• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    (ต่อจาก https://www.facebook.com/photo/?fbid=1316599853162036&set=a.208269707328395)

    คนไทยก็แปลก ทุกครั้งที่บ้านเมืองวุ่นวาย รัฐบาลง่อนแง่น จะมีข่าวลือเรื่องรัฐประหารเสมอ โดยเฉพาะยุค 40 ปีก่อน

    โพสต์ก่อนเล่าถึง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นมามีอำนาจ ส่วนหนึ่งเพราะพวกยังเติร์ก ก็หนีไม่พ้นต้องเล่ารัฐประหารหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้

    เรื่องต่อไปนี้ก็คือรัฐประหารที่โด่งดังที่สุด และจบแบบหักมุม

    เวลาหนึ่งทุ่ม วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ พ.อ. มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อยู่ที่บ้านพักในกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ

    พ.อ. มงคลเป็นนายทหารเสนาธิการ ทำงานใกล้ชิดนายกฯ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ มาตลอด

    เขาได้รับโทรศัพท์จาก พ.ท. ไพโรจน์ พานิชสมัย เสียงดังมาตามสายว่า “พี่หมงรีบมาสี่เสาฯเดี๋ยวนี้”

    ‘สี่เสาฯ’ หมายถึง สี่เสาเทเวศร์ บ้านพักของนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

    พ.อ. มงคลขับรถออกจากบ้านผ่านบ้าน พ.อ. ปรีดี รามสูต ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ ฯ หน้าบ้าน พ.อ. ปรีดีมีรถยนต์จอดเต็ม หน่วยทหารเคลื่อนไหวคึกคัก

    สัญชาตญาณของเขาบอกทันทีว่า เกิดรัฐประหาร

    ข่าวรัฐประหารลอยไปลอยมาอยู่พักใหญ่แล้ว แต่ไม่มีใครถือเป็นเรื่องจริงจัง แม้แต่ พล.ต. ชวลิต ยงใจยุทธ เจ้ากรมยุทธการก็ไม่เชื่อ

    พ.อ. มงคลไปถึงบ้านสี่เสาฯ เห็นรถยนต์จอดหน้าบ้านเต็มไปหมดเช่นกัน ทหารจำนวนหนึ่งคุมพื้นที่ อาวุธพร้อมมือ เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เห็น พล.อ. เปรมคุยกับ พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร สองนายทหารยังเติร์ก

    จึงรู้ในนาทีนั้นว่า กลุ่มยังเติร์กก่อรัฐประหาร

    ................

    ตีสองวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๔ ทหาร ๔๒ กองพันเคลื่อนจากที่ตั้ง เข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ กำลังบางส่วนแยกไปจับตัว พล.อ. เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ท. หาญ ลีนานนท์ พล.ต. วิชาติ ลายถมยา ไปที่หอประชุมกองทัพบก

    มันเป็นรัฐประหารที่ใช้กำลังพลสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เป้าหมายคือโค่นรัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

    กำลังทหารกระจายไปทั่วกรุง ตั้งบังเกอร์ รถถังเตรียมพร้อม

    ผู้ก่อการออกแถลงการณ์ที่ไม่ต่างจากรัฐประหารอื่น ๆ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา และกระบวนการแบบเดิม ๆ คือยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุบสภา

    “เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศทุกด้านกำลังระส่ำระส่ายและทรุดลงอย่างหนัก เพราะความอ่อนแอของผู้บริหารประเทศ พรรคการเมืองแตกแยก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน จึงเป็นจุดอ่อนให้มีคณะบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศเคลื่อนไหว จะใช้กำลังเข้ายึดการปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบเผด็จการถาวร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดของประเทศ คณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน จึงได้ชิงเข้ายึดอำนาจการปกครองของประเทศเสียก่อน”

