-
วินทร์ เลียววาริณ8 เดือนที่ผ่านมา
นักคิดนักเขียน อัลแบร์ กามูส์ เคยเขียนว่า "คนที่ขาดความกล้าหาญจะสามารถหาปรัชญามารองรับมันเสมอ"
เมื่อขี้เกียจก็หาเหตุผลมาขี้เกียจ
เมื่อจะโกง ก็หาเหตุผลมาโกง
เมื่อจะหาแดกจากพนัน ก็หาเหตุผลมาหาแดกจนได้
นักการเมืองไทยพยายามมาหลายสิบปีแล้วที่จะสร้างบ่อนถูกกฎหมายให้ได้ ข้ออ้างเดิมๆ คือหาเงินมาพัฒนาชาติ ข้ออ้างล่าสุดก็คือสิงคโปร์ทำแล้ว ถ้าไม่ดีสิงคโปร์คงไม่ทำ(มั้ง)
ผมอยู่ที่สิงคโปร์ตอนเขาประกาศทำบ่อน ประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วย รวมทั้งบิดาแห่งชาติ ลีกวนยู
ลีกวนยูมองเห็นหายนะของการพนันมาแต่เด็ก พ่อของเขาติดพนัน ขอเครื่องทองของแม่ไปจำนำเพื่อเล่นพนัน โชคดีที่ต่อมาพ่อของเขาเปลี่ยนนิสัย และเลิกพนันไปตลอดชีวิต
ลีกวนยูไม่เคยเล่นพนัน และต่อต้านเรื่องนี้ เมื่อมหาเศรษฐีฮ่องกง Stanley Ho ผู้เปิดบ่อนที่มาเก๊าขอเปิดบ่อนที่สิงคโปร์ ลีกวนยูปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
แต่ลีกวนยูเปลี่ยนใจ ยอมสร้างบ่อน
ลีกวนยูบอกว่าเขาเปลี่ยนใจในจุดยืนเรื่องสร้างบ่อน เพราะมองเห็นว่าลำพังการเป็น first world city ไม่พอแล้วในศตรรษใหม่ สิงคโปร์ขาดแรงดึงดูดพอสำหรับนักท่องเที่ยว สิงคโปร์ยังต้องพึ่งนักท่องเที่ยว และสิงคโปร์ก็ไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ นอกจากเมืองสะอาด
ตอนนั้นสิงคโปร์อยู่ในขาลง ลีกวนยูบอกว่าในเรื่องท่องเที่ยว สิงคโปร์สู้เมืองไทย มาเลเซีย ฮ่องกงไม่ได้ จำเป็นต้องหาจุดขายใหม่ เพื่อที่จะอยู่รอด
เมื่อลีกวนยูประกาศสร้างบ่อน เขาเสียเครดิตไปเยอะ เพราะคนทั้งประเทศต่อต้าน
แต่ลีกวนยูสัญญาว่าจะคุมเข้ม ไม่ทำให้พลเมืองติดพนันอย่างเด็ดขาด (gambling inducement) และจะสร้างระบบมาคุม
เวลาลีกวนยูบอกว่าจะสร้างระบบมาคุม ทุกคนก็เชื่อได้ว่าเขาทำได้จริง ด้วยกฎเหล็กเข้มข้นกว่าไทยเราล้านล้านเท่า
การสร้างบ่อนของสิงคโปร์มีกฎระเบียบมากมาย และที่สำคัญคือระบบการตรวจสอบของเขาแน่นหนารัดกุม ไม่มีรูรั่ว ไม่มีคอร์รัปชั่น ไม่มีทุจริตเชิงนโยบาย
จุดหมายของรัฐสิงคโปร์คือหาเงินจากนักท่องเที่ยว และไม่ยั่วยุให้พลเมืองติดพนัน คนสิงคโปร์จะเข้าบ่อนต้องจ่ายครั้งละ S$150 หรือสามพันเหรียญต่อปี และเมื่อเล่น ไม่ขยายวงเงินพนันให้เด็ดขาด
นักการเมืองไทยยกตัวอย่างสิงคโปร์มาแค่เปลือก ไม่ได้ศึกษาลึก เพราะไม่คิดจะศึกษา ตั้งธงแล้วว่าจะเปิดบ่อน ที่เหลือค่อยไปว่ากันทีหลัง
เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า การยกบ่อนใต้ดินขึ้นมาบนดิน ไม่ได้ทำให้บ่อนใต้ดินหายไป ทุกอย่างเซมเซม แต่มีช่องหาแดกเพิ่มขึ้น (อย่างถูกกฎหมาย)
เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า เมื่อทุกประเทศหรือทุกเมืองใหญ่ในโลกมีบ่อน บ่อนก็จะไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป
เราไม่ต้องมีสมองระดับไอน์สไตน์ก็คิดได้ว่า อนาคตของเด็กไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อเราปลูกฝังทัศนคติว่า ไม่ต้องทำงานก็รวยได้
เรากำลังสร้างคนในชาติให้เห็นว่าเงินคือคำตอบเดียวในจักรวาล เงินคือพระเจ้า
แต่เงินแค่ไหนจึงจะพอ?
หลังจากสร้างบ่อนถูกกฎหมายแล้วเราจะทำอะไรต่อ? ตั้งกระทรวงยาเสพติดแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงโสเภณีแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงมือปืนแห่งชาติเพื่อหาเงินช่วยชาติ? ตั้งกระทรวงศาสนาพาณิชย์เพื่อหาเงินช่วยชาติ?
เราสามารถเปลี่ยนภาพอบายมุขจากดำเป็นขาวในนามของชาติได้เสมอ
รักชาติจนน้ำตาสอ! รักชาติแล้วอิ่มจริงๆ!
จริงอย่างที่ อัลแบร์ กามูส์ ว่า คนเราสามารถหาปรัชญามารองรับความเลวร้ายที่จะทำเสมอ
วินทร์ เลียววาริณ
18-1-25........................................
หมายเหตุ อ่านมุมมองการพนันของลีกวนยูฉบับเต็มได้จาก สร้างชาติจากศูนย์
สารคดีเกี่ยวกับชีวิตและผลงานของลีกวนยู รัฐบุรุษผู้สร้างชาติสิงคโปร์จากศูนย์ ที่เหมาะสำหรับผู้นำองค์กร ผู้บริการ นักการเมือง
21 เรื่อง ราคา 290 บาท = เรื่องละ 13.8 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
(ซื้อเดี่ยว)
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/248/สร้างชาติจากศูนย์
Shopee https://shopee.co.th/product/90206829/29061345680/
อีบุ๊ค The Meb https://www.mebmarket.com/ebook-320521-สร้างชาติจากศูนย์โปรโมชั่น
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/249/S12%20:%20ลีกวนยู%20+%20ไอน์สไตน์%20+%20หิน%2015%20ก้อน
Shopee https://shopee.co.th/product/90206829/29311345988/0- แชร์
- 78
-
หมายเหตุ สี่ภพ ออกสู่บรรณพิภพมาหลายวันแล้ว มีผู้อ่านหลายคนวิจารณ์งานชิ้นนี้ ส่วนมากเป็นข้อความสั้นๆ วันนี้ขอนำบทรีวิวยาวๆ ของผู้อ่านท่านหนึ่งมาลงให้อ่านโดยไม่ตัดทอน
ยุคนี้คนไม่ชอบเขียนยาวๆ แต่ในยุค 30 ปีก่อน การรีวิวหนังสือยาวๆ เป็นเรื่องปกติ บางทีคนอ่านบทวิจารณ์แล้วไม่เห็นด้วย ก็รีวิวซ้อนรีวิว
เป็นวัฒนธรรมวรรณวิจารณ์ที่ไม่ค่อยเห็นแล้วในยุคนี้
ก็แค่จะบอกว่า ใครอยากรีวิว สี่ภพ เป็นเรื่องเป็นราว ก็เชิญ ถ้าเหมาะสมและเนื้อหามีประโยชน์ ผมก็จะขอนำมาโพสต์ให้อ่าน
เอาละ เข้าสู่รีวิว(ยาว)แรก
..........................
