-
วินทร์ เลียววาริณ1 ปีที่ผ่านมา
ปราชญ์ทางวิชาการต่อสู้จัดวิทยายุทธ์เส้าหลินของปรมาจารย์ตั๊กม้อแห่งเทือกเขาซงซานเป็นแนววิชากำลังภายนอก ขณะที่วิทยายุทธ์แห่งสำนักอู่ตัง (บู๊ตึง) ของนักพรตเต๋าปรมาจารย์จางซานเฟิง (เตียซำฮง) ณ เทือกเขาอู่ตังในหูเป่ยเป็นแนววิชากำลังภายใน ทั้งเส้าหลินและอู่ตังถือเป็นสองสำนักมาตรฐานแห่งแผ่นดิน
วัดเส้าหลินตั้งอยู่บนเทือกเขาซงซาน (ซงซัว) เส้า เป็นชื่อภูเขา หลิน แปลว่า ป่า มีความหมายถึงสถานปฏิบัติธรรมในป่าแห่งภูเขาเส้า
ปรมาจารย์คนแรกของวัดเส้าหลินก็คือ พระโพธิธรรม หรือที่คนจีนเรียก ตั๊กม้อ นามนี้ปรากฏในนิยายจีนกำลังภายในนับไม่ถ้วนในฐานะจอมยุทธ์ผู้ให้กำเนิดคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น คัมภีร์ล้างกระดูก และสิบแปดฝ่ามืออรหันต์
ชาวโลกรู้จักวัดเส้าหลินว่าเป็นที่กำเนิดวิชาการต่อสู้ของจีนมาราวหนึ่งพันห้าร้อยปี เป็นสัญลักษณ์ของวิทยายุทธ์และนิยายจีนกำลังภายใน
นานปีหลังจากยุคของปรมาจารย์ตั๊กม้อ พระวัดเส้าหลินถือเป็นหน้าที่ที่จะใช้วิทยายุทธ์ปกป้องแผ่นดิน เช่นการต่อสู้ในสงครามหู่เหลา (ค.ศ. 621) อันเป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ถัง ไปจนถึงการต่อสู้ขับไล่พวกโจรสลัดวาโกะจากญี่ปุ่นที่รุกรานชายฝั่งจีนในศตวรรษที่ 16 ฯลฯ
ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัดแห่งนี้ถูกเผาทำลายและสร้างใหม่หลายต่อหลายครั้ง ตำนานการทำลายครั้งใหญ่ที่สุดคือในปี ค.ศ. 1644 โดยรัฐบาลชิง เนื่องจากพระวัดเส้าหลินต่อต้านราชวงศ์ชิง หมายฟื้นฟูราชวงศ์หมิง ประวัติศาสตร์ท่อนนี้กลายเป็นตำนานที่ทำให้วิทยายุทธ์เส้าหลินระบือไกล จนทำให้คำว่า เส้าหลิน ยิ่งยึดแน่นเป็นเรื่องของการต่อสู้ทางกาย อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์จำนวนหนึ่งเห็นว่า ความเชื่อว่าพระโพธิธรรมเป็นผู้ให้กำเนิดวิทยายุทธ์เส้าหลินน่าจะเป็นตำนานมากกว่าเรื่องจริง บ้างก็ว่าเรื่องราววิทยายุทธ์ของพระโพธิธรรมนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นหลัง ไม่ว่าอย่างไร ตำนานนี้ก็ฝังรากลึกในความเชื่อของคนทั่วไปเสียแล้ว
ความจริงก็คือวัดเส้าหลินเป็นต้นกำเนิดของเซน ซึ่งเป็นสายธารใหม่ที่แตกแขนงมาจากพุทธนิกายมหายานรวมกับเต๋า และปรมาจารย์ตั๊กม้อนั้นที่จริงแล้วเป็นถึงพระสังฆปริณายกแห่งจีน ซึ่งสืบสายมาจากพระพุทธองค์
ยังไม่มีการยืนยันที่มาของพระโพธิธรรมอย่างแน่ชัด แต่ตำราที่น่าเชื่อถือได้ชี้ว่า พระโพธิธรรมน่าจะเป็นเจ้าชายแคว้นคันธารราษฎร์ อินเดีย
