-
วินทร์ เลียววาริณ3 ปีที่ผ่านมา
นิยายจีนกำลังภายในเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่ผมอายุไม่กี่ขวบ และกลายเป็นลมหายใจหนึ่งของนักอ่านชาวไทย
คนไทยก็คือคนไทย มองโลกเฮฮา สนุกสนาน
เราผ่านโลกการเมืองที่เคร่งเครียด ก็มีคนแปลงเรื่องการเมืองเป็นหัสคดีล้อเลียน ทั้ง satire และ parody
ที่ล้อเลียนการเมืองไทยด้วยนิยายกำลังภายในโด่งดังที่สุดก็คือเซี่ยมล้อยุทธจักร ของจิวแป๊ะทง (ซูมแห่งไทยรัฐ)
คำว่าล้อในชื่อ เซี่ยมล้อยุทธจักร ไม่ได้หมายถึงล้อเลียน แม้จะพ้องกันโดยบังเอิญ
เพราะคำว่า เซี่ยมล้อ ((暹羅) ในภาษาจีนแปลว่าเมืองไทย
ผมเคยอ่านสำนวนอื่นเหมือนกัน แต่เซี่ยมล้อยุทธจักรอยู่ยาวนานที่สุด ยาวพอรวมพิมพ์เป็นเล่มได้
การแปลงเหตุการณ์ร้อนๆ ในโลกด้วยภาษากำลังภายใน ก็เพราะเราจะทำอะไรได้นอกจากหัวเราะ?
ยุทธจักรมีแต่ความเครียด แม้แต่ท่านกิมย้งยังเขียนเรื่องเครียดให้เป็นเรื่องเสียดสีแบบขำๆ
นั่นก็คือเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร
ชื่อเรื่องภาษาจีน 笑傲江湖 (เสี้ยวอ้าวเจียงหู) แปลตรงตัวว่า หัวร่อผยองยุทธจักร
[เสี้ยว (笑) = ยิ้ม หัวเราะ / อ้าว (傲) = ทระนง ผยอง / เจียง = แม่น้ำ / หู = ทะเลสาบ / เจียงหู (江湖) = ยุทธจักร]
นวนิยายเรื่องนี้ดูจริงจังเคร่งเครียด แต่หากอ่านเรื่องนี้ดีๆ จะพบว่ามันคือเรื่องล้อเลียน
กิมย้งคงเห็นว่าการเมืองไม่ว่าระดับประเทศหรือระดับโลกก็คือเรื่องชวนขัน แย่งอำนาจจะเป็นจะตาย เพื่อเป็นนัมเบอร์วันในบู๊ลิ้ม
แต่อำนาจไม่เคยจีรัง ตัวละครเหล่านี้อยู่อีกไม่กี่ปีก็เด๊ดสะมอเร่ อำนาจก็ส่งต่อให้ดาวตลกรุ่นต่อไป
อีกพันสองพันปี ประเทศมหาอำนาจเหล่านี้อาจหายไปจากพื้นโลก ไม่ว่าเพราะเสื่อมไปเองตามสัจธรรมโลก หรือโลกถูกดาวหางชน หรือมนุษย์ต่างดาวบุก หัวรบนิวเคลียร์ทั้งหลายก็กลายเป็นรังนกพิราบ ขี้เปรอะเปื้อน
ดังฉะนี้สมควรที่เราจะหัวร่อล้อยุทธจักร
เคี้ยกเคี้ยก
3- แชร์
- 411
-
ช่วงนี้คุยกับผู้อ่านเรื่องกิมย้งบ่อย บางคนไม่เคยได้ยินชื่อนักเขียนคนนี้มาก่อน
ผมมักยกคำของเหง่ยคังมาพูด
“การไม่อ่านนิยายของกิมย้งถือว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของชีวิต”
เหง่ยคังเป็นเพื่อนของกิมย้ง และเป็นนักเขียน-นักเขียนบทภาพยนตร์มือดีคนหนึ่ง
ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอ่านงานของกิมย้งเรื่องละหลายรอบ และยังบ้าคลั่งขนาดไปหาฉบับภาษาจีนมาอ่านอีก แต่ไปไม่รอด เพราะภาษาแกยากมาก ยากกว่าของโก้วเล้งหลายเท่า
ตอนที่กิมย้งเขียนเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ต้องไปต่างประเทศ ส่งต้นฉบับไม่ทัน ก็ฝากให้เหง่ยคังเขียนให้อยู่บทสองบท ปรากฏว่าเขาทำให้ตัวละคร ‘อาจู’ ตาบอด ทำให้กิมย้งต้องตกบันไดพลอยโจน เพราะแก้ไม่ได้แล้ว!