รีวิว สี่ภพ #1
โดย วิศวกรรีพอร์ต
ดูเผิน ๆ เหมือนนิยายจีนกำลังภายใน แต่ไม่ใช่
ความจริงคือนิยายไซไฟ (Sci-Fi) ที่ใช้ฉากบู๊ลิ้ม
ผมกำลังพูดถึงนิยายเรื่อง ‘สี่ภพ’ ที่เขียนโดยคุณวินทร์ เลียววาริณ
นิยายเรื่องนี้มีที่มาที่น่าสนใจ คือเมื่อปี พ.ศ. 2545 คุณวินทร์เขียนบทความลงในมติชนสุดสัปดาห์ว่า ตอนนี้มีนิยายจีนกำลังภายในเรื่องใหม่ที่กำลังมาแรงในฮ่องกง
นิยายเรื่องนั้นชื่อว่า เป่ย-หนาน-ตง-ซี (แปลไทยว่า เหนือ-ใต้-ออก-ตก)
เรื่องราวคือตัวเอกเผลอฝึกวิชาโดยบังเอิญ แต่วิชานี้มีผลข้างเคียงทำให้เจ็บปวดทั่วร่าง ต้องเดินทางขึ้นเหนือ เพราะถ้าเดินทางไปทิศอื่นจะเจ็บปวดจนทนไม่ได้
ทำไมต้องเดินทางไปทิศเหนือ เมื่อไปทิศเหนือแล้วจะพบอะไร คำตอบคือต้องอ่านเอง
เป่ย-หนาน-ตง-ซี ได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนิยายจีนที่แหวกแนว เดินเรื่องลึกล้ำ แม้แต่กิมย้งยังยกนิ้วให้
ข่าวดีคือ น. นพรัตน์ กำลังแปลเป็นไทย คาดว่าจะได้อ่านในอีกไม่นาน
ข่าวร้ายคือ นี่เป็นเรื่องอำ!
ใช่ คุณวินทร์เขียนเรื่องนี้มาอำคน เป็นงานเขียนแนวทดลอง
แต่คนอ่านไม่อำด้วย ถามไปยังคุณ น.นพรัตน์ ว่าเมื่อไรจะแปลเสร็จ!
เมื่อเสียงเรียกร้องหนักขึ้น คุณวินทร์จึงตัดสินใจเขียนเรื่องนี้จริง ๆ กะให้เป็นผลงานเรื่องใหญ่ชิ้นสุดท้าย (คุณวินทร์อายุเกือบ 70 ปีแล้ว)
แม้จะวางโครงเรื่องตั้งแต่ตอนอำ แต่เรื่องราวมีรายละเอียดเยอะมาก คุณวินทร์จึงใช้เวลาเขียนนานถึง 5 ปี
สุดท้ายกลายเป็นหนังสือ 6 เล่ม 5 เล่มเป็นนิยาย อีก 1 เล่มเป็นเบื้องหลังการทำงาน
เมื่อเปิดให้สั่งพรีออเดอร์ ผมจึงกดสั่งแบบไม่ต้องคิด
แต่เมื่ออ่านเล่มแรกจบ รู้สึกผิดหวัง คือเรื่องราวคล้ายนิยายของกิมย้งมากเกินไป มีเรื่องราวที่คล้าย กระบี่เย้ยยุทธจักร และ ดาบมังกรหยก มีฝ่ายธัมมะ มีพรรคมาร มีหัวหน้าพรรคมาร มีคัมภีร์ยุทธ์ที่ทุกคนต่างแย่งชิง
พออ่านเล่มสองดึขึ้นบ้าง เพราะเป็นการผจญภัยของพระเอกและนางเอก แต่ก็มีกลิ่นอายคล้าย มังกรหยก ภาคก๊วยเจ๋ง
พออ่านเล่มสามเท่านั้นแหละ ถึงรู้ว่ากลิ่นอายของนิยายกิมย้งไม่ใช่เนื้อหาสำคัญเลย มันลึกล้ำและซับซ้อนกว่านั้นมาก (ขอไม่สปอยล์)
เรื่องราวเข้มข้น รู้ตัวอีกทีวันนั้นก็ไม่เป็นอันทำอะไร (นอกจากอ่านนิยาย)
ขอให้คำแนะนำว่า จำชื่อตัวละครทุกตัวให้ดี เพราะมีความสำคัญ
