-
วินทร์ เลียววาริณ1 วันที่ผ่านมา
ใช่ เขาเอง! บุรุษที่ฉลาดที่สุดในโลก ผู้คิดค้นสูตร E = mc2
เขามีนาม อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขามาเยือนร้านพับผ่าในวันนี้
"คุณมากรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไหร่?" ข้าพเจ้าถามเขา
"วันที่มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขายชาติ"
"คุณก็มาขับไล่?"
"เปล่า ผมมาดูการชุมนุมของไทยเพื่อคิดสมการฟิสิกส์ต่างหาก"
"เอ๊ะ! การเมืองไทยก็มีสมการฟิสิกส์ด้วยหรือไฉน?"
"ใช่"
"แล้วคุณคิดสูตรอะไรได้?"
"E = mc2"
"อ้าว! สูตรเก่าแล้วนี่ ใครๆ ก็รู้ Energy (พลังงาน) = mass (มวล) คูณความเร็วยกกำลังสอง"
"ไม่ใช่ สูตรการเมืองไทยเป็นอีกแบบ"
"ยังไง?"
"E คือ Extinction"
"แปลว่าการสูญสิ้นเมืองไทย?"
"ใช่"
"แล้ว m กับ c ?"
"mc เป็นคำเดียวคือ mass corruption แปลว่าแดกทุกระบบ แดกมโหฬาร แดกทั้งแแผ่นดิน แดกทุกหน่วย แดกทุกระดับประทับใจ"
"ผมพอเห็นภาพ แค่ mass corruption อย่างเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่ยกกำลังสอง"
"ลองคิดดูว่าเมืองไทยจะเหลือหรือ"
"ไม่กล้าคิด ดื่มเหล้าดีกว่านะ"
ข้าพเจ้าชงค็อคเทลชื่อ E = mc2 ทำด้วยแชมเปญ ผสม Southern Comfort ผสมน้ำมะนาว เมเปิลไซรัป ใส่น้ำแข็ง
"รสชาติดีตามเคย" ไอน์สไตน์พูดหลังดื่ม
ข้าพเจ้าถาม "ไหนๆ คุณก็มาเยือนไทยแล้ว เห็นว่าการเมืองไทยไทยตอนนี้เป็นยังไง?"
"ผมถามคุณกลับดีกว่า"
ข้าพเจ้าขบคิด เอ่ย "ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมลาออก เพราะอยากครองอำนาจต่อ แต่ฝ่ายค้านไม่อยากให้นายกฯลาออก อยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่มากกว่า"
"ทำไม?"
"เพื่อที่จะได้อำนาจบ้าง"
"ก็ตามนั้น ใครๆ ก็อยากได้อำนาจ"
"ผมจำได้ว่าตอนที่อิสราเอลตั้งเป็นประเทศใหม่ๆ ไม่นาน เชิญคุณเป็นประธานาธิบดี แต่คุณปฏิเสธ"
ไอน์สไตน์ผงกหัว "ใช่"
"ทำไมปฏิเสธ?"
"ผมไม่ฉลาดพอเป็นนักการเมือง"
ข้าพเจ้าหัวเราะ "ผมว่าตรงกันข้าม"
"ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมอ่อนหัดมากในเรื่องการเมือง ผมบอกคนที่เชิญผมว่า ผมไม่มีประสบการณ์"
"แต่ในหลายประเทศ คนไม่มีประสบการณ์ก็เป็นผู้นำได้"
"คุณคิดว่าเพราะอะไร?"
ข้าพเจ้าหัวเราะ กล่าวว่า "ค็อคเทลที่ดีต้องมีส่วนผสมของวัตถุดิบที่ดีเลิศ แต่นักการเมืองเป็นตรงกันข้าม"
ข้าพเจ้าชงค็อคเทลแก้วใหม่ให้เขา
"นี่อะไร?"
"ค็อคเทล Power, Corruption & Lies ทำด้วย Pierre Ferrand Ambre Cognac ผสม Aperol ผสม Velvet Falernum น้ำมะนาว เกลือ"
ไอน์สไตน์ผงกศีรษะ "อืม! Power, Corruption & Lies ชื่อก็บอกส่วนผสมทั้งหมดที่จำเป็นในการเป็นนักการเมือง"
"คุณคิดว่าเมืองไทยจะไล่นายกฯได้สำเร็จไหม?"
เขาสั่นศีรษะ
"คุณว่าไล่ไม่ได้?"
"เปล่า ผมสั่นหัวเพราะคุณถามผิด"
"ผมควรถามว่าอะไร?"
