-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
กาตาร์เป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง เมื่อสี่เดือนก่อน กาตาร์ต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์อย่างดีเยี่ยม และมอบเครื่องบิน 'แอร์ ฟอร์ช วัน' ให้หนึ่งลำ
ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความยินดีที่จะได้เครื่องบินใหม่
เห็นชัดว่ากาตาร์น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว เพราะพี่เบิ้มคุ้มครอง
เมื่อวานนี้อิสราเอลยิงจรวดที่พี่เบิ้มให้มา ถล่มเมืองโดฮาในกาตาร์ "เพื่อฆ่าพวกฮามาส"
ฮามาสห้าคนที่ถูกฆ่าเป็นทีมเจรจาสันติภาพ มาคุยกับนายกฯกาตาร์
นี่เป็นเหตุการณ์ที่หลายคน หลายฝ่าย หลายประเทศต้องประเมินใหม่ เพราะนี่คือข้อมูลใหม่ที่ต้องพิจารณา
1 การเป็นชาติพันธมิตรกับพี่เบิ้ม ให้พี่เบิ้มตั้งฐานทัพ และไม่ใช่ชาติศัตรูของอิสราเอล ไม่ได้แปลว่าจะปลอดภัยจากการโดนถล่ม
2 การเป็นเจ้าภาพเจรจาสันติภาพก็มีความเสี่ยงได้
3 การมอบ 'แอร์ ฟอร์ช วัน' เป็นของขวัญพี่เบิ้ม ไม่ได้รับประกันความปลอดภัย
แต่สัญญาจะว่าให้ ก็ต้องให้นะ ห้ามเปลี่ยนใจ
วินทร์ เลียววาริณ
11-9-250- แชร์
- 9
-
(หมายเหตุ วันก่อนพูดถึงบทบาทของโซเวียตในสงครามโลกครั้งที่สอง และเปรยถึงหนังเกี่ยวกับยุทธภูมิสตาลินกราดคือ Enemy at the Gates นึกได้ว่ายังไม่เคยรีวิว ก็ทำเสียวันนี้)
ผมดูหนังของ Jean-Jacques Annaud เรื่องแรกคือ Quest for Fire (1981) ที่นิวยอร์ก ตามมาด้วย The Name of the Rose (1986) ชอบทั้งคู่
Quest for Fire เป็นเรื่องเกี่ยวมนุษย์เมื่อแปดหมื่นปีก่อน คนสมัยนั้นใช้ชีวิตแบบดิบๆ มีฉากร่วมเพศแบบห่ามๆ นึกจะมีเซ็กซ์ ก็ทำตอนนั้นตรงนั้นเลย ไม่สนใจว่าจะมีใครดู เพราะมันเป็นยุคก่อนที่มนุษย์ประดิษฐ์คำว่าศีลธรรมและศาสนา
หนังของ Jean-Jacques Annaud ที่มีฉากเซ็กซ์อีกเรื่องคือ The Lover (1992) ละเมียดละไมกว่ามาก แต่หมิ่นเหม่ต่อมาตรฐานศีลธรรมของสังคม ผมดูมากกว่าหนึ่งรอบ เพื่อตรวจสอบว่าดูเรื่องครบถ้วนไหม (เป็นคนรอบคอบ!)