อินเดียในสมัยโบราณเรียกว่า ชมพูทวีป มีอาณาเขตคลุมเจ็ดประเทศในปัจจุบัน คือ อินเดีย ปากีสถาน เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา บังคลาเทศ และอัฟกานิสถานในปัจจุบัน
แผ่นดินอัฟกานิสถานในเวลานั้นเรียกว่า คันธารราษฎร์ เมืองหลวงคือ คันธาระ (ปัจจุบันเรียก กันดาฮาร์) ต่อมาพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งกรีกทรงพิชิตอาณาจักรเปอร์เซีย บางส่วนของอินเดีย รวมทั้งคันธารราษฎร์ ชาวกรีกได้ปกครองคันธาระนานหลายร้อยปี จนมาถึงสมัยของกษัตริย์กรีกนามพระเจ้าเมนันเดอร์ หรือพญามิลินท์ ทรงสนพระทัยในปรัชญา
ครั้งหนึ่งทรงพบพระนาคเสนมหาเถระปักกลดอยู่ และทรงสนทนาธรรมทั้งคืน จนถึงรุ่งเช้าก็ทรงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ บทปุจฉา-วิสัชนาครั้งนั้นได้รับการบันทึกเป็นพระสูตรที่เรียกว่า มิลินทสูตร หรือ มิลินทปัญหา
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศาสนาพุทธในคันธารราษฎร์ก็เจริญรุ่งเรืองมาก มีการหล่อพระพุทธรูปปางคันธารราษฎร์ พระพักตร์และรูปทรงแบบเทวรูปกรีก นอกจากนี้ยังมีการสลักพระพุทธยืนตามภูเขา เมื่อพวกตาลีบันครองอัฟกานิสถาน ได้ทำลายพระพุทธรูปเหล่านี้ไปแทบหมดสิ้น
(อ่านตอนต่อสัปดาห์หน้า)
จาก มังกรเซน ฉบับปรับปรุง หนังสือเซนที่ต้องค่อยๆ ละเลียด ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ + ของแถม limited edition Zen Book สั่งได้ที่เว็บ winbookclub.com หรือ Shopee (ค้นคำ namol113 หรือ วินทร์ เลียววาริณ)
0- แชร์
- 173
-
ตอนนี้ไปไหนมาไหนก็ได้ยินแต่เลข 36
ไม่ใช่ใบ้หวยงวดต่อไป แต่เป็นหวยเศรษฐกิจ
โดนกันทั่วโลก มากหรือน้อยแล้วแต่อารมณ์ท่านโจโฉ เจ้าของโลก
คำถามคือเราเล่นเกมเป็นหรือเปล่า จะเป็นขงเบ้ง สุมาอี้ โลซก ม้าเจ๊ก หรือยี่เอ๋ง
ได้ยินผู้ใหญ่บ้านเราว่า เรามี plan B รออยู่ ก็ค่อยใจชื้นหน่อย (เป็นคนเชื่อคนง่าย!)
ตอนนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไทยโอดครวญเป็นแถวว่านักท่องเที่ยวหาย เหมือนถูกมนุษย์ต่างดาวดูดเข้าหลุมดำไป
นักท่องเที่ยวจีนที่เคยเดินเต็มเมือง อยู่ดีๆ หายไปเลย
ผมเขียนมาหลายปีแล้วว่า ระวังอย่าพึ่งการท่องเที่ยวมากเกินไป เขียนจนเบื่อก็ไม่มีใครฟัง
ตอนนี้กระแสไม่เอานักท่องเที่ยวแผ่ไปทั่วหลายเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงขั้นเดินขบวนกัน ที่ญี่ปุ่นก็เคยถึงขั้นปิดป้ายบังภูเขาฟูจิ เพราะชาวบ้านเริ่มเห็นว่า mass tourism ไม่ได้ดีต่อตัวเอง ค่าครองชีพสูง