"คุณควรถามว่าเมื่อไรคนไทยจะสามารถไล่ corruption & lies ออกจากตัวเองก่อน ผมหมายความว่า คุณไม่มีทางเปลี่ยนนักการเมือง คุณเปลี่ยนคนอาจง่ายกว่า แต่คนไทยถูก corruption & lies มอมเมาทุกวัน ต้องสลัดมันให้พ้นตัวก่อน เพราะสลัดความเขลาที่เชื่อ corruption & lies ได้เมื่อไร การไล่นายกฯก็ไม่จำเป็น เพราะจะไม่มีนายกฯแบบนี้มาให้ไล่แต่แรก"
ข้าพเจ้าชง E = mc2 อีกแก้วมาดื่มเอง
เรากำลังเดินหน้าสู่ Extinction เรารู้ว่าสูตรของมันคือ mass corruption แต่เราก็ยังคงเดินไปตามทางนี้
วินทร์ เลียววาริณ
30-6-25..................
หมายเหตุ เหล้าทั้งหมดนี้มีจริง
พับผ่า! บาร์เทนเดอร์ (The Bartender Series 1) มีจำหน่ายแล้วในรูปอีบุ๊ค สนใจดูได้ในเว็บ winbookclub.com หรือ The Meb
(ภาพการเดินขบวนจาก PBS)
0- แชร์
- 69
-
ตอนเช้าลงเรื่อง guilty pleasure หมายถึงสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าไม่ดี หรือไร้รสนิยม แต่เราเสพด้วยความสุข สำหรับหลายคนรวมนิยายวายเข้าไปด้วย
เสพเงียบๆ ไม่บอกใคร
สำหรับคนที่ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรคือนิยายวาย นิยายวายก็คือนิยายชายรักชาย ประมาณ Fifty Shades of Grey ที่ตัวละครทั้งคู่เป็นชาย
หลายปีนี้ นิยายวายในบ้านเราเบ่งบาน ทั้งหนังสือและหนัง จนประเทศไทยน่าจะเป็น Y-hub ในโลกแล้วกระมัง
แต่ถ้าจะนิยามนิยายวายว่า soft power ก็อาจตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย
ที่น่าสนใจคือผู้เขียนและผู้อ่านมักเป็นสตรี
ได้ยินผู้หญิงหลายคนบอกว่า ชายรักชาย "น่ารักดี"
เอาละ ข่าววันสองวันนี้คือ ทางการจีนบอกว่าไม่รู้สึกน่ารักด้วย
ว่าแล้วก็เชิญตัวนักเขียนนิยายวายชาวจีนราวสามสิบคนไปโรงพัก (เกือบทั้งหมดเป็นนักเขียนสตรี) ทำประวัติ สอบสวน ฯลฯ เหมือนอาชญากร
โทษอาจเป็นการจำคุกถึงสิบปี ข้อหา "ผิดมาตรฐานชุมชน" จีน
นิยายวายในจีนเรียกว่า ตันเหม่ย (耽美) นิยายวายเหล่านี้ไม่ได้เผยแพร่ในจีนโดยตรง ส่วนมากผ่านเว็บในไต้หวัน เช่น Haitang Literature City
ทำไมจีนจึงปราบนิยายวาย?
เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะประชากรชาวจีนลดลงเรื่อยๆ จะเป็นมหาอำนาจของโลกต้องมีประชากรมากพอด้วย นิยายวายอาจเป็นอุปสรรคขวาง เพราะมันอาจสร้างค่านิยมและรสนิยมที่สวนทางกับเป้าหมายรวม
ยังโชคดีนะที่ไม่ได้อยู่ในบางสังคมของโลกซึ่งโทษของวายคือประหารชีวิต
สำหรับเมืองไทย คงเป็นแหล่งผลิตตันเหม่ยไปได้อีกนาน เพราะในเมืองไทยทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
วินทร์ เลียววาริณ
1-7-250 วันที่ผ่านมา -
วันนี้ท่านรัฐมนตรีรักชาติไปออกรายการข่าวการเมือง ถกเถียงกับฝ่ายค้านคอเป็นเอ็น แล้วเกิดอาการหน้ามืดล้มลง ผู้จัดรายการรีบพาท่านไปส่งที่โรงพยาบาล
หมอประจำตัวท่านตรวจอาการแล้ว พบว่าท่านรัฐมนตรีรักชาติไม่เป็นอะไรมาก
"ท่านไม่ได้เป็นอะไร น่าจะทำงานหนักไป"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติพยักหน้าหงึกๆ "จริงครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้พัก มัวแต่ทำงานเพื่อประชาชน แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่เชื่อ มาด่าผม ผมเถียงกลับ ความดันจึงพุ่ง"
"อย่าไปใส่ใจเสียงนกเสียงกาเลย ว่าแต่ว่าท่านมีอาการอื่นไหมครับ?"