นักเขียนคนไหนจะไปที่ไหน ก็ควรเขียนต้นฉบับล่วงหน้าไว้บ้าง ขืนฝากเพื่อนเขียนให้ เมื่อกลับมาอาจพบว่าตัวละครที่รักอาจตายไปเรียบร้อยแล้ว
วินทร์ เลียววาริณ
19-10-25(ขอบคุณภาพวาดโดย พีระ โภคทวี)
0 วันที่ผ่านมา -
0 วันที่ผ่านมา
-
หลังจากอาจารย์เซน บันเกอิ มรณภาพ ชายตาบอดคนหนึ่งผู้อาศัยใกล้วัดบอกเพื่อนคนหนึ่งว่า "ข้าฯตาบอด มองไม่เห็นสีหน้าแววตาใคร ข้าฯจึงต้องวัดนิสัยของคนจากน้ำเสียง
ปกติแล้วเมื่อข้าฯได้ยินเสียงแสดงความยินดีต่อความสุขหรือความสำเร็จของคนอื่น ข้าฯก็ได้ยินน้ำเสียงของความอิจฉา เมื่อได้ยินเสียงปลอบโยนต่อความเคราะห์ร้ายของคนอื่น ข้าฯก็ได้ยินน้ำเสียงของความยินดีด้วย
ทว่าน้ำเสียงของอาจารย์บันเกอิจริงใจเสมอ เมื่อท่านเอ่ยคำแสดงความสุข ข้าฯก็มิได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความสุข เมื่อท่านกล่าวคำแสดงความเศร้าเสียใจ ข้าฯก็ได้ยินแต่เสียงของความเศร้าเสียใจจริง ๆ"
วินทร์ เลียววาริณ
19-10-25.............................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
มังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=60 วันที่ผ่านมา -
งานหนังสือจบไปแล้วอีกรอบ ก็ขอบคุณผู้อ่านที่มาเยือน เอาของกินมาฝาก
บางคนซื้อหนังสือแล้วทางออนไลน์ แต่ก็มาหาเพื่อสนทนากัน
ขอบคุณ
งานหนังสือในรอบหลายปีนี้อาจขาดความหลากหลาย เมื่อเทียบกับอดีต พลังการอ่านในยุค 40-50 ปีก่อนนั้นเข้มข้นมาก หนังสือพิมพ์ครั้งละหมื่นเล่มเป็นเรื่องธรรมดา
มีหนังสือเขียนโดยคนไทยและหนังสือแปลทุกแบบ
การเกิดในเมืองไทยทำให้เรามีโอกาสได้สัมผัสกับงานวรรณกรรมมากกว่า!