ลองอ่านดูคอมเมนต์พวกฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทยก็ได้ว่าเขาคิดยังไงกับเรา ส่วนมากบอกว่าของแพง แท็กซี่ขูดรีด เอาเปรียบ เราฟันทุกเม็ด หลายคนเปลี่ยนเส้นทางไปเวียดนาม เพราะถูกกว่า
ผมเคยเขียนบทความตอนที่ผู้นำไทยไปหาท่านสีจิ้นผิง ผู้นำจีนถามผู้นำไทยว่า จะสร้างบ่อnหรือ
อ่านให้ดี ในโลกของ geopolitics นี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม มันคือประโยคบอกเล่า แปลจีนเป็นไทยและแปลไทยเป็นไทยได้ว่า "อย่าหาทำ"
ผมเคยเล่าว่า สถานทูตจีนในสิงคโปร์ห้ามคนจีนเข้าบ่อnสิงคโปร์ นี่เป็นสัญญาณชัดมากว่า หากวันหนึ่งไทยเปิดบ่อnบ้าง จะไม่มีคนจีนเข้า
ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปจากไทยหลายเดือนแล้ว ล่าสุดตัวเลขนักท่องเที่ยวหลักเข้าไทยกลับเป็นชาวมาเลเซีย
เรากำลังอยู่ในโลกของความผันผวน สงครามใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ตอนนี้โจโฉรีดเงินหนัก เราจะเล่นบทยี่เอ๋งหรือฮัวหยงไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เราไม่ต้องไปถึงขั้นขงเบ้งกับสุมาอี้ ได้แค่ลิบองหรือลกซุนก็ดีใจแล้ว
เพราะถ้าไม่เป็นเกม คิดยาวๆ ไม่เป็น เราอาจเสียหายมากกว่า 36 เปอร์เซ็นต์ และจบแบบเล่าเสี้ยน คือ failed state
วินทร์ เลียววาริณ
9-7-250 วันที่ผ่านมา -
ในสมัยผมยังเป็นเด็ก เคยเห็นคนกว้านซื้อเหรียญ 25 สตางค์บ้าง 50 สตางค์บ้างไปหลอมขาย เหตุผลเพราะเหรียญกษาปณ์ในเมืองไทยทำมาจากโลหะหลายชนิด เช่น ทอง เงิน ทองแดง นิกเกิล แพลทินัม ฯลฯ และราคาโลหะเหล่านี้ก็ขึ้นลงตามกลไกตลาดโลก เมื่อมูลค่าหน้าเหรียญต่ำกว่ามูลค่าของโลหะ ก็ทำให้เกิดช่องว่างทางความต่างซึ่งคนหัวใสใช้ประโยชน์หากำไร ยกตัวอย่างเช่น ทองแดงที่ใช้ผลิตเหรียญ 25 สตางค์มีราคาในตลาดช่วงนั้น 30 สตางค์ คนหัวใสก็กว้านซื้อเหรียญมาหลอมทองแดงไปขาย ได้กำไรส่วนต่าง ผลก็คือเหรียญขาดตลาด
สำนักกษาปณ์ หน่วยงานสังกัดกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหรียญจึงเรียนรู้จากประสบการณ์ ผลิตเหรียญให้โลหะที่ทำเหรียญมีค่าเท่ากับมูลค่าของเหรียญนั้น ๆ พอดี หรือน้อยกว่าเล็กน้อย
ดังฉะนี้เหรียญ 1 บาท ไม่ว่าจะทำด้วยโลหะใด ก็ต้องมีโลหะมูลค่า 1 บาทพอดี หรือต่ำกว่าตัวเลขบนเหรียญเล็กน้อย
ร่างกายมนุษย์ก็เหมือนเครื่องจักร มีความเสื่อมสึกหรอทุกวัน เคยสงสัยไหมว่า ร่างกายของเรามีอายุจริง ๆ เท่าตัวเลขอายุในสูติบัตรของเราหรือเปล่า สูงกว่าหรือต่ำกว่า?
