-
วินทร์ เลียววาริณ3 วันที่ผ่านมา
ผมเขียนเรื่องดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยามาหลายสิบปี ทุกครั้งที่เล่าเรื่องการค้นคว้าในอวกาศ หลุมดำ พลังงานมืด อารยธรรมต่างดาว ฯลฯ ผมมักได้ยินคำถามเดิมๆ เสมอ นั่นคือ "รู้ไปทำไม" และ "นี่เป็นอจินไตย"
แต่เราต้องระวังเวลาใช้คำว่าอจินไตย
อจินไตยไม่ได้แปลว่าให้หยุดเรียนรู้
ความรู้ก็คือความรู้ บางเรื่องดูไกลตัวมาก เหมือนไม่เกี่ยวกับเรา และเราก็มักติดป้ายอจินไตยในเรื่องนั้นๆ
ตัวอย่างที่เราได้ยินเสมอคือ เราส่งคนไปอวกาศทำไม จะส่องกล้องดูดวงดาวในกาแลกซีไกลโพ้นไปทำไม แทนที่จะใช้พัฒนาชีวิตมนุษย์บนโลกก่อน
แต่หากพ่อแม่เราป่วยไปโรงพยาบาล ต้องผ่าหัวใจด้วยระบบเลเซอร์ หรือหมอตรวจพบมะเร็งในตัวเรา สแกนร่างกาย หรือต้องทำแขนขาเทียม จะพบว่าทั้งหมดนี้มาจากการศึกษาเรื่องอวกาศที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับเราทั้งสิ้น
ยังไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่เราขาดไม่ได้ในตอนนี้ เช่น GPS คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ก็มาจากการศึกษาอวกาศอันไกลโพ้นทั้งสิ้น
และที่ยกตัวอย่างนี้เป็นแค่ประโยชน์เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น
มันก็เหมือนกับคนโบราณเมื่อสองล้านปีที่แล้วค้นพบการใช้ไฟ และเพื่อนบอกว่า จะเอาไฟไปทำอะไร
แต่ไฟทำให้สมองมนุษย์ขึ้นใหญ่ขึ้น และทำให้เราเป็นเราในวันนี้
อิสลามเคยเป็นเจ้าโลกในเรื่องวิทยาการ ดวงดาวส่วนใหญ่บนฟ้าในเวลานี้เป็นภาษาอิสลาม แต่ยุคทองของอิสลาม (ศูนย์กลางที่แบกแดด) ก็ล้มครืนทันที เมื่อผู้นำสั่งห้ามการแสวงหาความรู้ โดยอ้างศาสนา และไม่เคยฟื้นจนบัดนี้
เราจึงควรระวังเวลาใช้คำว่าอจินไตย มันเป็นคนละเรื่องกับการแสวงหาความรู้ เพราะวันใดที่มนุษย์หยุดหาความรู้ อารยธรรมมนุษย์ก็สูญสิ้นในวันนั้น
วินทร์ เลียววาริณ
3-6-250- แชร์
- 29
-
When Small men begin to cast big shadows, it means that the sun is about to set.
เมื่อคนไม่สำคัญเริ่มสร้างเงาขนาดใหญ่ ก็หมายถึงตะวันกำลังจะตกดิน
Lin Yutang
.........................
หมายเหตุ
small men หมายถึงคนทั่วไป คนที่ไม่สำคัญ แต่อาจหมายถึงนักการเมืองที่พยายามจำลองตัวเองเป็นคนธรรมดาเหมือนชาวบ้าน ในบริบทนี้ก็อาจหมายถึงนักการเมืองที่เริ่มหมดแสง
หลินหยี่ถัง (林語堂) เป็นนักปราชญ์จีนที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 20
1 วันที่ผ่านมา -
เวลาใช้คำว่า Big Bang เรานึกภาพการระเบิดจากจุดจุดหนึ่ง หรือจุดศูนย์กลาง
นี่คือวิธีมองตามสามัญสำนึกของมนุษย์
เรามีภาพการระเบิดแบบหนังฮอลลีวูด ระเบิดรถ ระเบิดตึก ก็ต้องมีจุดศูนย์กลาง
หรืออาจบอกว่าการระเบิดเกิดขึ้นภายใน space
แต่ บื๊ก แบง ไม่ใช่การระเบิดภายในพื้นที่หรือ space
มันไม่ใช่การระเบิดตามสามัญสำนึกของเราด้วยซ้ำ
อาจเรียกว่ามัน 'ปรากฏ' ขึ้นก็ได้
แล้วปรากฏขึ้นจากไหน?