อีกเรื่องหนึ่งสวนทางแนวเซ็กซ์ มาทางแนวจิตวิญญาณ คือ Seven Years in Tibet (1997) แบรด พิตต์ ยังหนุ่มฟ้อ
ก็มาถึงหนังสงคราม Enemy at the Gates (2001)
Enemy at the Gates เป็นหนังที่ได้คะแนนไม่สูง ทำเงินไม่มาก และโดนนักประวัติศาสตร์รุมสับเละว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์
ก็กลับมาที่ประเด็นถกเดิมๆ คือ หนังอิงประวัติศาสตร์ต้องตรงตามประวัติศาสตร์แค่ไหน
ในความเห็นส่วนตัวของผม นิยายอิงประวัติศาสตร์ก็คือนิยายอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สารคดี ดังนั้นจะทำอะไรก็ทำ หนังไม่มีหน้าที่ต้องสอนคนดู คนดูต้องไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเอาเอง อย่าว่าแต่เราจะสรุปว่าอะไรคือประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องอย่างไร
Enemy at the Gates อิงประวัติศาสตร์ท่อนหนึ่งของยุทธการสตาลินกราด ซึ่งเป็นยุทธภูมิที่อาจโหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์โลก คนตายไปมหาศาล
หนังอิงเกร็ดหนึ่งของสงครามคือ นอกจากยิงกันตรงๆ แล้ว ยังมีการใช้นักแม่นปืน (สไนเปอร์)
ในเมื่อโซเวียตต้านนาซีไม่ได้ ก็ใช้กลยุทธ์ตัดกำลัง คือลอบยิงนายหทารชั้นสูง
เนื่องจากยุทธการสตาลินกราดรบกันในเมือง กลางซากปรักหักพัง ไม่ใช่พื้นที่ราบหรือท้องทุ่ง หน่วยแม่นปืนจะลอบเข้าไปในซากเหล่านั้น แล้วรอคอยเหยื่อ จะเลือกยิงเฉพาะนายทหารเยอรมันชั้นหัวหน้า ทหารคนไหนติดเหรียญกางเขนเหล็กที่แสดงว่าเป็นทหารชั้นดี ก็จะเด็ดหัวทันที
ตัวหลักสไนเปอร์โซเวียตที่ล่าหัวนาซีในเรื่องคือ วาสิลี ไซเซฟ (Vasily Zaitsev) เป็นบุคคลจริง ในเรื่องนี้เขาต้องต่อกรกับสไนเปอร์นาซีชื่อ พันตรี เออร์วิน เคนิก (Erwin König) ซึ่งก็เป็นบุคคลจริงเช่นกัน เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยเอสเอส
วาสิลี ไซเซฟ ในหนังจำลองบทโดย จูด ลอว์ ส่วน เออร์วิน เคนิก ในหนังจำลองบทโดย เอ็ด แฮร์ริส
จูด ลอว์ ดูหล่อกว่าตัวจริงมาก ส่วน เอ็ด แฮร์ริส ในบทนี้ดูดี แววตาเหมาะสมกับนักฆ่าเลือดเย็น
ตามหลักฐานที่มี ทั้งสองคนดวลกันนานสามวัน กลางซากปรักหักพังของสตาลินกราด แต่เนื่องจากข้อมูลของการประลองกันครั้งนี้ไม่ชัดเจน นักประวัติศาสตร์บางคนบอกว่า อาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เป็นโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายโซเวียต ดังนั้นในหนังจึงเป็นเรื่องแต่ง และน่าจะผิดเพี้ยนไปจากความจริง
เราดูหนังเรื่องนี้ได้อย่างเดียวคือในฐานะหนังสงคราม-ทริลเลอร์
มองในฐานะของหนังทริลเลอร์ หนังให้ความบันเทิงสูง คล้ายการชิงไหวพริบของสองตัวละคร เช่น The Driver, Heat ฯลฯ โดยใช้ฉากสงคราม
ฉากสงครามตอนต้นเรื่องทำได้ดี ผมดูในโรง จอใหญ่ให้ความรู้สึกตื่นตามากเหมือนตอนดูฉากสงครามเปิดเรื่อง The Gladiator เพราะคนดูส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นภาพยุทธการเลนินกราดมาก่อน
ในความเห็นส่วนตัวของผม จุดอ่อนของเรื่องอยู่ที่การเสียบพล็อต 'น้ำเน่า' เข้าไป ทำให้หนังเปลี่ยนโทนจากหนังทริลเลอร์เป็นเมโลดรามา
แต่โดยรวม Enemy at the Gates ก็ถือว่าเป็นงานสอบผ่าน
อ้อ! ฉากที่น่าประหวั่นที่สุดในเรื่องไม่ใช่ฉากรบ แต่คือฉากเซ็กซ์กลางกองทหาร
มิน่าล่ะพวกนักประวัติศาสตร์จึงบอกว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์
วินทร์ เลียววาริณ
11-9-258.8/10
ฉายทาง Netflix (ฉายอีกไม่กี่วัน ก็จะถูกถอดออกจากโปรแกรม)วินทร์ เลียววาริณ รวมบทรีวิวหนังจำนวนหลายร้อยเรื่องในหนังสือใหม่ บ้าหนัง 1-4 มีจำหน่ายในรูปอีบุ๊คที่เว็บไซต์ winbookclub.com และที่ MEB (คีย์คำว่า วินทร์ เลียววาริณ)
(มาตรการให้คะแนนของ วินทร์ เลียววาริณ : ความคิดสร้างสรรค์ + สาระ + ศิลปะการเล่าเรื่อง)
1 วันที่ผ่านมา -
ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ในเมืองหลวงอาจจะยุ่งหน่อย เพราะมีเรื่องรถติด และเพราะฝนนี่เอง ทำให้ผมเป็นหวัดแกมบรรจงอยู่ในตอนนี้
ผมเกิดในเมืองฝนตก เติบโตมากับสายฝน ภาคใต้ในยุคนั้นฝนมีความสามารถพิเศษ ตกต่อเนื่องได้ครั้งละหลายวัน น้ำท่วมเป็นเรื่องปกติ ชาวบ้านกางร่มไปไหนมาไหน เป็นร่มไม้กรุด้วยกระดาษหนาเตอะ และมีน้ำหนักมาก ส่วนเสื้อกันฝนในสมัยนั้นทำด้วยพลาสติกหนาและหนักมากเช่นกัน จนเมื่อหลายปีต่อมา หลังลาจากเมืองฝนตกไปนาน เมื่อเห็นร่มบางเบาและเสื้อกันฝนแบบบาง ๆ ให้รู้สึกว่ามันเป็นประดิษฐกรรมมหัศจรรย์!
