• วินทร์ เลียววาริณ
    0 วันที่ผ่านมา

    คุยเรื่องสงครามในตะวันออกกลางมาหลายบท ผู้อ่านหลายท่านขอให้เขียนเรื่องสงครามยูเครนบ้าง

    เขียนน่ะเขียนได้ แต่ที่ผมเขียนเป็นข้อมูลอีกชุดหนึ่ง ผมจะเล่าที่มาของสงครามตามข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร​์ โดยไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ว่ากันที่หลักฐานล้วนๆ ไม่งั้นก็ไม่รู้ว่าเราศึกษาประวัติศาสตร์ไปทำไม จริงไหม? ผู้อ่านคงต้องวิเคราะห์เองว่าความจริงเป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่เขียนอาจไม่ตรงใจผู้อ่านที่ได้รับข้อมูลอีกชุดหนึ่ง

    สงครามยูเครนไม่ได้เพิ่งเริ่มในปี 2022 มันโยงไปถึงก่อนยูเครนจะตั้งเป็นประเทศเสียอีก

    ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า โซเวียตกับรัสเซียไม่เหมือนกัน

    ถ้าพูดถึงรัสเซีย หมายถึงประเทศรัสเซียในตอนนี้ ปกครองโดยปูติน ถ้าพูดถึงโซเวียต หมายถึงสหภาพโซเวียต (The Union of Soviet Socialist Republics - USSR) ซึ่งรวมประเทศต่างๆ ร้อยพ่อพันแม่เข้าด้วยกันมาตั้งแต่ปี 1922 ไม่กี่ปีหลังปฏิวัติบอลเชวิกโดยเลนิน แล้วปกครองเหมารวมด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเวลานั้น และประธานาธิบดีเรแกนเรียกมันว่า evil empire (จักรวรรดิปิศาจ)

    จะว่าไปแล้ว โซเวียตก็เป็น evil empire จริงๆ หลังจากเลนินตาย สตาลินส่งคนไปใช้ขวานจามหัวทร็อตสกี้คู่แข่งทางการเมือง ขึ้นครองตำแหน่ง ก่อตั้งสหภาพโซเวียต หมายจะเปลี่ยนทั้งโลกเป็นสีแดง ด้วยองค์การโคมินเทิร์น (Comintern หรือ Communist International) สตาลินฆ่าคนตายไปหลายสิบล้านคน ชาวโลกกลัวคอมมิวนิสต์กันหัวหด

    ในสงครามโลกครั้งที่สอง สตาลินโชคดีที่เข้าถูกฝ่าย ร่วมกับตะวันตกรบกับฮิตเลอร์ จึงอยู่ฝ่ายชนะสงคราม หลังจากสงครามโลกจบ ก็เกิดสงครามเย็นทันที อเมริกากลัวโซเวียตจะเปลี่ยนโลกเป็นคอมมิวนิสต์ทั้งหมด จึงตั้งองค์การ NATO ขึ้นมารับมือในปี 1949 โซเวียตก็ตั้งบ้างคือกลุ่ม Warsaw Pact

    ในปี 1985 กอร์บาชอฟขึ้นมาเป็นผู้นำ มีอาการคล้ายเติ้งเสี่ยวผิงตอนขึ้นเป็นผู้นำจีน คือมองซ้ายมองขวา บ้านเมืองยากจน ดูท่าไปไม่รอด เห็นชัดว่าระบอบคอมมิวนิสต์ไม่เวิร์ก เติ้งเสี่ยวผิงดัดแปลงสิงคโปร์โมเดลมาใช้ ส่วนกอร์บาชอฟตั้งนโยบาย Glasnost (โปร่งใส) และ Perestroika (ปรับโครงสร้างใหม่)

    ถึงจุดนี้ฝ่ายตะวันตกก็เอาใจช่วยกอร์บาชอฟเต็มที่ พยายามให้โซเวียตรัสเซียสลายตัวด้วยดี