"ผมเจ็บตรงชายโครงครับ"
"ข้างไหน?"
"ทั้งสองข้างครับ"
"ออกกำลังกายผิดท่าหรือเปล่าครับ?"
"เปล่าครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย มัวแต่ทำงานเพื่อประชาชน"
"บิดตัวแรงไปหรือเปล่าครับ?"
"เปล่าครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง มัวแต่ทำงานเพื่อประชาชน"
"แล้วตอนอาบน้ำหกล้มกระแทกกับอะไรบ้างหรือเปล่า?"
"ผมจำไม่ได้ ผมจำได้แต่ว่ามัวแต่ทำงานเพื่อประชาชน"
"งั้นผมส่งท่านไปเอ็กซเรย์นะครับ"
"เอ็กซเรย์นานมั้ย? ผมต้องรีบไปทำงานเพื่อประชาชน"
"เพื่อประชาชน เราจะรีบทำให้เร็วที่สุดเลยครับ"
.....................
ท่านรัฐมนตรีรักชาติปรากฏตัวที่ห้องเอ็กซเรย์ เจ้าหน้าที่มองสูทที่ท่านสวม บอกว่า "ท่านไปถอดเสื้อออกแขวนในห้องนั้น เดี๋ยวผมเอ็กซเรย์คนไข้คนนี้เสร็จ ท่านเป็นคิวต่อไป"
"ได้"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติถอดเสื้อออกแขวนแล้ว ก้าวออกจากห้อง สวนทางกับคนไข้ที่เพิ่งเอ็กซเรย์เสร็จ
คนไข้คนนั้นมองชายโครงของท่านแล้วถาม "เจ็บซี่โครงใช่ไหม?"
"ใช่ครับ"
"หมอให้มาเอ็กซเรย์หรือ?"
"ใช่ครับ"
คนไข้คนนั้นหัวเราะ บอกว่า "โอ๊ย! อย่างคุณรักชาติไม่ต้องเอ็กซเรย์แล้ว"
"คุณรู้จักผม?"
"ใช่"
"ทำไมคุณบอกว่าผมไม่ต้องเอ็กซเรย์แล้ว?"
"เพราะอาการอย่างนี้ไม่ต้องเอ็กซเรย์ให้เสียเวลา"
"คุณไม่ใช่หมอ คุณรู้ได้ยังไง? ผมเป็นอะไร?"
"สีข้างของคุณมันถลอกมากเลย ผมดูรายการที่คุณรักชาติออกบ่อยๆ ทั้งรายการโทรทัศน์ การแถลงในรัฐสภา คุณรักชาติแถบ่อยจนสีข้างถลอก หยุดแถเมื่อไหร่ก็หายครับ"
วินทร์ เลียววาริณ
1-7-250 วันที่ผ่านมา -
เคยไหมที่คุณไม่กล้าบอกเพื่อนว่า ชอบดูหนังน้ำเน่าเรื่องหนึ่งมาก ดูซ้ำหลายรอบ และมักดูตอนอยู่คนเดียว
เคยไหมที่คุณแอบออกจากห้องนอนตอนดึก เปิดตู้เย็นคว้าไอศกรีมกระปุกใหญ่มากินเงียบ ๆ และไม่บอกใคร
นี่คือพฤติกรรมที่เรียกว่า guilty pleasure
guilty pleasure เป็นสำนวน หมายถึงสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าไม่ดี หรือไร้รสนิยม แต่เราเสพด้วยความสุข
และมักแอบทำ!