    ผู้ก่อการคือกลุ่มยังเติร์ก มันจึงเรียกว่ากบฏยังเติร์ก

    หัวหน้าคณะรัฐประหารคือ พล.อ. สัณห์ จิตรปฏิมา รองผู้บัญชาการทหารบก ร่วมกับกองกำลังสำคัญคือ จปร. รุ่น ๗ หรือรุ่นยังเติร์ก ทั้งหมดเป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังต่าง ๆ ในกองทัพบก ได้แก่ พ.อ. มนูญ รูปขจร (ม.พัน.๔ รอ.), พ.อ. ชูพงศ์ มัทวพันธุ์ (ม.๑ รอ.), พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร (ร.๒) พ.อ. ชาญบูรณ์ เพ็ญตระกูล (ร.๓๑ รอ.) พ.อ. แสงศักดิ์ มงคละสิริ (ช.๑ รอ.) พ.อ. บวร งามเกษม (ป.๑๑) พ.อ. สาคร กิจวิริยะ (สห.มทบ.๑๑) พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี (ร.๑๙ พล.๙)

    ยังเติร์กกลุ่มนี้เคย ‘ยึดอำนาจเงียบ’ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ครั้งเมื่อหนุน พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ก็บีบให้ พล.อ. เกรียงศักดิ์ลาออกกลางสภาในปี ๒๕๒๓ แล้วหนุน พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

    หลักคิดอาจเป็นว่า ในเมื่อสามารถสร้าง พล.อ. เปรมเป็นนายกฯได้ ก็สามารถยึดคืนได้!

    ก่อนเหตุการณ์นี้ ในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ กองทัพบกต่ออายุราชการผู้บัญชาการทหารบกให้ พล.อ. เปรมออกไปอีกหนึ่งปี เป็นสถานการณ์เดียวกับที่จอมพลถนอม กิตติขจร ต่ออายุราชการเมื่ออายุครบหกสิบปี

    การต่ออายุราชการของ พล.อ. เปรม สร้างความบาดหมางกับ พล.อ. สัณห์ จิตรปฏิมา ที่ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก หมดสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบก และน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.อ. สัณห์ร่วมกับ จปร. ๗ ก่อการรัฐประหาร ก่อการในคืนวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ เวลาสองทุ่ม กลุ่มทหารยังเติร์กนำโดย พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ยกกำลังทหารปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ บอก พล.อ. เปรมว่าจะปฏิวัติ

    หนังสือ รัฐบุรุษชื่อเปรม บันทึกเรื่องกบฏยังเติร์กไว้ดังนี้

    พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เล่าว่า “เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๒๔ มนูญกับประจักษ์เขามาหาป๋าที่สี่เสา ประจักษ์เป็นคนบอกว่าจะ ‘ปฏิวัติ’ ถามว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เขาบอกว่าเพราะกลัวป๋าเอาคนไม่ดีมาเป็นรัฐมนตรี”

    ‘คนไม่ดี’ ของกลุ่มยังเติร์กหมายถึง พล.ต. สุตสาย หัสดิน กับ ร.ต.ท. ชาญ มนูธรรม ที่ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลเปรม ๒

    แต่ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง ว่าเพราะเรื่องนี้หรือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี หรือเรื่อง พล.อ. เปรมต่ออายุราชการหนึ่งปี

    พล.อ. เปรมคุยกับ พ.อ. มนูญ รูปขจร กับ พ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร ยังเติร์กตอบว่า “ผมทำเพื่อป๋า และขอเชิญป๋าเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ”

    นายกรัฐมนตรีตอบว่า “ทำไม่ได้หรอก ให้อย่างไรก็ไม่เอาทั้งนั้น... ผมไม่ปฏิวัติหรอก ผมปฏิวัติไม่ได้ และไม่ต้องการปฏิวัติด้วย ขอให้เลิกคิด เลิกทำเสีย หรือไม่งั้นก็ยิงผมให้ตายแล้วปฏิวัติกันไป”