สมัยผมยังเป็นเด็ก มีหนังสือแทบทุกตระกูลให้อ่าน นิยายกำลังภายในออกใหม่ทุกอาทิตย์ นิยายบู๊ นิยายผจญภัย นิยายแปลจากต่างประเทศทั้งนิยายรัก นิยายนักสืบก็มีครบ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ปัวโรต์ ฯลฯ นิยายไซไฟที่ชุมนุมวิชาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แปลมานับร้อยเล่ม เรื่องสั้นหักมุมจบก็มีมากมาย ครั้นโตขึ้นงานวรรณกรรมจากรัสเซีย จีน Magical Realism ก็มีให้อ่าน
ลองคิดดูว่าหากผมเกิดในอเมริกา คงไม่มีทางได้อ่านงานของกิมย้ง โก้วเล้ง และอีกหลายท่าน และนั่นนับว่าเป็นการเสียโอกาสอย่างใหญ่หลวง
เมืองไทยมีงานร้อยกรองดี ๆ จำนวนมาก ฝรั่งไม่มีโอกาสและไม่สามารถเข้าใจงานที่มีสัมผัสนอกสัมผัสในอันไพเราะของเรา
ถือว่าของเราหลากหลายมาก อย่างน้อยก็ในสมัยนั้น
บางทีการอยู่ในประเทศด้อยพัฒนาก็ไม่เลวเหมือนกัน! ถ้ารู้จักอ่าน ถึงจะอยู่ในโลกด้อยพัฒนา ก็มีปัญญาได้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ตอนนี้ความหลากหลายในอดีตเริ่มลดหายไป งานมีน้อยแนวลง ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครคิดแก้ไข เกิดในเมืองไทยก็จะเสียโอกาสทางการอ่านอย่างใหญ่หลวง
อย่างที่ผมบอกเสมอ หนังสือก็เหมือนอาหาร ไม่เสพก็ไม่มีทางโต ทว่าเสพแต่ประเภทเดียว ก็ได้สารอาหารไม่ครบถ้วน
วินทร์ เลียววาริณ
20-10-251 วันที่ผ่านมา -
งานหนังสือจบไปแล้วอีกรอบ ก็ขอบคุณผู้อ่านที่มาเยือน เอาของกินมาฝาก
บางคนซื้อหนังสือแล้วทางออนไลน์ แต่ก็มาหาเพื่อสนทนากัน
ขอบคุณ
งานหนังสือในรอบหลายปีนี้อาจขาดความหลากหลาย เมื่อเทียบกับอดีต พลังการอ่านในยุค 40-50 ปีก่อนนั้นเข้มข้นมาก หนังสือพิมพ์ครั้งละหมื่นเล่มเป็นเรื่องธรรมดา
มีหนังสือเขียนโดยคนไทยและหนังสือแปลทุกแบบ
การเกิดในเมืองไทยทำให้เรามีโอกาสได้สัมผัสกับงานวรรณกรรมมากกว่า!
สมัยผมยังเป็นเด็ก มีหนังสือแทบทุกตระกูลให้อ่าน นิยายกำลังภายในออกใหม่ทุกอาทิตย์ นิยายบู๊ นิยายผจญภัย นิยายแปลจากต่างประเทศทั้งนิยายรัก นิยายนักสืบก็มีครบ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ ปัวโรต์ ฯลฯ นิยายไซไฟที่ชุมนุมวิชาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แปลมานับร้อยเล่ม เรื่องสั้นหักมุมจบก็มีมากมาย ครั้นโตขึ้นงานวรรณกรรมจากรัสเซีย จีน Magical Realism ก็มีให้อ่าน
ลองคิดดูว่าหากผมเกิดในอเมริกา คงไม่มีทางได้อ่านงานของกิมย้ง โก้วเล้ง และอีกหลายท่าน และนั่นนับว่าเป็นการเสียโอกาสอย่างใหญ่หลวง
เมืองไทยมีงานร้อยกรองดี ๆ จำนวนมาก ฝรั่งไม่มีโอกาสและไม่สามารถเข้าใจงานที่มีสัมผัสนอกสัมผัสในอันไพเราะของเรา
ถือว่าของเราหลากหลายมาก อย่างน้อยก็ในสมัยนั้น
บางทีการอยู่ในประเทศด้อยพัฒนาก็ไม่เลวเหมือนกัน! ถ้ารู้จักอ่าน ถึงจะอยู่ในโลกด้อยพัฒนา ก็มีปัญญาได้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ตอนนี้ความหลากหลายในอดีตเริ่มลดหายไป งานมีน้อยแนวลง ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครคิดแก้ไข เกิดในเมืองไทยก็จะเสียโอกาสทางการอ่านอย่างใหญ่หลวง
อย่างที่ผมบอกเสมอ หนังสือก็เหมือนอาหาร ไม่เสพก็ไม่มีทางโต ทว่าเสพแต่ประเภทเดียว ก็ได้สารอาหารไม่ครบถ้วน
วินทร์ เลียววาริณ
20-10-251 วันที่ผ่านมา