คนที่ใช้ร่างกายอย่างสมบุกสมบัน กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่พักผ่อนอาจพบว่าตนเองแก่เกินวัย
ในทางการแพทย์ มีการตรวจร่างกายซึ่งสามารถบอกว่าเรามีอายุจริง (body age) เท่าไร แก่กว่าหรืออ่อนกว่าตัวเลขอายุของเรา กระบวนการตรวจทำได้อย่างละเอียดโดยการตรวจเลือด ตรวจสภาพหัวใจ และสภาพส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย วัดค่าเสื่อมต่าง ๆ แล้วคำนวณออกมาเป็นตัวเลขแสดงสภาพจริง
บางคนอาจได้ผลว่า ตัวเลขอายุ 50 ปี แต่สภาพร่างกาย 70 ปี บางคนซึ่งดูแลตัวเองดีอาจมีสภาพร่างกาย 40 ทั้งที่ตัวเลขอายุในบัตรประชาชนคือ 60
ในสมัยเก่าก่อนทางราชการจับโจรผู้ร้ายโดยปิดประกาศตั้งค่าหัว เช่น เสือพร 2,000 บาท เสือเป้ 2,500 เสือก้อง 5,000 บาท ค่าหัวยิ่งสูงหมายถึงโจรคนนั้นทำชั่วมาก
ในวงการธุรกิจมีเอเยนต์เรียกว่า headhunter ทำงานล่าคนเก่งในสายอาชีพต่าง ๆ ค่าตัวคนเก่งขึ้นกับความสามารถ บางคนมีค่าตัว (มักอยู่ในรูปเงินเดือน) ห้าหมื่นบาท บางคนอาจสูงถึงสองสามแสน
เหล่านี้คือ ‘ราคาหน้าเหรียญ’ ของแต่ละคน
แต่เช่นเดียวกับเหรียญกษาปณ์และร่างกายมนุษย์ ราคาหน้าเหรียญของเราใน(ตลาด)โลก อาจต่ำกว่าหรือสูงกว่ามูลค่าจริงของเราก็ได้
มนุษย์แต่ละคนสร้างด้วยโลหะต่างชนิดกัน บางคนทำด้วยตะกั่วซึ่งมีทั้งประโยชน์และพิษ บางคนเป็นทองแดง บางคนเป็นนิกเกิลที่แข็งแกร่ง บางคนเป็นทองล้ำค่า บางคนทำด้วยพลาสติกไร้ราคา
คนระดับเจ้านายเงินเดือนหลายแสน เอาเปรียบลูกน้อง อาจมีมูลค่าจริงต่ำกว่านั้นมาก
นักการเมืองมีทรัพย์สินมากมาย แต่โกงทุกอย่างที่ขวางหน้า อาจมีมูลค่าจริงแค่นิดเดียว หรือไม่มีมูลค่าด้วยซ้ำ
คนยากจนหาเช้ากินค่ำ ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน อาจมีมูลค่าจริงสูงกว่ามหาเศรษฐี
เราใช้อะไรเป็นมาตรวัดว่าคนคนหนึ่งมีมูลค่าจริงเท่าไร?
แน่นอนเราวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะมูลค่าจริงของตัวตนของเราเป็นมูลค่าในเชิงนามธรรม ไม่ใช่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร ไม่ใช่จำนวนหุ้นในมือ ไม่ใช่ตัวเลขจำนวนบ้าน จำนวนรถที่เป็นเจ้าของ
มูลค่าจริงของเราน่าจะอยู่ที่เกิดมาแล้วไม่เสียข้าวสุก ทำประโยชน์ต่อคนอื่น สังคม หรือโลกในเชิงสร้างสรรค์
คุณค่านี้มิได้อยู่ที่ระดับความรู้ การศึกษา หากอยู่ที่หัวใจ
นาน ๆ ทีเราก็ควรตรวจสอบว่าเรามีมูลค่าจริงเท่าไร
ถามตัวเองว่าครั้งสุดท้ายที่เราทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง
ราคาหน้าเหรียญอาจทำให้เรามีความสุขสบายทางกายภาพ แต่มูลค่าจริงทำให้เรามีความสุขภายใน
ฝรั่งมีสำนวน heart of gold หมายถึงคนที่มีจิตใจงดงาม เมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อคนอื่น เปรียบความดีดั่งทองคำล้ำค่า
คนดีเปลือกนอกอาจมีตัวเลขราคาไม่สูง อาจสร้างด้วยโลหะชั้นต่ำ แต่ภายในคือหัวใจทองคำ
วินทร์ เลียววาริณ
9-7-25หมายเหตุ บทความนี้มีมูลค่า 3.1 บาท คัดมาจากหนังสือ 1 เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้
(61 บทความ 190.- บทความละ 3.1 บาท)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นมูลค่าจะมากกว่า 3.1 บาทhttps://www.winbookclub.com/store/detail/150/1%20เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้
0 วันที่ผ่านมา -
(อ่านข่าวการเจรจาเรื่องภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯแล้วหงุดหงิด ขออนุญาตระบายออกเป็นเรื่องขำๆ ขื่นๆ)
ท่านรัฐมนตรีรักชาติไปปฏิบัติธรรมในวัดแห่งหนึ่งอยู่หลายวัน เมื่อออกจากวัด ก็พบนักข่าวดักรอสัมภาษณ์เขาอยู่
นักข่าวถาม "ท่านรัฐมนตรีรักชาติคะ ทำไมประเทศไทยเจรจา tariff กับทรัมป์ไม่ได้เรื่องเลยคะ? เราเสียเปรียบมาก"
"เสียเปรียบก็คือได้เปรียบ มีเมตตาหน่อย มองกว้างๆ หน่อย เราให้เงินเขาไปไม่เสียเปรียบอะไรหรอก ตามคำที่ว่า ททโต ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ แปลว่าเมื่อให้ บุญก็เพิ่มขึ้น"
"บุญเพิ่ม แต่นักท่องเที่ยวลดนะคะ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวหายไปหมดเลย ท่านจะแก้ปัญหาการท่องเที่ยวอย่างไร?"