    ความล่มสลายของสหภาพโซเวียตเกิดมาจากหลายสาเหตุ แต่ไม่ใช่เพราะอเมริกาชนะสงครามเย็นอย่างที่ชอบเคลมกัน โซเวียตล้มด้วยตัวมันเอง ประการหนึ่ง คอมมิวนิสต์เป็นระบอบที่ไม่เหมาะกับมนุษย์ คนทำงานกับคนไม่ทำงานกินข้าวชามเท่ากัน ทำให้ไม่มีการคิดค้นอะไรออกมาให้เหนื่อยเปล่า

    ประการหนึ่ง โซเวียตผลาญเงินไปกับอาวุธมากมาย เศรษฐกิจไปไม่รอด และอีกประการหนึ่ง โซเวียตใหญ่เกินไป ประกอบด้วยหลายรัฐที่ไม่มีอะไรเหมือนกัน

    ประธานาธิบดีจอร์จ บุช คนพ่อ ให้สัญญากับกอร์บาชอฟที่ Malta Summit ในเดือนธันวาคม 1989 ว่าสหรัฐฯจะไม่ฉวยโอกาสทำลายผลประโยชน์ของโซเวียต บุชบอกว่า “I have not jumped up and down on the Berlin Wall.”

    ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1990 เจมส์ เบเกอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัญญากับกอร์บาชอฟว่า “Not one inch eastward” หลังจากกอร์บาชอฟกลัวว่า NATO คิดฉวยโอกาสขยายตัวไปทางตะวันออก

    “Not one inch eastward” เป็นคำยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่เคลื่อนกำลังหรืออิทธิพลของ NATO เข้าไปทางรัสเซียแม้แต่นิ้วเดียว

    เจมส์ เบเกอร์ ไม่ได้สัญญาครั้งเดียว แต่พูดวลี “Not one inch eastward” ถึงสามรอบ มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

    เบเกอร์บอกกอร์บาชอฟว่า “The Americans understood that not only for the Soviet Union but for other European countries as well it is important to have guarantees that if the United States keeps its presence in Germany within the framework of NATO, not an inch of NATO’s present military jurisdiction will spread in an eastern direction.”

    คำสัญญาของผู้นำอเมริกันทำให้กอร์บาชอฟยอมปิดบริษัทโซเวียต

    ในที่สุดในเดือนธันวาคม 1991 อาณาจักรโซเวียตอันยิ่งใหญ่ก็ล้ม กำแพงเบอร์ลินถูกทุบทิ้งก่อนหน้านั้นไม่นาน หลายแคว้นแยกออกไปเป็นประเทศใหม่ รวมทั้งยูเครน และรับรู้กันทั้งสองฝ่ายว่ายูเครนจะทำหน้าที่เป็นรัฐกันชน สหรัฐฯและฝ่ายตะวันตกจะไม่เข้าไปประชิดพรมแดนรัสเซีย เหมือนกรณีโซเวียตไปตั้งฐานขีปนาวุธที่คิวบาจ่อคอหอยสหรัฐฯในสมัยเคนเนดี

    Warsaw Pact ยุติไปโดยปริยาย แต่ NATO ยังไม่ยอมเลิก แม้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำสงครามเย็นอีกแล้ว

    ปัญหาของสหรัฐฯคือ ผู้นำคนใหม่ไม่รักษาคำสัญญาของผู้นำคนเก่า ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือกรณีนิกสันสัญญายอมรับจีนเดียว แต่ประธานาธิบดีคนหลังๆ ผลักดันให้ไต้หวันเป็นเอกราช เพื่อใช้เป็นหมากเล่นงานจีน

    ในกรณีนี้ สหรัฐฯก็กลืนน้ำลายตัวเอง ฉีกคำสัญญา “Not one inch eastward” จนกลายเป็นสงครามยูเครน