    ในห้องนั้นมีทหารมากหน้าหลายตา นั่งคุยกันเหมือนไม่ใช่เรื่องจะปฏิวัติ

    หนึ่งในนั้นคือ พล.ต. ชวลิต ยงใจยุทธ

    ในปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ชวลิต ยงใจยุทธ มียศพลตรี ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการ ได้ยินข่าวลือเรื่องรัฐประหาร แต่เขาไม่เชื่อ จนตีหนึ่งวันที่ ๑ เมษายน มีคนแจ้งมาว่า “มันแจกปืนกันแล้วนะ” ก็รีบไปที่บ้านสี่เสาฯ

    แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าฝ่ายก่อการ ‘อารักขา’ บ้านสี่เสาฯไว้หมดแล้ว เมื่อ พล.อ. เปรมรู้ว่า พล.ต. ชวลิตมาถึง ก็เรียกไปคุยด้วยที่ชั้นบน รวมทั้ง พ.ท. สุรยุทธ จุลานนท์

    พล.อ. เปรมถาม “จิ๋วจะเอายังไง?”

    พล.ต. ชวลิตตอบ “สู้ สู้ครับป๋า”

    วินทร์ เลียววาริณ
    21-6-25

    (โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนนี้ขออนุญาตขายยาก่อน)

    ...................................

    ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เป็นงานที่ผมโพสต์ให้อ่านฟรีครบทุกตอนมาหลายปีแล้ว แต่หากคิดจะเก็บไว้ในห้องสมุดประจำบ้านให้ลูกหลานอ่าน ก็ต้องรีบ เพราะหนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ คุ้มที่สุด 6 เล่ม 1,000 บาท จากราคาปก 1,605.-
    118 เรื่อง = เรื่องละ 8.4 บาท

    Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6 

    เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9 

    0
    • 0 แชร์
    • 4
  • วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    ประโยคหนึ่งในหนังเรื่อง Kingdom of Heaven ที่ติดตราคนดู แม้ว่าจะสั้นๆ คือฉากที่แม่ทัพซาลาฮูดิน (Salah ad-Din Yusuf ibn Ayyub หรือซาลาดิน) กำลังจะยึดเมืองเยรูซาเล็มด้วยกำลังในปี 1187 แต่เสนอทางออกสุดท้ายคือสันติภาพ

    ซาลาฮูดินสัญญาว่าถ้าพวกครูเสดยอมออกจากเมือง เขาจะปล่อยพวกชาวเมืองทุกคน แต่อีกฝ่ายไม่เชื่อว่าซาลาฮูดินจะรักษาคำพูด เพราะฝ่ายตนฆ่าพวกมุลสิมไปมากมาย

    ซาลาฮูดินกล่าวว่า "ข้าฯมิใช่คนพวกนั้น ข้าฯคือซาลาฮูดิน" (I am not those men. I am Salahudin.)

    ได้ยินดังนั้น ฝ่ายเยรูซาเล็มก็ยอมแพ้

    ประวัติศาสตร์ท่อนนี้ (อาจเป็นเรื่องแต่ง) ชี้ว่า คำพูดของคนที่รักษาสัตย์นั้นมีค่า แค่คำพูดคำเดียวก็มั่นคงดุจขุนเขา ไม่ต้องทำสัญญากัน

    ซาลาฮูดินไม่ใช่แม่ทัพกระหายเลือด เขาเป็นมุสลิมที่มีมนุษยธรรม เห็นค่าของทุกชีวิต หนึ่งในคุณธรรมที่มุสลิมอย่างเขายึดมั่นคือถือคำสัตย์

    แต่นักการเมืองในยุคนี้ ยากจะหาคนรักษาคำสัตย์

    เหตุการณ์คลิปเสียงหลุดนี้น่าจะกลายเป็น case study ของนักการเมืองทั่วโลก ต่อไปนี้คงยากที่ใครจะกล้าเจรจากันเป็นการส่วนตัวแล้ว มันจะเปลี่ยนโฉมการทูตไปอีกแบบหนึ่ง

    ไม่ใช่แบบของซาลาฮูดิน

    วินทร์ เลียววาริณ
    21-6-25

    1
    • 1 แชร์
    • 11
  • วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    เรื่องใหม่เอี่ยมวันเสาร์ คลิดลิงก์อ่านได้ https://www.blockdit.com/posts/67fbd6c232ee76ef1fce0c62 

