาล วิสาโล กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่บอกว่าตนสามารถหยั่งรู้ได้ว่าที่ใครเป็นอย่างนี้ ๆ เพราะทำกรรมอย่างนั้น ๆ ในชาติที่แล้ว จึงสมควรที่จะถูกตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่ารู้จริงแน่หรือ ยิ่งถ้าบอกว่ารู้วิธี ‘แก้กรรม’ ด้วยแล้ว ก็แสดงว่าเขากำลังสอนลัทธินอกพุทธศาสนา เพราะกรรมในอดีตนั้น ไม่มีใครสามารถแก้ได้ มีแต่บรรเทาผลกรรมด้วยการทำกรรมดีในปัจจุบัน หรือนำผลกรรมนั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในทางธรรม คือเป็นเครื่องเตือนใจให้ทำความดี ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท”

    วินทร์ เลียววาริณ
    26-8-25

    บางท่อนจาก หลับถึงชาติหน้า รวมบทความต้านโหราศาสตร์และไสยศาสตร์
    28 บทความ ราคา 220 = บทความละ 7.8 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
    220 บาทนี้จะทำให้คุณประหยัดค่างมงายไปตลอดชีวิต
    หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    https://www.winbookclub.com/store/detail/168/หลับถึงชาติหน้า 

    โปรโมชั่นคู่กับเล่มอื่น คุ้มกว่า https://shope.ee/Vj8bA8a4u?share_channel_code=6 

    0
    • 0 แชร์
    • 20

บทความล่าสุด