ตัวละครกีกี้ที่โผล่มาฉากเดียวตาย กลับมีบทบาทอย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องราวบางอย่างที่ไม่รู้จะเขียนทำไม กลับโยงใยและกลายเป็นโซ่ที่ผูกไปยังเรื่องราวหลัก
ตัวละครมีเยอะ แต่ทุกตัวมีความสำคัญ จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไปไม่ได้
ถ้าทำแผงผังความสัมพันธ์ตัวละคร แผงผังนั้นคงโยงใยยิ่งกว่าใยแมงมุม แถมเป็นใยแมงมุมที่มีสี่ชั้นอีกต่างหาก
มีข้อเสียไหม
ผมคิดว่ามี 2 ข้อคือ
1. พระเอกเสียท่าง่ายเกินไป
ด้วยความที่ต้องให้พระเอกมีประสบการณ์พิสดารหรือเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่าง พระเอกจึงต้องเสียท่า แต่เสียท่าง่ายเกินไป มุขที่เห็นประจำคือโดนยาพิษ โดนยาสลบ หรือไม่ก็โดนหลอก จนผมคิดในใจ “ทำไมเมิงโง่งี้”
2. ฉากเล่าเรื่องเยอะเกินไป
ด้วยความที่เรื่องราวเกี่ยวพันกับหลายชั่วอายุคน ทั้งรุ่นลูก รุ่นพ่อ รุ่นปู่ ไปจนถึงเมื่อ 800 ปีก่อน ทำให้การรู้ความจริงในกาลก่อนต้องทำผ่านการเล่า จึงมีฉากที่ตัวละครเล่าเรื่องเยอะมาก และอาจมากเกินไป จนรู้สึกว่าอยากรับรู้ผ่านฉากที่เกิดขึ้นจริงกับตัวละครนั้น ๆ มากกว่า
ส่งท้าย
โดยรวมแล้วชอบมาก นอกจากชอบความเป็นไซไฟ ยังชอบหลักวิทยายุทธ์
วิทยายุทธ์ในเรื่องผสมผสานหลักฟิสิกส์ ใส่แนวคิดเรื่อง space-time รวมทั้งมิติที่ 5 เข้าไปด้วย
ใช่ มันลึกล้ำ เหมือนอ่านตำราฟิสิกส์ผ่านนิยายกำลังภายใน
ที่ชอบมากคือฉากจบ เป็นฉากจบที่สวยงาม สวยจนคิดว่าจบดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ปิดหนังสือด้วยความอิ่มเอมใจ ดีใจที่ได้อ่าน และจะกลับมาอ่านใหม่แน่นอน
จะเก็บรายละเอียดให้หมด ตัวละครจะกีกี้แค่ไหน ผมจะเก็บให้ครบทุกเม็ดเลย
กันยายน 2568
1 วันที่ผ่านมา -
เช้าวันนี้ผมเดินผ่านถนนสายหนึ่ง เห็นป้ายเรื่องล็อกล้อ สะกด "ล๊อคล้อ"
เห็นแล้วหงุดหงิด สมองก็คิดพล็อตออกมาได้เลยตอนนั้น
กะว่าทำเป็นชุดใหม่ ชื่อ ศาลภาษา ไว้สอนเรื่องการใช้ภาษาไทยที่ถูก
พยายามสอนเรื่องการใช้ภาษามาหลายวิธีแล้ว ส่วนมากจะตรงไปตรงมา ซีรีส์นี้จะเป็น edutainment อีกรูปหนึ่ง
ถ้าทำเป็นซีรีส์หนังก็น่าจะหานักแสดงแต่งตัวแบบเปาบุ้นจิ้น มีเครื่องประหารความไม่รู้หลายแบบวางเรียงโชว์เพื่อขู่
น่าจะสนุกดี
กระทรวงศึกษาน่าจะรับเป็นเจ้าภาพนะ คล้ายๆ รายการ 'ภาษาไทยวันละคำ' ในสมัยก่อน