ทุกครั้งที่ฝนตกหนัก น้ำฝนจะไหลทะลุผ่านช่องแตกของหลังคาสังกะสีเก่าอย่างไม่เกรงใจ รั่วลงมานองพื้นบ้าน จึงต้องมีถังและกะละมังรองน้ำฝนไว้ประจำบ้าน ส่วนมากมักเป็นกระป๋องนมผงบ้าง ถังสีบ้าง
เมื่อฝนตก ผมชอบเดินเตะน้ำฝนที่เจิ่งพื้น ประกอบกับอากาศชื้นทั้งปี ผมจึงป่วยบ่อย ๆ ด้วยโรคหวัด น้ำมูกน้ำตาไหลแทบทั้งปี
ฝนตกแบบนี้น่าจะเป็นเรื่องของความหม่นหมอง ทว่ามันกลับเป็นความทรงจำที่ดีที่สุด!
ฝนตกหนักหมายถึงชาวบ้านสามารถรองน้ำฝนใส่ตุ่ม น้ำฝนซึ่งหล่นลงมาจากสวรรค์ใสสะอาด ดื่มได้สนิทใจ เสียงฝนตกกระทบหลังคายามค่ำคืน ผสานกับเสียงกบเขียดอึ่งอ่างดังระงมกลางสายฝนเป็นเสียงไพเราะกว่าดุริยางค์วงใดในโลก
ไม่ว่าจะอยู่มุมใดในโลก ผมรักสายฝน
ฝนคือความหวังของเกษตรกร ฝนคือชีวิตของพืชพันธุ์ ฝนคือแหล่งน้ำของสัตว์ แต่สำหรับผม ฝนเป็นมากกว่านั้น มันคือชีวิต ในวัยเด็กผมสามารถใช้เวลานานเป็นชั่วโมง ๆ ดูสายฝน ครุ่นคิดและจินตนาการ
เสียงฟ้าคำรามคือเสียงระฆังบอกเวลาว่าชั่วโมงสุขกำลังมา
ไม่เฉพาะต่อพืชที่รอน้ำจากฟ้าอย่างอดทน แต่สำหรับสัตว์ด้วย
นานปีหลังจากนั้นผมเรียนรู้ว่ามีคนจำนวนมากเกลียดฝน
เม็ดฝนเดินทางมากับความมืดหม่นของท้องฟ้า เสียงฟ้าคำราม สายฟ้าแลบแปลบปลาบ ภาพของฝนตกคือความมืดหม่น น่าหดหู่ โดยเฉพาะสำหรับชาวเมืองหลวง เมืองที่ผู้คนจำนวนมากเกลียดฝน เพราะมันมากับรถติด
อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดมาแต่ด้านร้าย ฝนมีสองด้าน แล้วแต่จะมอง ในขณะที่คนนับล้าน ๆ คน บ่นเรื่องฝนตก ก็มีบางคนอาจมองตรงกันข้าม
เรื่องเดียวกัน มองให้ดีก็ดี มองให้ร้ายก็ร้าย
มันทำให้รถติด สัญจรไม่สะดวก แต่มันทำให้โลกเย็นลง ทำให้เมืองสะอาดขึ้น มันชะล้างฝุ่นละอองออกไป
การมองฝนไม่ว่าในเชิงลบหรือบวก ขึ้นกับว่าเราอยากมีความทุกข์หรือความสุข
เราเลือกได้ อย่างน้อยก็ทัศนคติของเรา
เพราะสำหรับคนที่มองโลกในแง่ดี ฝนจะตกหนักเพียงใด ก็ตกได้แค่ที่นอกหัวใจ
วินทร์ เลียววาริณ
11-9-25จาก รอยยิ้มใต้สายฝน
35 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 190 บาท = บทความละ 5 บาทเศษ
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/139/รอยยิ้มใต้สายฝน
https://s.shopee.co.th/8Ke0htOJcm
โปรโมชั่นชุด https://www.winbookclub.com/store/detail/234/R3%20%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%2031 วันที่ผ่านมา -
แจ้งให้ลูกค้า pre-order สี่ภพ ทุกท่านทราบว่า ตอนนี้ได้แพ็คกล่องเสร็จแล้ว และกำลังทยอยส่งออก เพราะมันหนัก
pre-order คนสุดท้ายน่าจะได้รับของก่อน 15 กันยายน
ภายในแต่ละกล่องจะมีหนังสือ 6 เล่มใน boxset แข็งแรง บรรจุในกล่องแรกก่อน แล้วบรรจุในกล่องใหญ่กว่าอีกที เพื่อป้องกันเต็มที่
ทุกเล่ม 1 มีลายเซ็นนักเขียน ตราชื่อจีนสีแดง และตราประทับนูนที่ออกแบบมาสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ
ลูกค้าจะได้รับหลอดกระดาษแข็ง อย่าเพิ่งทิ้ง แม้หน้าที่ของมันคือช่วยกันแรงกระแทก แต่ภายในมีโปสเตอร์ สี่ภพ ขนาดราว 24.5 x 90 ซม. กว้างประมาณบานประตู