ไม่ทราบ
เรารู้เพียงว่า บื๊ก แบง ปรากฏขึ้นพร้อม space ที่มันสร้างขึ้น
บื๊ก แบง ก็คือการสร้าง space ขึ้นมา
ดังนั้นมันไม่มีจุดใดจุดหนึ่งใน space ที่บอกว่านี่คือ บิ๊ก แบง นะ เพราะไม่ได้เกิดขึ้นใน space
งงใช่ไหม? ไม่งงก็แปลก
สิ่งที่แปลกอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าคุณอยู่จุดใดในจักรวาล คุณจะรู้สึกเหมือนว่าคุณเป็นจุดศูนย์กลางของการขยายตัว
คล้ายๆ อีโก้ของคนบางคน
เคี้ยกเคี้ยก
วินทร์ เลียววาริณ
5-6-251 วันที่ผ่านมา -
ในการเขียนหนังสือ บ่อยครั้งนักเขียนต้องการให้เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเผลอหลงทางเข้ารกเข้าพง กลับพบว่าเรื่องน่าสนใจกว่าเดิม ก็สามารถพลิกเปลี่ยนเรื่องได้ เช่น แรกเริ่มตั้งใจเขียนเรื่องรักสมหวัง แต่กลายเป็นเรื่องเศร้าสลดซึ่งดีกว่ากันมาก ๆ ก็รับความบังเอิญนี้เสีย
ในการทำอาหาร บางครั้งผลที่ได้รับไม่ตรงตามที่ต้องการแต่แรก ทว่ากลับให้รสชาติที่ดีไปอีกแบบหนึ่ง อาหารจานเด็ดจำนวนมากเกิดมาจากความบังเอิญ ตั้งแต่แซนด์วิชไปจนถึงอาหารแปลก ๆ ประเภท 'คิดได้ไง' ทั้งหลาย
ในสายการแพทย์และวิทยาศาสตร์ มีการค้นพบมากมายอันเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติซึ่งเกิดจากความบังเอิญ เช่น การค้นพบวัคซีนป้องกันโรค, การค้นพบว่าระบบประสาททำงานด้วยไฟฟ้า, เอกซเรย์, ยาเพนิซิลลิน, วัคซีนฝีดาษจากวัว, การพบเสียงตกค้างของ บิ๊ก แบง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเริ่มต้นมาจากความบังเอิญหรือลูกฟลุค
ความบังเอิญที่น่ารื่นรมย์!
ในการใช้ชีวิต อาจจะมีสักครั้งสองครั้งหรือหลายครั้งที่หลายเรื่องทำให้เกิดความบังเอิญที่น่ารื่นรมย์ เช่น การยิ้มกับคนแปลกหน้าในห้องน้ำทำให้มีโอกาสเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณายาสีฟัน การคุยกับผู้โดยสารที่นั่งข้าง ๆ ในเครื่องบินนำไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ การทำงานหนักในงานชิ้นหนึ่งจนล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลทำให้พบวิธีหาเงินแบบใหม่ การขับรถเฉี่ยวกันทำให้พบคนรัก (นี่เป็นพล็อตนิยายรักมาหลายสิบปีแล้ว) ฯลฯ
โลกนี้เต็มไปด้วยของดีที่มากับความบังเอิญ แต่มันจะไม่มีวันกลายเป็นลูกฟลุคที่น่ารื่นรมย์หากไม่มีใครมองเห็น หรือไม่พร้อมเปิดรับหนทางใหม่ที่นำไปสู่นวัตกรรม 'ความบังเอิญที่น่ารื่นรมย์' ในสายตาของคนที่มองไม่เห็นอาจเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
การเปิดหูเปิดตา เปิดความคิด อ่านมาก เดินทางมาก การไม่ยึดติดกับกฎเดิม ๆ ก็มีส่วนช่วยเปิดความคิดเปิดใจออกกว้าง หากฝึกฝนสายตาให้แยกแยะเพชรออกจากตม มันก็เป็นความรื่นรมย์
นักวิทยาศาสตร์สายการแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ หลุยส์ ปาสเตอร์ เขียนว่า "ในพื้นที่ของการสังเกต ความบังเอิญเกิดขึ้นกับความคิดที่พร้อมจะรับเท่านั้น"