"การท่องเที่ยวก็ตกอยู่ในสัจธรรมโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ดังคำสอนที่ว่า อตีตํ นานฺวาคเมยฺนย นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ แปลว่าอย่ารำพึงถึงความหลัง อย่ามัวหวังถึงอนาคต"
"สรุปก็คือคนไทยต้องยอมรับสภาพ?"
"อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ แปลว่าตนเป็นที่พึ่งของตน"
"ในเมื่อท่านแก้ปัญหาไม่ได้ ทำไมท่านไม่ลาออกจากพรรคร่วมคะ?"
"เราเป็นคนรักษาสัญญา สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ดังคำสอนที่ว่า ถาวาที ตถาการี แปลว่าพูดอย่างไร ทำได้อย่างนั้น"
"ตอนนี้รัฐบาลล้มโครงการแจกเงินแล้วยังคะ?"
"ยังไม่ล้ม ยังแจกอยู่"
"แต่เราไม่มีเงินนี่คะ"
"ใจเย็นๆ เดี๋ยวตั้งบ่อนแล้วก็ได้เงินเอง"
"ทำไมคิดเป็นแต่แจกเงินคะ?"
"ททมาโน ปิโย โหติ แปลว่าผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก"
"ทำไมยังคิดตั้งบ่อนคะ?"
"ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา แปลว่าความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง"
"ใช่ไหมว่านี่เป็นเหตุผลที่ก่อนปรับครม. ท่านเซ็นทิ้งทวน?"
"โถ! รัฐมนตรีต้องทำงานทุกวัน กินเงินเดือนจากประชาชน จะอยู่เฉยไม่ได้ ขโณ โว มา อุปจฺจคา แปลว่าอย่าปล่อยกาลเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์"
"ทำไมท่านเซ็นซื้อเรือดำน้ำคะ?"
"รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ แปลว่าพึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง"
"ตอนนี้เศรษฐกิจฝืดเคือง หลายห้างร้านมีคนขายมากกว่าคนซื้อของ ท่านคิดแก้ยังไงคะ?"
"ทุกคนต้องช่วยตัวเองนะ ดังคำที่ว่า อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ แปลว่าคนขยันย่อมหาทรัพย์ได้"
“แล้วเรื่องซอฟต์ พาวเวอร์ ไปถึงไหนแล้วคะ?”
"ก็ทำต่อไป สทตฺถปสุโต สิยา แปลว่าพึงขวนขวายในเป้าหมายของตน"
"ทำไมท่านยังทำงานการเมืองคะ?"
"นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ แปลว่าไม่มีความรักใดเสมอด้วยความรักตน และ วโส อิสฺสริยํ โลเก แปลว่าอำนาจเป็นใหญ่ในโลก"
"ทำไมมีคนว่าท่านมากเลย?"