ยกตัวอย่างเช่น หนังน้ำเน่าที่ใคร ๆ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแย่มาก แต่เราดูแล้วชอบ มีความสุข
ดนตรีขยะที่ไร้รสนิยม แต่เราฟังแล้วสบายใจ
หนังสือเรทเอ็กซ์บางเล่มถูกสังคมว่าไม่ดี เลวร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราชอบ
ดูรายการเรียลิตี ทีวี ที่ไร้สาระมาก ๆ ที่ไร้สาระโดยสิ้นเชิง แต่ดูแล้วคลายเครียด มีความสุข
เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ารสนิยมเราไม่เหมือนคนอื่น จึงแอบเสพงานเหล่านี้คนเดียว เวลาอยู่กับคนอื่น เราจะไม่มีวันบอกว่าเราชอบงานชิ้นนั้น ๆ
กลัวคนอื่นจะตัดสินเรา
งานที่เป็น guilty pleasure ส่วนมากเป็นเรื่องนานาจิตตัง เป็นแค่รสนิยมต่างกัน ไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก
ผมเองก็ชอบดูหนังบู๊แย่ ๆ ของฮอลลีวูด ยิงกันสนั่นหวั่นไหว ไม่มีสาระโดยสิ้นเชิง แต่การดูทำให้ผ่อนคลาย สมองไม่ต้องคิด เพราะมันไม่มีพล็อตหรือสาระให้ต้องคิด แค่ดูเขายิงกัน จบแล้วก็ผ่อนคลายในระดับหนึ่ง
พูดง่าย ๆ คือ guilty pleasure ก็คือการปิดสวิตช์สมองส่วนตรรกะชั่วคราว ปล่อยให้หัวใจนำทางชีวิต เพราะบางครั้งบางห้วงยาม เราไม่ต้องการเหตุผล แค่อยากทำสิ่งที่อยากทำ
ช่วงบ่ายถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่เราหลบไปดื่มกาแฟหรือไอศกรีมสักถ้วย
ถึงคิวออกกำลังกาย ก็หลบไปกินเบอร์เกอร์สักชิ้น เอ้า! ไหน ๆ ก็กินแล้ว ตามด้วย เฟรนช์ ฟราย สักถุงก็แล้วกัน ตบท้ายด้วยน้ำดำที่เขาว่ามีน้ำตาลเยอะ กินก่อน ไปแก้ปัญหาน้ำตาลเกินทีหลัง
หรือออกกำลังกายเสร็จ ก็ฟาดไอศกรีมไปทั้งกระปุกใหญ่
ชีวิตเราทุกคนย่อมมี guilty pleasure สักอย่าง สองอย่าง หรือหลายอย่าง
เรามีเสรีภาพในการทำเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ หากชอบก็ทำ ไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ ไม่จำเป็นต้องเดินเส้นทางชีวิตตามใจคนอื่น ไม่ต้องให้คำตัดสินของคนอื่นอยู่เหนือชีวิตเราทุกอย่าง
ผมมีคนรู้จักหลายคนที่ชอบอ่านนิยายน้ำเน่า ซ้ำ ๆ กัน ไม่เคยมีความคิดจะหานิยายที่มีความลุ่มลึกมาอ่าน
อ่านแล้วมีความสุข ก็ตามสบาย ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปตัดสินเขาหรือเธอ
แต่ระวังอย่าเพลินไปกับ guilty pleasure ที่เป็นอาหารขยะบ่อยนัก เพราะเส้นรอบเอวหนาขึ้นแล้ว แก้ไขยากจริง ๆ
ถึงตอนนี้ guilty pleasure หายไป เหลือแต่ guilty อย่างเดียว
วินทร์ เลียววาริณ
1-7-25.................
จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
https://www.winbookclub.com/store/detail/187/เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าShopee https://s.shopee.co.th/60Bx1VKarm
Shopee โปรโมชั่นคู่กับยุทธจักรวาลกิมย้ง https://s.shopee.co.th/6pl417244u
1 วันที่ผ่านมา -
2 วันที่ผ่านมา
-
หากแอลเอสดีเป็นสารกระตุ้นเพื่อสู่สวรรค์ของชาวบุปผาชนอเมริกันในยุคทศวรรษ 1960 ชาเขียวก็อาจจัดว่าเป็นสารกระตุ้นของชาวเซนมานานนับพันปี