จาม่ายทามหรา ควนทามนะ ว่ามั๊ยค่ะ ทามรายการให้มันฟินมันปังปายเรย ไม่แอ๊บแบ๊วหลอกเตง รับรองดีจุงเบย
วินทร์ เลียววาริณ
29-9-251 วันที่ผ่านมา -
เจ้าหน้าที่ศาลเอ่ย "ทุกคนยืนขึ้น ท่านผู้พิพากษา อักขรา ภิภาษะ จะตัดสินคดีในวันนี้"
ผู้พิพากษา อักขรา ภิภาษะ เป็นชายวัยหกสิบ ท่าทางคงแก่เรียน ผมขาวเทาและแว่นตากรอบกระทำให้ท่านดูน่าศรัทธา ท่านนั่งลง แล้วทำสัญญาณมือให้ทุกคนในศาลนั่งได้
ท่านเอ่ย "วันนี้เป็นคดีระหว่างนายสวน แสงบุญจรัส ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับเขาข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่างไร?"
เจ้าหน้าที่ตำรวจลุกขึ้นกล่าว "ข้าแต่ศาลที่เคารพรักและศรัทธา..."
"พูดสั้นๆ ก็พอ ไม่ต้องลากยาว"
"สั้นๆ ก็พอ ไม่ต้องลากยาว"
"ผมหมายถึงพูดสั้นๆ"
"สั้นๆ"
ผู้พิพากษา อักขรา ภิภาษะ ถอนหายใจยาว กล่าวว่า "เอาเถอะ ว่าต่อก็แล้วกัน"
เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว "ข้าแต่ศาลที่เคารพรักและศรัทธา เมื่อวันที่ 13 เดือนที่แล้ว นายสวน แสงบุญจรัส ผู้นี้จอดรถในที่ห้ามจอดที่หน้า สน. ของกระผม จุดนั้นมีป้ายของทางการปิดไว้ชัดเจนว่า 'ห้ามจอด มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะล๊อคล้อ' ปรากฏว่านายสวนจอด กระผมจึงเข้าทำการล็อคล้อ แต่นายสวนขัดขืน บอกว่าเขาไม่ผิด และฟ้องกระผมกลับ"
ผู้พิพากษากล่าว "ไหน ขอดูภาพป้ายหน่อยซิ"
เจ้าหน้าที่ตำรวจฉายภาพป้ายห้ามจอดขึ้นจอ มันเขียนว่า 'ห้ามจอด มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะล๊อคล้อ' อย่างชัดเจน
ผู้พิพากษา อักขรา ภิภาษะ ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ "ใครเป็นคนทำป้ายนี้?"
"กระผมเองครับ กระผมเขียนแล้วให้ช่างทำป้ายไปปิด"
"งั้นก็ชัดเจนแล้วว่านายสวน แสงบุญจรัส ไม่ผิด เขามีสิทธิ์จอดรถตรงนั้น คุณไม่มีสิทธิ์ไปล็อคล้อรถของเขา"
"แต่ป้ายบอกชัดแล้ว"
"ป้ายของคุณไม่ได้บอกว่าจะ 'ล็อค' ล้อ ป้ายของคุณบอกว่า จะ 'ล๊อค' ล้อ สะกดด้วยไม้ตรี ล. ลิงเป็นอักษรต่ำ ไม่มีรูปตรี คำว่า 'ล๊อค' ไม่มีในภาษาไทย จึงไม่มีความหมายใดๆ ดังนั้นศาลขอตัดสินว่านายสวน แสงบุญจรัส ไม่ผิด และตรงกันข้าม ศาลขอลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจ"
"ลงโทษยังไงครับ?"