หลอดแข็งนี้ไม่ต้องทิ้ง เราออกแบบมาให้ภรรยาใช้ตีหัวสามีที่ไม่รักดี มัวแต่อ่านหนังสือจนไม่ซักผ้า
และสุดท้าย เราแจกหนังสือแถมให้หนึ่งเล่ม แต่ละกล่องจะไม่เหมือนกัน
ขอบคุณที่ร่วมสนุกกับโครงการนี้ครับ
วินทร์ เลียววาริณ
10 กันยายน 2568ป.ล. เราจะขายจริงราววันที่ 15 กันยายน และในงานหนังสือ
2 วันที่ผ่านมา -
คนจำนวนมากมองเรื่องร้าย ๆ เป็นชะตากรรม เมื่ออยู่ในบ่อโคลน ก็ยอมรับชะตากรรมโดยดุษณี แล้วปลอบใจตัวเองว่า กำลังใช้หนี้กรรมเก่าจากชาติปางก่อนอยู่ หมดกรรมชาตินี้แล้ว ชาติหน้าจะสบาย
แต่คำถามคือหากชาตินี้ไม่ทำอะไร ชาติหน้าจะดีขึ้นได้อย่างไร หรือต้องรออีกกี่ชาติจึงจะใช้หนี้หมด?
หลายเรื่องในชีวิตกำหนดไม่ได้ เช่น ชาติกำเนิด เราเลือกที่เกิดและพันธุกรรมไม่ได้ เราเลือกพ่อแม่ไม่ได้ เลือกตำบลและจังหวัดเกิดไม่ได้ เลือกฐานะไม่ได้ แต่มันไม่ใช่คำสั่งประหาร
‘วาสนา’ ของชาติกำเนิดมองได้สองมุม เกิดในตระกูลร่ำรวย คาบช้อนเงินช้อนทอง อาจเป็นเรื่องดี แต่ก็อาจเป็นเรื่องร้าย หากมันทำลายคนผู้นั้นให้เป็นคนหยิบโหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
ในทางตรงกันข้าม การเกิดในตระกูลต่ำต้อยก็อาจกระตุ้นให้มุ่งมั่นฝืนสิ่งที่ถูกกำหนด ก้าวขึ้นจากบ่อโคลนขึ้นที่สูงได้
นี่แปลว่า วาสนาอาจเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง เริ่มที่เชื่อว่าเราเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้
ชีวิตเราก็เป็นเช่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เราเป็นผู้เขียนบท และผู้กำกับ หนังชีวิตของเราเอง เราต้องสร้างเอง
เราสามารถเลือกเป็นหนังแบบใดก็ได้ หนังรัก หนังครอบครัว หนังเศร้า หนังเครียด หนังผจญภัย หรือรวมทุกอย่าง
แม้เป็นหนังทุนต่ำ ก็สร้างให้ดีได้ ขึ้นกับบทและการกำกับ
วินทร์ เลียววาริณ
10-9-25จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า2 วันที่ผ่านมา -
ข่าวอดีตนายกฯถูกศาลพิพากษาจำคุกในวันนี้ ไม่ใช่ประเด็นที่จะคุย แต่ที่เขียนถึงเรื่องนี้เพราะมีคนให้ข้อมูลว่า นี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่นายกฯเข้าคุก
ข้อมูลนี้ไม่จริง นายกฯคนแรกที่เข้าคุกคือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ข้อหาอาชญากรสงคราม
จอมพล ป. เป็นผู้นำประเทศเมื่อไทยประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากสงครามมหาเอเซียบูรพายุติ ญี่ปุ่นแพ้สงคราม ก็ถึงเวลาคิดบัญชี
เวลาตี่สี่ วันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ทหารหลายคนนำโดย พ.ท. จำรัส รุ่งแสง ไปเคาะประตูบ้านจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่หลักสี่ ผู้เปิดประตูคือ ร.อ. อนันต์ พิบูลสงคราม บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ขอเวลาหน่อยนะ คุณพ่อยังไม่ตื่น รอให้ท่านตื่นก่อนเถอะ แล้วค่อยเอาตัวไป”
ไม่นานนัก จอมพล ป. ตื่นนอน และได้รับแจ้ง ก็กล่าวว่า