    0
    • 0 แชร์
    • 1
  • วินทร์ เลียววาริณ
    1 วันที่ผ่านมา

    วันก่อนเล่าเรื่อง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ แล้ว คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก หรืออาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าท่านขึ้นมาสู่อำนาจได้อย่างไร

    พล.อ. เปรมรับตำแหน่งนายกฯต่อจาก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์

    ส่วน พล.อ. เกรียงศักดิ์ขึ้นสู่อำนาจเพราะรัฐประหาร แต่ไม่ได้ก่อรัฐประหารเอง

    แล้วใครก่อรัฐประหาร?

    เหตุการณ์ตรงนี้ยุ่งและซับซ้อน ถ้าเป็นหนัง ผู้ชมก็คงคิดว่าพล็อตมั่วมาก เพราะเต็มไปด้วยความบังเอิญ แต่มันเป็นเรื่องจริง

    ก่อนเล่าต่อ ต้องแนะนำตัวละครกลุ่มหนึ่งคือกลุ่ม ‘ยังเติร์ก’

    คำว่า ยังเติร์ก (Young Turk) หมายถึงกลุ่มคนที่มีแนวคิดหัวก้าวหน้า เติร์ก มีที่มาจากอาณาจักรออตโตมันหรือตุรกี

    ยังเติร์กไทยเป็นกลุ่มนายทหารที่ผ่านสงครามเวียดนาม ลาว และเขมร คือกลุ่มทหารรุ่น จปร. ๗ ที่ผงาดขึ้นเมื่อนายทหาร จปร. รุ่น ๕ เริ่มอับแสงหลังช่วง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

    กลุ่ม จปร. ๗ ดำรงตำแหน่งระดับผู้บังคับกองพัน คุมกำลังสำคัญในกองทัพถึง ๔๐ กองพัน

    กลุ่มยังเติร์กไทยมีความคิดแบบใหม่ บางครั้งสวนกระแสขนบ และไม่ฟังทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าสู่การเมือง ยังเติร์กก้าวสู่เวทีการต่อสู้ทางการเมืองก็เพื่อคานอำนาจกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ‘หัวเก่า’

    ยังเติร์กมองสถานการณ์บ้านเมืองหลังรัฐประหาร ๒๕๑๙ เงียบ ๆ และเห็นว่าได้เวลาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจ

    หนึ่งปีหลังจาก พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ก่อรัฐประหารในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๐

    คนไทยน้อยคนเคยได้ยินเรื่องรัฐประหารวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๐ ทั้งนี้เพราะมันแท้งก่อนกำหนด กลุ่มหาคนรับเป็นหัวหน้าไม่ได้ พลเอก เสริม ณ นคร และ พลเอกยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ไม่ยอมแบกรับภารกิจของการเป็นผู้นำรัฐประหาร  ...................

    รัฐประหารครั้งต่อมาคือ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ทหารกลุ่มยังเติร์ก พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี (ยศขณะนั้น)  ไปตั้งหลักที่ ม. พัน ๔ เตรียมการยึดอำนาจ

    ครั้นเวลาหนึ่งทุ่มกลุ่มทหารยังเติร์กก็ชะงักกึก เมื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยประกาศว่า พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ยึดอำนาจก่อน

    เห็นชัดว่าแผนการยึดอำนาจของกลุ่มยังเติร์กรั่วไหล กลุ่ม พล.ร.อ. สงัด ชลออยู่ ชิงลงมือก่อน

    พ.ท. พัลลภถาม พ.ท. มนูญ รูปขจร “เอายังไง?”