"ให้คัดลายมือคำว่า 'ล็อค' หนึ่งร้อยหน้า หน้าละสิบแถว จะได้หลาบจำ และใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องสักที เลิกศาล"
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
วินทร์ เลียววาริณ
29 กันยายน 25681 วันที่ผ่านมา -
เคยไหมที่คุณตื่นนอนยามเช้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น สวมเสื้อราวกับคนไร้วิญญาณ เมื่อกลัดกระดุมเสร็จแล้วก็พบว่าชายเสื้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คุณกลัดกระดุมผิดทั้งแถว!
มันเริ่มจากการที่คุณไม่รู้ว่าคุณกลัดเม็ดแรกผิด แล้วกลัดต่อไปทีละเม็ดอย่างถูกต้อง เมื่อกลัดกระดุมเสร็จสิ้น ก็ผิดทั้งหมด
ในตัวอย่างนี้ ความไม่รู้ทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ผิดทั้งแถว!
เคยไหมที่คุณเก็บเนื้อในตู้เย็นนานข้ามปีจนเนื้อหมดอายุ แต่ไม่ยอมทิ้ง เพราะเป็นเนื้อจากต่างประเทศ ราคาแพง คุณปรุงอาหารจนเสร็จ เมื่อกินแล้วไม่อร่อยหรืออาหารเป็นพิษ
ในตัวอย่างนี้ ความเสียดายทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ต่อไป ทั้งที่รู้ว่าเม็ดแรกผิดรู!
เคยไหมที่คุณสมัครเรียนสายวิชาที่คุณไม่ชอบ ไม่ว่าเพราะพ่อแม่บังคับ หรือไม่รู้จะเรียนอะไรนอกเหนือจากสายนั้น คุณสอบได้ ลงทะเบียน เรียนผ่านไปทีละเทอม ทีละปี จนจบ คุณได้รับปริญญาบัตร หางานที่เกี่ยวข้องกับสายวิชาที่ร่ำเรียนมา แล้วทำงานไปทีละวัน ๆ ทีละเดือน ๆ ทีละปี ๆ จนวันหนึ่งคุณก็หมดแรง และยอมรับว่าคุณ 'กลัดกระดุม' ผิดมาตั้งแต่เม็ดแรก
ในตัวอย่างนี้ ความละเลยทำให้คุณดันทุรัง 'กลัดกระดุม' เม็ดต่อไปทั้งที่รู้ดีว่ากลัดเม็ดแรกผิด
กระดุมเม็ดแรกสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นรากฐานของกระดุมเม็ดที่สอง สามสี่... กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดหมดทั้งแถว ผิดทั้งยวง และอาจจะผิดทั้งชีวิต!
ตึกรามบ้านช่องไม่ว่าจะออกแบบสวยงามเพียงไร หากคำนวณฐานรากไม่ถูกต้อง วันหนึ่งก็เอียงล้ม
เด็กไม่ว่าฉลาดเพียงไร หากเอาแต่เล่นเกม ดูแต่หนังรุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง โตขึ้นก็อาจเป็นปัญหาภาระที่สังคมต้องแบกรับ
ซื้อรองเท้ายี่ห้อดังมาแล้ว ถึงคับก็ทนสวม ไม่นานก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องเท้าเจ็บ
เพื่อนให้ขนมเค้กจากร้านที่มีชื่อเสียง จะให้คนอื่นก็เสียดาย จึงฝืนกินเข้าไปทั้งที่อ้วนอยู่แล้ว ผลที่ตามมาคือร่างกายเสียหาย
คุณอาจยอมปล่อยบางปัญหาไป หลับตาข้างหนึ่งแล้วหวังว่าปัญหานั้นจะละลายหายไปเอง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องแก้ปัญหานั้นอยู่ดี ทั้งยังต้องจ่ายราคาค่าแก้ปัญหามากกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นระดับปัจเจก เช่น การใช้ชีวิต การศึกษา การทำงาน ความรัก ไปจนถึงระดับมหภาคเช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ ความปล่อยปละละเลย หรือความเสียดาย หรือเหตุผลใดก็ตาม หากกลัด 'กระดุม' เม็ดแรกผิด ทุกสิ่งที่ทำถูกต้องหลังจากนั้นจะกลายเป็นผิดไป!