“อ้อ! เขามากันแล้วหรือ พ่อก็พร้อมแล้วเหมือนกัน”
นายทหารบกคนที่มาเชิญตัวคุกเข่ากราบจอมพล ป. น้ำตาคลอ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเท่านั้น”
จอมพล ป. พยักหน้าแสดงความเข้าใจ
ก่อนฟ้าสาง ประสงค์ พิบูลสงคราม ลูกชายคนที่สองก็ขับรถพาพ่อ ตามหลังรถทหารไป
จอมพล ป. ติดคุกอยู่ ๑๕๙ วันก็เป็นอิสระ
ในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ ศาลฎีกาคดีอาชญากรสงคราม พิพากษาให้ยกฟ้อง ปล่อยจำเลยทั้งหมดพ้นข้อหาไป เหตุผลคือพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พุทธศักราช ๒๔๘๘ ที่บัญญัติย้อนหลังให้การกระทำความผิดก่อนวันที่ใช้พระราชบัญญัติเป็นความผิด ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๔ และเป็นโมฆะตามมาตรา ๖๑
นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญการเมืองไทยหลายคนวิเคราะห์ว่า ผู้ที่วางแผนช่วยเหลือจอมพล ป. ก็คือ ปรีดี พนมยงค์ นั่นเอง ด้วยแผนที่ออกแบบมาอย่างชาญฉลาด ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ข้อหนึ่ง การออกกฎหมายอาชญากรสงครามทำให้คนไทยไม่ถูกส่งไปดำเนินคดีในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เสียเปรียบในการเจรจาหลังสงคราม เท่ากับยอมรับว่าไทยเป็นประเทศแพ้สงคราม
ข้อสอง เป็นการช่วยเหลือจอมพล ป. พิบูลสงคราม ให้พ้นโทษอย่างละมุนละม่อม
นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ไม่ว่าจะเห็นต่างทางการเมืองอย่างไร จอมพล ป. พิบูลสงคราม และ ปรีดี พนมยงค์ ก็เป็นเพื่อนร่วมตายมาแต่ครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครอง นอกจากนี้ผู้ต้องหาคดีอาชญากรสงครามก็ล้วนเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น
หนึ่งปีถัดมา กลุ่มจอมพล ป. ก็ก่อรัฐประหาร จอมพล ป. หวนคืนสู่อำนาจสูงสุด คราวนี้อยู่ยาวไปสิบปี ก่อนถูกรุ่นน้องจอมพลสฤษดิ์โค่น หนีไปลี้ภัยที่ญี่ปุ่น .......................
สองกรณีนี้คือคุกทางกายภาพหากนับคุกทางใจด้วย เพราะการลี้ภัยก็คือการติดคุกชนิดหนึ่ง ก็มีนายกฯไทยมากกว่าสองคนที่เข้าข่ายนี้
คนแรกคือพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ถูกหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป.) และพวก ขับออกไปในปี ๒๔๗๖ และตายในต่างแดน
ปรีดี พนมยงค์ ก็ถูกกลุ่มจอมพล ป. ขับ ต้องลี้ภัย และตายในต่างแดน
จอมพล ถนอม กิตติขจร ลี้ภัยต่างแดน แต่ยังได้กลับมาตายบ้าน
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังลี้ภัยอยู่ต่างแดน
ดังนั้นตามประวัติศาสตร์ ก็มีนายกฯสองคนที่โดนทั้งคุกทางกายและทางใจ
ประวัติศาสตร์โลกบอกว่า คนที่มีอำนาจสูงสุด ตกสูงกว่า
วินทร์ เลียววาริณ
๙-๙-๒๕๖๘
อ่านรายละเอียดทั้งหมดและเกร็ดประวัติศาสตร์ไทยอื่นๆ ได้จาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม)
สั่งทาง Shopee https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6
3 วันที่ผ่านมา