    พ.ท. มนูญตัดสินใจทันที “ทำรัฐประหารซ้อน มึงยกกำลังไปยึดสนามเสือป่า”

    สนามเสือป่าเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการทหารสูงสุด

    “เรามีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น”

    “เอาน่า”

    พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี ก็ยกกำลังไปที่สนามเสือป่า แลเห็นทหารฝ่ายรัฐประหาร ๒๐-๓๐ คนที่หน้าประตูรั้ว จึงทำใจดีสู้เสือ บอกลูกน้องว่า “บุกเข้าไปเลย”

    ทหารที่เฝ้าประตูเห็น พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี สวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ ก็ทำวันทยาหัตถ์ แล้วเปิดประตูให้เข้าไปโดยไม่ถามสักคำเดียว

    เมื่อเข้าไปภายในสนามเสือป่า แลเห็นทหารนาวิกโยธินนับพันคนกำลังกางเต็นท์ที่สนาม

    อีกครั้งทหารหน้าตึกวันทยาหัตถ์ ปล่อยให้กลุ่มทหารยังเติร์กเข้าไป

    พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี เข้าไปในตึก พบ พ.ท. จำลอง ศรีเมือง คอยอยู่ ภายในอาคารมีทหาร ๓๐-๔๐ คน พ.ท. พัลลภสั่งปลดอาวุธทั้งหมด แล้วยกกำลังขึ้นไปชั้นบน ทหารระดับสูงหลายคนกำลังประชุมอยู่ ประกอบด้วย ผบ. เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจ

    ถึงเวลานั้นทหารข้างนอกก็เริ่มไหวตัว ยกเข้าปิดล้อม พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี โทรศัพท์ติดต่อ พ.ท. มนูญ “เมื่อไรรถถังจะมา กูโดนล้อมหมดแล้ว”

    “รอหน่อย กำลังไป”

    พ.ท. พัลลภ ปิ่นมณี บอกทหารที่ล้อมข้างนอก “ถ้าเข้ามา จะยิงทหารในห้องทั้งหมด”

    ทหารข้างนอกก็หยุด ไม่กล้าเคลื่อนไหว

    ยี่สิบนาทีต่อมา รถถังฝ่ายยังเติร์กก็มาล้อมทหารนาวิกโยธินอีกชั้น สักพักหนึ่ง พ.ท. มนูญ รูปขจร พ.ท. ประจักษ์ สว่างจิตร กับ พ.ท. ชูพงศ์ มัทวพันธุ์ เข้ามาในอาคาร ไม่นานต่อมาก็เห็นรถถังคณะรัฐประหารมาปิดล้อมสนามเสือป่าไว้ทุกด้าน

    ในสถานการณ์เช่นนี้ มีโอกาสสูงที่จะรบกัน และเกิดสงครามกลางเมือง

    บุรุษผู้หนึ่งในห้องนั้นมองดูพวกยังเติร์กเงียบ ๆ คือผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

    พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

    พล.อ. เปรมบอกกลุ่มทหารหนุ่มยังเติร์กว่า “ผมจะพูดกับพวกคุณยังไงดีนะ”

    กลุ่มทหารยังเติร์กอึ้งไป เพราะผู้พูดเป็นเจ้านาย

    พล.อ. เปรมถามว่า “พวกคุณต้องการอะไร?”

    “เราต้องการให้ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ”

    “แต่ พล.ร.อ. สงัดเพิ่งยึดอำนาจ...”

    พล.อ. เปรมบอกว่าตนจะไปคุยกับ พล.ร.อ. สงัด

    พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ หายไปพักหนึ่งก็กลับมาบอกพวกยังเติร์ก “ตกลง ทางนั้นยอมให้คุณเกรียงศักดิ์เป็นนายกฯ”

    ทั้งสองฝ่ายก็วางอาวุธเพราะบารมีและคำสัญญาของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ โดยแท้

    ด้วยเหตุนี้ พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๕ ของไทย
    พล.อ. เกรียงศักดิ์เป็นนายกรัฐมนตรีไม่นาน ก็เผชิญปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจที่สืบเนื่องจากน้ำมันขึ้นราคา พล.อ. เกรียงศักดิ์ประกาศลาออกกลางที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓

    การสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่เริ่มขึ้น ตัวเต็งนายกฯมีสองคนคือ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช หัวหน้าพรรคกิจสังคม กับ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

    รัฐสภาเลือก พล.อ. เปรมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น

    (ยังมีต่อ)

    วินทร์ เลียววาริณ
    20-6-25

    ...................................