"เฮ้อ! จะทำดีก็มีมารเสมอ เฮ้อ! หิตญฺจ สาธุญฺจ ปรมทุกฺกรํ แปลว่ากรรมดีมีประโยชน์ ทำได้ยากยิ่ง และ นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต แปลว่าผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก"
วินทร์ เลียววาริณ
8-7-251 วันที่ผ่านมา -
The Godfather ภาค 2 มีกลวิธีเล่าเรื่องอย่างหนึ่งที่เรียกว่า parallel stories หรือเรื่องคู่ขนาน
ในเรื่องนี้เรื่องคู่ขนานเล่าสองไทม์ไลน์ สายหนึ่งคือชีวิตของ วีโต คอลิโอน ผู้พ่อ อีกสายหนึ่งคือ ไมเคลิ คอลิโอน ผู้ลูก
แล้วโยงเชื่อมกัน ทั้งที่ตัวละครในสองเรื่องขนานอาจไม่ได้พบกันทั้งเรื่อง
ผมก็ใช้เทคนิคนี้หลายครั้งในนวนิยายและเรื่องสั้น ตัวอย่าง เช่น ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ตอน 2482/2488 เรื่องสั้น โลกีย-นิพพาน, เกม (อาเพศกำสรวล) เป็นต้น
ใน The Godfather ภาค 2 การเล่าเรื่องคู่ขนานทรงพลังมาก และเชื่อมต่อกันดั่งฝีมือเทพเจ้า เนียนไร้รอยตะเข็บ
มันไม่ใช่แค่ storytelling แล้ว มันคือ art
งานแบบนี้ถ้ามือไม่ถึง เละแน่นอน เพราะองค์ประกอบเรื่องเยอะเกินไป
แต่เรื่องนี้ บทถึง
มันคล้ายดูหนังสองเรื่องพร้อมกัน แต่ละเรื่องส่งเสริมอีกเรื่องหนึ่ง
ผมดู The Godfather มาหลายสิบรอบแล้ว ตั้งแต่หนังออกฉายในโรงจนบัดนี้ ก็ยังหาจุดแย่ไม่พบ
ตอนที่อยู่ที่นิวยอร์กในยุค 80 ผมไปดู The Godfather ภาค 1-2 ฉายควบ เชื่อว่าคนดูเกือบทั้งโรงเคยดูมาก่อน แต่เมื่อหนังจบ เสียงปรบมือดังก้องโรงหนัง ทั้งที่เป็นโรงหนังชั้นสองเก่าๆ
นี่คือพลังของหนังที่ดี
กราบ
วินทร์ เลียววาริณ
7-7-253 วันที่ผ่านมา -
"มันไม่ยุติธรรมเลย สังคมมักตัดสินคนที่เปลือกนอกและภาพลักษณ์ เช่น รัฐมนตรีทุกคนเลว กินบ้านกินเมือง" ท่านรัฐมนตรีรักชาติเปรยกับจิตแพทย์
ใช่ การทำงานการเมืองเพื่อประชาชนทำให้ท่านรัฐมนตรีรักชาติเครียด จนจำต้องพึ่งจิตแพทย์
จิตแพทย์เอ่ย "ผมเข้าใจครับท่าน ท่านทำงานเพื่อชาติมาโดยตลอด"
แล้วจดลงบนสมุดโน้ตว่า "คนไข้บอกว่ารัฐมนตรีทุกคนเลว กินบ้านกินเมือง"
"ผมเป็นพวกทำดีได้ D"
หมอพยักหน้า แล้วจดลงบนสมุดโน้ตว่า "คนไข้บอกว่าทำ D ได้ดี"
"คุณหมอมีทางแก้ไหมครับ?"
"มี"
"อะไร?"
"ผมว่ายาที่ดีที่สุดในโลกคือธรรมะ"
"จริง หมอว่าควรอ่านหรือฟังธรรมะดีครับ?"
"อ่านก็สะดวกนะ อย่างเช่นเล่ม มังกรเซน ของ..."
"อ๋อ! หนังสือของนักเขียนกวนตีนคนนั้น ไม่ไหวครับ เขียนก็ไม่ได้เรื่อง แล้วยัง stir foot อีก"
"เขามี Mini Zen นะ Mini Tao ก็มี Mini Stoic ก็เข้าท่า"
"ไม่เอาทั้งสิ้น ไอ้นักเขียนเปรตคนนี้"
จิตแพทย์ว่า "งั้นก็เข้าวัดดีกว่าครับ ท่านรัฐมนตรีอาจลองเข้าวัดเข้าวาฟังธรรมบ้าง”
“ผมก็ไปวัดบ่อยครับ”
"วัดวาอารามนะครับ ไม่ใช่วัดตัว แล้วไม่ใช่วัดที่เจ้าอาวาสเล่นพนันกันหลายร้อยล้าน"
"ผมรู้น่า หมอ ผมรู้จักเข้าวัดดีๆ"
"คุณฟังพระเทศน์?"
"ใช่ ผมฟัง"
"แล้วคุณทำตามที่พระเทศน์ไหม?"
"ทำซีครับ ผมเป็นคนที่เชื่อพระ และผมก็ทำตามที่พระเทศน์เสมอ”
จิตแพทย์ถาม “ยังไงครับ?”
“อย่างวันก่อนพระเทศน์ว่า ‘การดื่มสุรายาเมาก็ดี... การเล่นพนันก็ดี... คอร์รัปชั่นก็ดี... การโกงก็ดี... ผมฟังแค่นี้ก็กลับบ้านเลย เพราะผมทุกอย่างที่ท่านว่า 'ก็ดี' ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว"
(แปลงจากขำขันที่เคยอ่านมา)
วินทร์ เลียววาริณ
7-7-253 วันที่ผ่านมา