เมื่อ เอไซ เซนจิ นำแนวคิดสายหลินฉีจากเมืองจีนไปเผยแผ่ในญี่ปุ่น เรียกว่า รินไซ เซน ตั้งวัดเซนแห่งแรกของญี่ปุ่น นอกจากเมล็ดธรรมแล้ว ท่านยังกลับมาพร้อมเมล็ดชา ท่านปลูกต้นชาที่วัดของท่านใกล้เมืองเกียวโต
ตลอดชีวิตที่เหลือศึกษาเรื่องการปลูกชาและการบ่มชาจนเชี่ยวชาญ จนสามารถเขียนตำราเกี่ยวกับชาชื่อ คิตสะ โยโจคิ (喫茶養生記) แปลว่า ดื่มชาเพื่อสุขภาพ การดื่มชาของพระเซนนั้นมีเจตนาเพื่อแก้ง่วง ไม่ให้ง่วงเหงาหาวนอนเวลาทำสมาธิ แต่ต่อมาก็ซึมซาบกลายเป็นวิถีชีวิตของญี่ปุ่นไป
อาจารย์เอไซคงคาดไม่ถึงว่า ชาเขียวกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตญี่ปุ่นไปตลอดกาล นอกจากจะใช้ดื่มในชีวิตประจำวันแล้ว การดื่มชายังใช้เป็นการทำสมาธิของคนทั่วไปอย่างหนึ่ง เรียกว่า พิธีฉะโนะยุ
สถานที่ทำพิธีดื่มชาที่ดีมักเป็นกระท่อมเล็ก ๆ ที่แยกไกลออกไปจากอาคารอื่น ๆ มีสวนล้อมรอบ ต้นไม้สีเขียว เสียงน้ำไหลผ่านโขดหิน เสียงนกร้อง
ผู้เข้าพิธีดื่มชาต้องทำความสะอาดร่างกายก่อน โดยตักน้ำจากบ่อหินนอกกระท่อมด้วยกระบวยไม้ไผ่ล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็คุกเข่า เลื่อนประตูไม้บุกระดาษออก คลานเข้าไปในกระท่อมช้า ๆ เข้าไปนั่งคุกเข่าในห้องอย่างสงบเสงี่ยม
โครงสร้างกระท่อมเป็นไม้ไม่ทาสี หลังคามุงฟางข้าว ผนังบุกระดาษโชจิ กำแพงด้านหนึ่งมักแขวนภาพวาดหรือตัวอักษร หรือจัดดอกไม้ พื้นกระท่อมปูด้วยเสื่อตาตามิ เว้นช่องกลางเป็นเตาไฟ
บรรยากาศแม้จะเคร่งขรึม แต่ผ่อนคลาย ผู้เข้าร่วมพิธีอาจสนทนากันเบา ๆ หรืออาจจะเงียบก็ได้ คนเตรียมพิธีจัดการก่อไฟ ใช้กระบวยไม้ไผ่ตักน้ำลงในกาด้วยกิริยาไม่เร่งรีบ
ผู้ชงชาทำความสะอาดกาน้ำชา ถ้วย กระบวย และเริ่มต้มน้ำ บนพื้นยังมีถ้วยชา ขนม ชาเขียวบด ผู้ชงชายื่นถาดขนมสี่ชิ้นมาให้พร้อมคำนับ ผู้เข้าพิธีคำนับตอบ และกินขนมนั้น เสร็จแล้วก็เช็ดอุปกรณ์ด้วยกระดาษขาว
ผู้ร่วมพิธียังสามารถสนทนากันได้ จนเมื่อน้ำในกาเดือดพล่าน มีไอพวยพุ่งออกมา ทุกคนจะเงียบ ผู้ชงชาใส่ชาเขียวบดในถ้วยชาดินเผา รินน้ำร้อน และกวนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เป็นชาเขียวข้น ผู้เข้าพิธียกถ้วยชาขึ้นจรดปากและดื่มอย่างไม่รีบร้อน
ประสบการณ์ในพิธีฉะโนะยุสำหรับคนที่มีวิถีชีวิตยุ่งเหยิงก็เช่นเดียวกับการนอนหลับสักงีบเพื่อให้กายใจสดชื่นขึ้น หรือดูหนังสักเรื่องเป็นการชำระคราบไคลจากวิถีชีวิตรกรุงรังของโลกภายนอก นี่มิใช่พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาเช่นพิธีมิสซาของชาวคาทอลิก หากเป็นการหาวิเวกธรรม
ประสบการณ์พิธีดื่มชาเขียวสำหรับคนที่ห่างไกลเซนอาจเป็นเรื่องใหม่แต่เป็นความรู้สึกประหลาด มันเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นห้วงยามสั้น ๆ ที่ผู้ร่วมพิธีใกล้ชิดกับตัวตนของตนอีกครั้ง
ตัวตนดั้งเดิม ตัวตนที่หายไป...
วินทร์ เลียววาริณ
29-6-25................................
จาก มังกรเซน และ Mini Zen (เซนฉบับการ์ตูน)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วมังกรเซน Shopee คลิก https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6
เว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/244/Mini%20Zen%20คู่%20Mini%20Tao
2 วันที่ผ่านมา