    อ่านรายละเอียดมากกว่านี้ได้จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม / วินทร์ เลียววาริณ

    ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ คุ้มที่สุด 6 เล่ม 1,000 บาท จากราคาปก 1,605.-
    118 เรื่อง = เรื่องละ 8.4 บาท หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว

    Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6

    เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9 

    1
    • 0 แชร์
    • 34
  • วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    ผมเรียนจบสถาปัตย์มา ไปทำงานสายอื่นหลายสาย บางคนอาจเห็นว่า "เสียของ"

    หลายปีหลังจากที่ผมเปลี่ยนสายงานจากวงการสถาปัตยกรรมไปทำงานโฆษณา ฝรั่งคนหนึ่งบอกผมว่า "น่าเสียดายความรู้ที่คุณเรียนมาจัง"

    น่าเสียดายที่เรียนมาอย่างหนึ่ง แต่ไปทำงานอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะงานโฆษณา งานรับใช้นายทุนที่กรอกหัวคนด้วยการตลาดแบบกำไรสูงสุด

    คนจำนวนมากมีกรอบคิดว่า เราเรียนอะไรมาก็ควรทำสายอาชีพนั้น ด้วยเหตุผลว่า เป็นการเสียทรัพยากร เสียภาษีรัฐที่ช่วยส่งเสียให้เรียนจบ เสียเวลา ฯลฯ หลายคนจึงทนทำงานที่ตนเองไม่ชอบอยู่จนวันสุดท้ายของชีวิต

    ทว่าหากมองด้วยมุมมองนี้ เราจะตอบคำถามเรื่องคนเรียนจบกฎหมายแล้วทำงานด้านกฎหมายตรงตามที่เรียน แต่ไปรับใช้อาชญากรหรือนักการเมืองสกปรกอย่างไร เพราะเสียทรัพยากร เสียภาษีรัฐเหมือนกัน

    ผมเชื่อว่า มนุษย์เรามีเสรีภาพที่จะเลือก (อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง) คนเราควรก้าวเดินไปตามทางที่พึงใจ มิใช่เพราะเรียนมาอย่างหนึ่งก็ต้องทากาวแปะตัวเองติดอยู่กับมันทั้งชีวิต มิใช่เพราะเกิดมาในสถานะหนึ่ง ก็ต้องยึดติดกับสถานะนั้นไปจนวันตาย

    ผมจึงไม่ต่อต้านที่คนเรียนจบวิศวฯไปขายยา จบพยาบาลไปเป็นแอร์โฮสเตส จบหมอไปเป็นนักเขียน เพราะคนจำนวนมากตอนเลือกเรียนมหาวิทยาลัย ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร

    คนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็อาจเปลี่ยนใจได้ เมื่อเจอชีวิตจริง

    ชีวิตก็คือการปรับตัว เคลื่อนไปตามสายน้ำ ไม่ต้องตามค่านิยมมากเกินไปจนไม่มีความสุข แต่ก็ยอมอดทนที่จะไม่มีความสุข

    กลับมาที่ชีวิตของผมเอง หากถามว่าเสียของหรือเปล่า ผมตอบได้ว่าไม่เสียของ ผมเรียนรู้วิธีคิดแบบศาสตร์ผสานศิลป์มาตั้งแต่แรก และใช้หลักการนี้ในทุกสายงานที่เปลี่ยน ผลลัพธ์อาจต่างกัน แต่กระบวนการทำงานเหมือนกัน

    บรรทัดสุดท้ายก็คงต้องถามผู้อ่านว่า อยากให้ผมออกแบบตึกหรือว่าเขียนหนังสือล่ะ

    วินทร์ เลียววาริณ
    20-6-25

    1
    • 0 แชร์
    • 20