    ดังนั้นว่ากันแฟร์ๆ เมื่อปูตินอ้างคำสัญญา “Not one inch eastward” การบุกยูเครนก็เป็นความชอบธรรม เพราะอเมริกาเป็นฝ่ายฉีกสัญญา

    เอาละ เราย่อมได้ยินบทวิเคราะห์จำนวนมากที่ว่า ปูตินกระสันจะเป็นเจ้าโลก ก่อสงครามเพราะต้องการรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตขึ้นมาใหม่ ในใจลึกๆ ปูตินอาจจะมีความคิดอยากเป็นสตาลิน หรือลอร์ดเซารอน หรือธานอส แล้วใช้ “Not one inch eastward” เป็นข้ออ้าง นี่ย่อมเป็นไปได้ แต่มีข้อแย้งสองจุดที่หักล้างทฤษฎีนี้

    ข้อหนึ่งคือเมื่อบุกยูเครนได้ไม่นาน ปูตินขอเจรจาสันติภาพมากกว่าหนึ่งครั้ง เปิดโอกาสให้ยูเครนเปลี่ยนใจ โดยมีข้อแม้ว่ายูเครนต้องไม่เข้าองค์การ NATO ชั่วกาลปาวสาน การเจรจาเกือบบรรลุผล แต่ฝ่ายตะวันตกขวางในนาทีสุดท้าย บอกให้ยูเครนสู้ต่อไป จะส่งอาวุธให้

    ข้อสอง ว่ากันว่าปูตินมีไอคิวสูงถึง 150 ทว่าแม้แต่คนโง่กว่าปูตินที่ศึกษาประวัติศาสตร์ ก็รู้ว่าระบอบคอมมิวนิสต์ไม่เวิร์ก โลกเราตอนนี้มีระบอบคอมมิวนิสต์แค่ชื่อเท่านั้น ในภาคปฏิบัติไม่ใช่ ไม่งั้นจีนคงไม่มีมหาเศรษฐีระดับโลก และไม่เดินมาทาง "แมวดำแมวขาวไม่สำคัญ" ในคหสต. ผมไม่คิดว่าปูตินจะฉลาดน้อยเดินไปในทิศนี้ เพราะประวัติศาสตร์ก็ชี้ชัดเจนแล้วว่า มหาประเทศโซเวียตที่มีร้อยพ่อพันแม่ไปไม่รอด มันหนักเกินไป

    ดังนั้นผู้อ่านก็ต้องขบคิดเอาเองว่า สงครามยูเครนเกิดขึ้นมาเพราะอะไร และใครกันแน่คือ evil empire

    แต่ท้ายที่สุดแล้ว สภาพประเทศล่มสลายของยูเครนตอนนี้ ซึ่งเห็นชัดว่าต้องใช้เวลาหลายสิบปีฟื้นฟู อาจทำให้ชาวยูเครนต้องถามตัวเองว่า "กูบ่อสื่อจ่อหรือเปล่า" ยังจะยืนยันเข้าเป็นสมาชิก NATO แล้วบ้านเมืองพัง หรือดำรงความเป็นรัฐกันชนเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม

    บทเรียนแรกคือ อย่าใช้บ้านตัวเองเป็นสนามรบของคนอื่น

    และบทเรียนที่สองซึ่งใช้ได้กับทุกประเทศ : "เลือกผู้นำผิด คิดจนประเทศพัง"

    วินทร์ เลียววาริณ
    26-6-25

    อ่านเพิ่มเรื่องความรู้เกี่ยวกับกำเนิดและอวสานของลัทธิคอมมิวนิสต์โลกได้จากนวนิยาย ปีกแดง (รางวัลนวนิยายดีเด่นคณะกรรมการหนังสือแห่งชาติ ปี 2546) https://www.winbookclub.com/store/detail/114/ปีกแดง%20ฉบับปรับปรุง 

    (ขอบคุณภาพจากรอยเตอร์ส)

    1
    • 0 แชร์
    • 10

บทความล่าสุด