• วินทร์ เลียววาริณ
    2 วันที่ผ่านมา

    เมื่อวานเล่าเรื่อง ไอแซค อสิมอฟ ว่าในชีวิต เขาเขียนหนังสือไปแค่ 500 เรื่อง

    อสิมอฟได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนคุณภาพ ทำงานดีมาตลอด

    จะทำงานได้อย่างนี้ ต้องมีระบบแน่นอน

    การทำงานอย่างเป็นระบบและมีระเบียบฝังรากลึกในตัวเขา

    วลี ‘ไม่มีเวลา’ และ ‘ไม่ว่าง’ ไม่อยู่ในพจนานุกรมชีวิตของเขา

    “ผมไม่เขียนหนังสือเฉพาะตอนที่ผมเขียน ทุกครั้งที่ผมอยู่ห่างจากเครื่องพิมพ์ดีด กิน นอน ชำระกาย สมองผมยังทำงานอยู่ตลอด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมพร้อมจะเขียนทุกเมื่อ พูดอีกอย่างหนึ่งคือทุกสิ่งทุกอย่างถูกเขียนมาแล้ว ผมแค่นั่งลงและพิมพ์มันออกมา”

    เขาบอกว่านักเขียนต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง ต้องไม่ตั้งข้อสงสัยต่องานที่เขียนตลอดเวลา ต้องรักงานที่เขียน ต้องสนุกกับงานที่เขียน

    เขาบอกว่าถ้าเขาไม่สนุกกับงานที่เขียนอย่างมาก เขาจะเขียนหนังสือออกมามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

    อสิมอฟไม่ใช่นักเขียนที่ทำงานแบบ perfectionism เขาปลดปล่อยความคิดออกไปทันใด เขามองภาพรวมของคอนเส็ปต์ แล้วเขียน และสนุกกับการเขียน

    เขาเขียนงานหลากหลายมาก ทั้งนิยายและสารคดี เขาเขียน ๆ ๆ ๆ ๆ ผลิตงานออกมาเหมือนโรงงานอุตสาหกรรม

    เขาเขียนงานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เคมี ฯลฯ เป็นคนต้นคิดคำว่า robotics (หุ่นยนต์ศาสตร์)

    เขายังเขียนเรื่องศาสนา เช่น Guide to the Bible เรื่องเกี่ยวกับอารยธรรมกรีก โรมัน อียิปต์ ฯลฯ งานเกี่ยวกับเชคสเปียร์ส

    อสิมอฟเขียนคอลัมน์ลงในนิตยสาร Magazine of Fantasy and Science Fiction นานถึง 33 ปี (1958 - 1991) เขียนจดหมายมากกว่าเก้าหมื่นฉบับ บทความอีกหลายพันชิ้น เขาเขียนแม้แต่เรื่องขำขัน

    การผลิตงานราวกับโรงงานอุตสาหกรรมขนาดนี้ เพราะมันเป็นความสุขใหญ่หลวง

    เขาเขียนมากจนสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งปรามเขา

    เขาเล่าว่า “มื้อเที่ยงแย่ ๆ หนึ่งในน้อยครั้งของผม คือกินข้าวเที่ยงกับบรรณาธิการ Austin Olney ในวันที่ 7 กรกฎาคม 1959 ผมเปรยเล่น ๆ กับเขาว่าผมกำลังเขียนหนังสือหลายเล่ม และเขาก็แนะนำผมว่าอย่าเขียนมากเกินไป เขาว่าหนังสือของผมจะแข่งกันเอง และรบกวนยอดขายกันและกัน และถ้ามีมากเล่ม ก็จะทำเงินต่อเล่มได้น้อยลง...

    “สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนมาจากชั่วโมงวิชาเศรษฐศาสตร์ตอนชั้นมัธยมก็คือ กฎ Law of Diminishing Returns นั่นคือทำงานหนักขึ้นสิบเท่าหรือลงทุนมากขึ้นสิบเท่า หรือสร้างผลผลิตมากขึ้นสิบเท่า ไม่ได้ให้ผลตอบแทนสิบเท่า หลังอาหารมื้อนั้นผมรู้สึกค่อนข้างหม่นหมอง และครุ่นคิดอีกนานหลังจากนั้น สิ่งที่ผมตัดสินใจได้คือ ผมไม่ได้เขียนหนังสือมากขึ้นสิบเท่าเพื่อหาเงินมากขึ้นสิบเท่า แต่เพื่อมีความสุขมากขึ้นสิบเท่าต่างหาก”

    อสิมอฟเลือกเส้นทางทำงานคนเดียวตลอดชีวิตของเขา

    กระบวนการหนึ่งที่อสิมอฟทำให้งานไหลออกมาต่อเนื่องก็คือทำงานทีเดียวมากกว่าหนึ่งโครงการ ถ้าไอเดียอุดตันหรือเบื่อหน่ายโครงการหนึ่ง ก็สวิตช์ไปอีกโครงการหนึ่ง มันให้เขาไม่ต้องหยุดงานแล้ววิตกและงานล่าช้า

    เขาเชื่อว่าคนเราต้องไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ กระหายความรู้ตลอดเวลา มันเป็นทัศนคติที่นักเขียนควรฝังในหัวตลอดชีวิต

    นักเขียนต้องเป็นนักเรียนด้วย เพราะคลังข้อมูลมีวันหมด และสิ่งที่รู้ก็มีวันหมดอายุ

    มีคนสัมภาษณ์อสิมอฟในปี 1988 ว่า “คุณเหลือเวลาสำหรับเรื่องอื่น ๆ ไหมนอกจากเขียนหนังสือ?”

    อสิมอฟตอบว่า “ผมทำแต่เขียนหนังสือ ผมไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยยกเว้นกิน นอน และพูดกับเมีย”

    เขาว่าเขาทำงานทั้งวัน ไม่ไปไหน และมีปฏิสัมพันธ์กับภรรยาเท่าที่จำเป็น หมายถึงถ้าภรรยาชวนคุย ก็คุย แต่อยู่ดี ๆ จะไม่ไปคุยด้วย

    คุยกับเมียเสียเวลาทำงาน

    วินทร์ เลียววาริณ
    6-10-25

    1
    • 0 แชร์
    • 18
    Regnarts
    ตอนท้ายบทความนี่เป็นบทสัมภาษณ์จริงที่ Isaac Asimov ตอบ หรือเป็นเรื่องสั้นที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงครับ? 😂
    ดูความเห็น 1 รายการ ...

บทความล่าสุด