เพราะถึงแสงสว่างจะสาดตรงมาหาเรา แต่หากไม่เปิดหน้าต่าง ก็ยังคงจมอยู่ในความมืดเช่นเดิม
วินทร์ เลียววาริณ
5-6-25
...........................จาก สองปีกของความฝัน
46 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 170 บาท = บทความละ 3.69 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วhttps://www.winbookclub.com/store/detail/88/สองปีกของความฝัน
2 วันที่ผ่านมา -
เช้านี้อากาศดี ท่านรัฐมนตรีรักชาติตื่นมาออกกำลังกาย โดยเดินรอบสวนของท่าน พื้นที่ 7 ไร่เพียงพอให้ท่านเดินออกกำลังกายโดยไม่ต้องพึ่ง ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่ไหน อย่าว่าแต่ท่านก็มี ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่มุมหนึ่งของพื้นที่บ้าน
ท่านรัฐมนตรีรักชาติเดินไปบนพื้นคอนเกรีตริมรั้ว พลันสายตาเหลือบเห็นใบไม้ใบหนึ่ง ท่านรัฐมนตรีรักชาติก้มลงดู มันไม่ใช่ไบไม้ที่หล่นมาจากต้นไม้ในบ้านท่านแน่นอน ท่านตะโกนเรียกสาวใช้
สาวใช้วิ่งหน้าตื่นมาหา
ท่านว่า "ใบไม้นี่มาจากที่ใด?"
"น่าจะปลิวมาจากเพื่อนบ้านท่านค่ะ"
"อย่างนี้ใช้ไม่ได้ รุกล้ำอธิปไตยบ้านผม โยนมันกลับไป"
สาวใช้หยิบใบไม้ใบนั้น เหวี่ยงข้ามรั้วไปที่บ้านติดกัน
ท่านรัฐมนตรีรักชาติเดินต่อไป พลันชะงักกึก สายตาจับที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งของต้นไม้เพื่อนบ้าน ถามสาวใช้ "กิ่งนั่นข้ามรั้วบ้านผมหรือเปล่า?"
"มองไม่ชัดค่ะ"
"ตามช่างสมบัติมาซิ"
"วันนี้เขาลาค่ะ"
"เขาจะเป็นลา เป็นแพะหรือแกะ ไม่สนใจ ตามตัวมา"
"ค่ะ"
สิบนาทีต่อมารถบรรทุกก็แล่นมาจอด ช่างสมบัติวิ่งหน้าตื่นไปหาท่านรัฐมนตรีรักชาติ
"ครับผม ผมมารายงานแล้วครับ"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติชี้ไปที่กิ่งไม้กิ่งนั้น
"คุณมีเครื่องวัดเลเซอร์ วัดหน่อยซิว่ากิ่งไม้นั้นรุกล้ำบ้านผมหรือเปล่า"
ช่างสมบัติติดตั้งเครื่องบนขาตั้ง ครู่หนึ่งแสงเลเซอร์ก็ฉายไปบนกิ่งไม้
เขารายงาน "กิ่งไม้นั้นล้ำบ้านท่านมาครึ่งเซ็นต์ครับ"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติตวาด "อย่างนี้ใช้ไม่ได้ รุกล้ำอธิปไตยบ้านผม ตัดมันทิ้ง แล้วโยนกลับไปที่บ้านเพื่อนบ้าน"
"ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน"
สาวใช้อีกคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นมาหาท่านรัฐมนตรีรักชาติ ยื่นโทรศัพท์มือถือของท่านให้ท่านรัฐมนตรี
"โทรศัพท์ท่านค่ะ"
"ผมบอกแล้วว่าเวลาเดินเล่น ผมไม่รับสายใคร"
"สายจากฝ่ายทหารค่ะ"
ท่านรัฐมนตรีรักชาติรับสายนั้น "ว่าไง?"
เสียงตามสายดังขึ้น "ประเทศเพื่อนบ้านกำลังรุกล้ำอธิปไตย ข้ามเส้นพรมแดนของเราครับ จะให้ทำยังไง?"
"ไม่ต้องทำอะไร"
"นี่มันเรื่องซีเรียส..."