การแก้ปัญหาของการ 'กลัดกระดุมผิดเม็ด' นี้มีทางเดียวคือปลด ‘กระดุม’ ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่
การไม่รู้เป็นเรื่องหนึ่ง การรู้แล้วยังทำต่อไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หลายคนทำงานตามคำสั่งทั้งที่รู้ว่า 'กระดุมเม็ดแรก' ไม่ตรงรูกระดุมของมัน กว่าจะรู้ตัว ก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่
หลาย ๆ ระบบในสังคม เช่น ระบบการเมือง การศึกษา ฯลฯ ดำเนินมานานปีทั้งที่เรามองเห็นปัญหา แต่ก็ดำเนินต่อไปทั้งด้วยความไม่รู้ ความเขลา ความปล่อยปละละเลย ด้วยความเชื่อว่าอย่างนกกระจอกเทศว่า มุดหัวลงดินสักพัก เดี๋ยวปัญหาก็หายไป แต่ปัญหาไม่เคยหายไป มีแต่สะสมด้วยดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งแก้ไขช้า ราคาแก้ไขยิ่งแพง บางครั้งการตัดใจเข้าห้องผ่าตัดปฏิรูปตัวเองก็เป็นทางแก้ที่ถูกต้อง
ยอมตัดใจตัดวงจรเดิมนั้นทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่ เพราะความเสียหายในระยะยาวน้อยกว่า ประหยัดเวลาโดยรวมมากกว่า
ทุก ๆ หลายก้าวที่เดินหน้า เราควรหยุดและทบทวนดู 'กระดุม' ของเราหรือของสังคมว่ากลัดถูกรูไหม ถ้าไม่ก็อย่ารอช้า ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่
วินทร์ เลียววาริณ
30-9-25..........................
จาก สองปีกของความฝัน46 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 170 บาท = บทความละ 3.69 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/88/สองปีกของความฝัน1 วันที่ผ่านมา -
ตามมาตรฐานโลก วันจันทร์จัดเป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์
เป็นวันนรกในสายตาของหลายคน
แต่บางทีมันอาจมีความหมายเตือนเราทางอ้อมว่า ทำไมเราเลือกจันทร์เป็นตัวแทนวันแรก
บางทีมันอาจอยากบอกเราว่า เราสามารถมองวันนี้เป็นวันจันทร์กระจ่างฟ้า เป็นวันจันทร์ข้างแรม หรือวันจันทร์ที่ถูกราหูกลืนกิน
อยู่ที่เราเลือกจะมอง
และเปลี่ยนวันจันทร์วันเดียวกันนี้เป็นวันจันทร์ที่งดงาม
ความยาวของวันจันทร์คือ 24 ชั่วโมง = 1,440 นาที
จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น
มองให้ยาวก็ยาว มองให้สั้นก็สั้น
มองให้ทุกข์ก็ทุกข์ มองให้ไม่ทุกข์ก็ไม่ทุกข์
เข้าใจแล้วนะ
วันนี้ไม่บ่นว่าวันจันทร์เป็นวันนรกอีกใช่ไหม?
ยิ้ม ๆ ไว้ แป๊บเดียววันอังคารก็มาแล้ว
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับวันใหม่
วินทร์ เลียววาริณ
29-9-251 วันที่ผ่านมา