ท่านรัฐมนตรีรักชาติถอนหายใจ "โธ่! เรื่องแค่นี้ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ก็เพื่อนบ้านกัน คุยกันได้"
วินทร์ เลียววาริณ
4-6-252 วันที่ผ่านมา -
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในโลกเร่งรีบทุกวันนี้ จะมีโฆษณาสร้างนักเขียนแบบเร่งรีบ เป็นนักเขียนได้ในเวลาไม่กี่วัน
เรามีค่านิยมว่า ความสำเร็จมาเร็วๆ ได้ ในบางสายอาจจะใช่ แต่จากประสบการณ์ตรง ไม่น่าใช่สายนักเขียน
มีคนถามผมเสมอว่า ต้องใช้เวลาสร้างนักเขียนคนหนึ่งนานเท่าไร ปีเดียวพอไหม?
คำตอบของผมคือ 20-30 ปี
ได้ยินเช่นนี้ หลายคนไม่เชื่อ ส่วนคนที่เชื่อหลายคนก็ล้มเลิกความคิดจะเป็นนักเขียน
ผมบอกเสมอมาว่า นักเขียนมีสองแบบ นักเขียนธรรมดากับนักเขียนดี
นักเขียนธรรมดาแค่จับปากกาเขียนตัวหนังสือ ก็เป็นนักเขียนได้แล้ว
ส่วนนักเขียนดีนั้นต้องมีคุณสมบัติคิดลุ่มลึก จินตนาการกว้างไกล แต่งเรื่อง วางลำดับเรื่อง สามารถใช้ภาษาในระดับดี ไม่มีส่วนขาดส่วนเกิน เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์งานแต่ละชิ้นอย่างประณีตจะทำอย่างนี้ได้ต้องใช้เวลาหลายสิบปี ไม่มีทางเขียนเรื่องดีได้หากไม่ฝึกฝนยาวนาน
ลำพังการฝึกใช้ภาษาให้ถึงขั้น ‘นายของภาษา’ ก็ต้องใช้เวลายี่สิบปีขึ้นไป
การฝึกฝนก็เหมือนการเปลี่ยนจากธารน้ำสายน้อยเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ธารน้ำไม่สามารถกัดเซาะแผ่นดินได้ในทีเดียว ต้องค่อย ๆ สะสมพลัง ขยับขยายกลายเป็นลำน้ำใหญ่ขึ้น จึงมีแรงเซาะแผ่นดินโค่นภูผา รีบร้อนเกินไปก็ไร้พลังเซาะ ต้องบ่มเพาะจนสายน้ำมีพลังแรงพอ
นี่เองที่ทำให้เรื่องบางเรื่องทำเร็วไม่ได้ แม้อยากให้เร็วแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งรีบยิ่งช้า
การฝึกเขียนก็เหมือนการออกกำลังกาย และอีกหลายกิจกรรมที่ดูเหมือนไม่สนุก เพราะเราคิดไปก่อนว่ามันไม่น่าสนุก
การติดป้ายกิจกรรม ‘สนุก’ และ ‘ไม่สนุก’ แยกชัดเจนทำให้เราเสียโอกาสทำเรื่องที่ไม่น่าจะสนุกให้สนุกได้ เพราะสนุกและไม่สนุกเป็นเรื่องนานาจิตตัง บางคนไม่สนุกกับการออกกำลังกาย บางคนกลับสนุกกับมัน ฯลฯ
ชีวิตคือการรักษาสมดุลของความชอบกับความไม่ชอบ คือการรักษาจังหวะความเร็วช้า ผ่อนหนักผ่อนเบา
ในปรัชญาการใช้ชีวิตแบบทางสายกลาง ใช้เวลาแต่พอดี ไม่เร่ง ไม่ช้า เพราะเวลาคือดัชนีวัดระยะทางของชั่วชีวิต ไม่ใช่ชีวิตในตัวมันเอง
บางทีสุภาษิตไทย ‘ช้าเป็นการนานเป็นคุณ’ กับ ‘น้ำขึ้นให้รีบตัก’ อาจไม่ได้ขัดแย้งกัน แต่เป็นคนละ ‘โหมด’ ที่ใช้ต่างเวลากัน
บางเรื่องควรเร็วหน่อย บางเรื่องควรช้าหน่อย
รักษาสมดุลของเร็ว-ช้าได้ ชีวิตก็งดงามขึ้น
วินทร์ เลียววาริณ
4-6-25
...................................จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
56 บทความกำลังใจ ราคาเพียง 200 บาท = บทความละ 3.5 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้วโปรโมชั่นพิเศษเป็นชุด https://shope.ee/2LAmmZMaOd?share_channel_code=6
3 วันที่ผ่านมา